วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กรรมพยากรณ์ ตอนเลือกเกิดใหม่ (ตอนที่ ๑๗ ชดใช้)

<ย้อนกลับอ่านตอนที่ ๑๖ 

ตอนที่ ๑๗ ชดใช้

พฤหัสกับอเวรานัดดูหนังกัน แต่ช่วงเช้าของวันนั้นหญิงสาวต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน จึงให้เด็กหนุ่มเดินทางมารอที่ห้างก่อน
ห้างเพิ่งเปิดได้ไม่นานนัก พฤหัสเดินโต๋เต๋ผิวปากอย่างอารมณ์ดี เขาเคยมีแฟนมาหลายคน แต่เพิ่งคนนี้ที่รู้สึกว่ารอนัดดูหนังแล้วมีความสุขอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งไม่รังเกียจกับการเป็นฝ่ายรอคอยเลยแม้แต่น้อย
อเวราทำให้เขารู้สึกเหมือนโตขึ้นหลายปี ช่องว่างระหว่างกันลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีใจตรงกันในเรื่องความบันเทิง หล่อนกับเขาชอบดูหนังแนวเดียวกัน โปรดปรานนักร้องคนเดียวกัน และมีรสนิยมใกล้เคียงกันในเกือบทุกด้าน ราวกับถูกกำหนดมาให้เข้าคู่กันได้สนิท
ยิ่งเมื่อแน่ใจว่าไม่มีสายตาภายนอกเห็นความต่างระหว่างวัย บรรยากาศของการไปไหนมาไหนด้วยกันจึงชื่นมื่นขึ้นเรื่อยๆ พฤหัสรู้สึกว่าหล่อนลดความประดักประเดิดลงจนเหลือศูนย์ในคราวล่าสุดที่เดินห้างแล้วถ่ายรูปทำสติ๊กเกอร์ด้วยกัน สีหน้าหล่อนในรูปบ่งชัดว่าลืมเรื่องอายุและยอมรับเขาเป็นแฟนเต็มขั้นแล้ว
หลายครั้งพฤหัสถามตัวเองงงๆ ว่ากับผู้หญิงคนนี้ เรื่องจะลงเอยที่ตรงไหนดี บางทีเหมือนแค่เขาอยากทำเรื่องท้าทาย เอาไปคุยอวดเพื่อนว่าข้าแน่ กินรวบสาวได้ทุกรุ่น ต่อให้เกิดก่อนเกือบสิบปีก็ประกบสำเร็จมาแล้ว แต่บางทีก็มีจินตนาการประหลาด คิดถึงหล่อนแล้วเป็นสุขดื่มด่ำล้ำลึกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ระหว่างวันเกิดความโหยหาเร้นลับที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง แน่ใจว่าความรู้สึกพรรค์นี้เองที่จูงใจให้ใครๆ อยากมีคู่ครองเป็นตัวเป็นตน ไม่สักแต่คบกันอย่างฉาบฉวยชั่วคราว
มาถึงจุดนี้เร็วเกินไปกระมัง? เขายังต้องฝ่าฟันกับการเรียนอีกหลายปีถึงจะมีสิทธิ์คิดจริงจังกับผู้หญิงสักคน แต่ยิ่งใกล้ชิดใจก็ยิ่งอยากให้เป็นหล่อนคนนี้ เหมือนเขาเป็นนักสะสมรูปที่กว้านเก็บไปทั่ว เพลิดเพลินกับการนำมาประดับผนังมุมต่างๆ ของบ้าน เบื่อแล้วก็นำรูปอื่นมาสลับสับเปลี่ยนหลีกหนีความจำเจ กระทั่งมาเจอรูปถูกใจที่สุด ขนาดอยากนำไปแขวนในห้องนอนอย่างถาวรทันที เพราะไม่คิดว่าจะเจอรูปใดที่เข้ากับห้องสำคัญของเขาเกินกว่านี้อีกแล้ว
อเวราเป็นคนดี มีความจริงใจ เขาสบายหัวอกทุกครั้งเมื่อเห็นหน้าหรือยินเสียง ต่างฝ่ายต่างหลงใหลกัน หล่อนปลื้มเขา และเขาก็ปลื้มหล่อน นี่เป็นประสบการณ์แรกกับการพบคู่ที่มีเสน่ห์ดึงดูดแรงพอกัน
เดินเรื่อยเปื่อยจนเพลงเธอที่ใช่ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ พฤหัสยิ้มกว้างและกดปุ่มรับ
ถึงไหนแล้วพี่เค้ก?”
กำลังหาที่จอด แต่รถติดยาวหน่อย เธออยู่ไหน?”
๑๔๙

 

อยู่ในหัวใจของพี่เค้กตลอดเวลา
อเวราอดหัวเราะไม่ได้
อยู่ชั้นไหน? เดี๋ยวเค้กจะได้ไปหาถูก
หล่อนทำเสียงหวาน พฤหัสกำหนดจุดนัดพบแล้ววางสาย เบาหัวอกและยิ้มเย็น บอกตนเองในวูบนั้นว่าเขารักผู้หญิงคนนี้ และคงหมายถึงการอยากอยู่กับหล่อนตลอดไปจริงๆ
สาวเท้าผ่านปากทางเข้าห้องน้ำ หางตาเห็นใครคนหนึ่งยืนกอดอกในท่ารอ ทีแรกเกือบผ่านไปไม่สงเกต แต่เอกลักษณ์บางอย่างของหมอนั่นดึงความสนใจเขาไว้ได้
เฮ้ย! ฤกษ์!”
ทักเพื่อนเสียงระรื่น จองฤกษ์เหลือบแลมาตามเสียงเรียก พอเห็นเขาก็ทักกลับเนือยๆ
ต่อย…”
ทำไมยืนทำหน้าเหมือนสำนึกผิดที่เกิดมาอย่างนั้นวะ? เอ้อ! แล้วหายไปไหนตั้งอาทิตย์ หรือว่าไม่มีตังค์จ่ายค่าเทอม?”
เสียงของคนมีความสุขอยู่ตลอดเวลากระตุ้นให้จองฤกษ์หลุดจากห้วงแห่งความเหม่อซึมได้หน่อยหนึ่ง
กูมีธุระด่วนต้องทำนิดหน่อย
ธุระอะไรวะ? แล้วนั่นหน้าไปโดนใครกรีดมา?”
จองฤกษ์เพิ่งแกะพลาสเตอร์ออกเพราะแฉะน้ำตาจนรำคาญ จึงเห็นร่องรอยแผลที่โหนกแก้มเป็นแนวยาว น้อยคนจะนึกว่านั่นเป็นคมหมัด ส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นคมมีด
ขณะนั้นเองมีใครอีกคนเดินเข้ามาใกล้ และจองฤกษ์ก็หันไปหา ทำให้พฤหัสต้องแปรสายตาตาม พอพบว่าเป็นสาวน้อยนางหนึ่งก็ให้ความสนใจขึ้นมาบ้าง แต่พอเหลือบเห็นถนัดว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรก็ถึงกับขมวดคิ้วตะลึงงง ผงะถอยไปครึ่งก้าวอย่างจะตั้งหลักใหม่กับการพบเรื่องไม่คาดฝันที่สุดในชีวิต
ศตวรรษที่ ๒๑ เป็นศตวรรษที่ผู้คนไม่ค่อยคำนึงเรื่องมารยาทในการแนะนำให้ใครรู้จักใคร จองฤกษ์แค่หันกลับมาลาเพื่อนหนุ่มสั้นๆ
ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน
พฤหัสพักขาเท้าเอวข้างหนึ่ง ห่อปากจู๋อย่างคิดไม่ทันว่าจะทัดทานไว้อย่างไร
จองฤกษ์เริ่มประพฤติตนเป็นคนรวยเงินด้วยการพาณชะเลไปข้าวกลางวันในร้านหรูที่สุดของห้าง แต่ก็น่าเสียดายตรงที่ไม่อาจปั้นสีหน้าให้ดูดีเยี่ยงคนรวยอารมณ์สุขได้ เขาเงียบกริบและตกอยู่ในอาการครุ่นคิดมาตั้งแต่ออกจากบ้านหมอดูอุปการะ นอกจากชักชวนณชะเลทานข้าวด้วยกันแล้ว ยังไม่อาจขยับปากพูดอะไรได้อีกจนกระทั่งบัดนี้
ฝ่ายณชะเลเองก็ไม่ทราบว่าควรปลอบหรือควรแสดงความเห็นประการใดดีเช่นกัน เพราะเกิดความสับสนพิพักพิพ่วนชอบกล คล้ายจู่ๆ จองฤกษ์ก็กลายเป็นคนแปลกหน้าไป เรื่องราวใหญ่โตน่าตกใจของเพื่อนหนุ่มทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยสักนิดเดียว แต่ก็กลับได้ล่วงรู้ความลับอันเป็นยอดสุดของเขาเกินใคร อีกทั้งได้เป็นผู้มานั่งอยู่เคียงข้างยามเขาทุกข์ทรมานใจเสียอย่างนี้
ระหว่างรออาหารด้วยความเงียบงัน นาทีหนึ่งจองฤกษ์ก็เป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงอ่อย
๑๕๐

 

ขอบใจมากนะทราย
ไม่เป็นไรเพื่อนสาวตอบเก้อๆทรายก็ไม่ได้มีส่วนช่วยซักเท่าไหร่
ช่วยสิช่วยมาก
พูดแค่นั้นก็ก้มหน้านิ่งซึมลงไปอีก
แล้วฤกษ์จะทำยังไงต่อ?”
เป็นคำถามกระตุ้นให้เขาคิดเพื่อหลุดจากสภาพซึมเซาหดหู่มากกว่าจะต้องการคำตอบจริงจัง
ไม่รู้ซี ตอนนี้เรารู้สึกเหมือนตัวเองโง่กว่าใครๆ ทั้งหมด คงไม่กล้าคิด ไม่กล้าใช้สติปัญญาอะไรอีก
ณชะเลกะพริบตาถี่ๆ ยืดตัวตรง รู้สึกว่าตนกำลังจะมีโอกาสร่วมในขบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อย่างน้อยที่สุดในขณะนี้หล่อนก็สามารถเป็นสติให้กับเขา
พอทำอะไรลงไป เรากลับไปแก้ให้เป็นอื่นไม่ได้ แต่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
มันจะไม่เกิดขึ้นอีกเด็กหนุ่มพึมพำเหมือนหุ่นยนต์ แต่โอดครวญอย่างผู้สิ้นหวังถึงอย่างนั้นเราก็คงรู้สึกผิดไม่เลิก เราทำให้คนตาย!”
ไม่มีใครเคยตายหรอก ก็แค่สลบไปแล้วฟื้นขึ้นใหม่ในอีกสภาพหนึ่งเท่านั้น และสภาพนั้นจะเหมาะสมกับกรรมของเขาเองเสมอ
คำพูดของณชะเลทำให้เขาเบาใจลงบ้าง กับทั้งเตือนให้นึกถึงฝันบนรถเมล์ ที่เห็นคนฆ่าตัวตายฟุบลงหลอกตาคนดูชั่วคราวแล้วกลับลุกขึ้นใหม่เหมือนการแสดงกลในโรงละคร นี่แปลว่าชีวิตจริงเต็มไปด้วยภาพหลอกตากระนั้นหรือ?
แล้วเราควรทำยังไงถึงจะหายรู้สึกผิด?”
ลองพยายามทำตามที่หมออุปการะแนะนำไว้สิ
จองฤกษ์ส่ายหน้าเชื่องช้า
เราจำคำแนะนำของแกในช่วงท้ายไม่ได้เลย
เด็กสาวจ้องหน้าเพื่อนหนุ่ม หล่อนเองก็ต้องเค้นนึกเหมือนกันว่าพ่อหมอพูดอะไรเป็นการทิ้งท้ายไว้บ้าง ตั้งแต่เห็นจองฤกษ์ร้องไห้ด้วยความสำนึกผิดรุนแรง จิตใจหล่อนพลอยสะเทือนแรงตามไปด้วย ความสามารถรับรู้ข้อความจึงไม่คงเส้นคงวานัก
เสียงร้องไห้ของคนสำนึกผิดจากใจเป็นเสียงที่น่าเห็นใจเสมอ อย่างน้อยก็ทำให้หล่อนเลิกมองเขาเป็นคนเลวทันที คนเราจะเคยผิดเคยพลาดขนาดไหน ขอเพียงมีความสามารถที่จะสำนึกเสียอย่างเดียว ก็แปลว่ายังไม่ใช่คนชั่วช้าโดยกมลสันดาน ยังมีความเป็นมนุษย์ ยังมีความเป็นปุถุชนที่มีสิทธิ์เรียนรู้จากความผิดพลาดได้ กลับตัวกลับใจทำประโยชน์ให้ใครต่อใครใหม่ได้
และความสะเทือนใจจากการเห็นเพื่อนหนุ่มร้องไห้ก็ให้อะไรกับหล่อนมากมาย เหมือนเห็นสัจจะเกี่ยวกับชีวิตถ่องแท้ขึ้น ที่ผ่านมาชีวิตหล่อนเรียบง่ายและสัมผัสแต่สีขาวสะอาดในบ้าน แม้ทราบดีว่านอกบ้านเต็มไปด้วยความเปรอะเปื้อนเลอะเทอะก็ไม่เคยโคจรไปแตะต้อง เพิ่งครั้งนี้ที่ได้ใกล้ชิดกับความกระดำกระด่างเข้าอย่างจัง และณชะเลมิได้เห็นเพียงความด่างดำในการกระทำของผู้อื่นถ่ายเดียว แต่ยังพลอยเห็นความด่างดำในจิตใจของตนเองอย่างชัดเจนอีกด้วย
พยายามนึกทบทวนคำแนะนำช่วงท้ายๆ ของอุปการะที่มีให้กับจองฤกษ์ แล้วความทรงจำก็ค่อยๆ ผุดขึ้นเป็นลำดับ
๑๕๑

 

ก่อนอื่น สำหรับกรณีของคนตาย ถ้าอยากจะรู้สึกดีขึ้น ก็ให้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือครอบครัวของเขา เพราะเมื่อขาดผู้นำ ครอบครัวของเขาก็ยิ่งลำบากเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากฐานะการเงินที่กำลังเข้าตาจนอยู่แล้ว
จองฤกษ์นิ่งซึม ค่อยๆ ยกมือปิดหน้าเพื่อไม่ให้เพื่อนสาวเห็นว่าเขากำลังอยากร้องไห้ขึ้นมาอีก เป็นนานกว่าจะทำใจได้และลดมือลงกล่าวเสียงต่ำ
เราช่วยพวกเขาแน่เว้นวรรคชั่วครู่ ก่อนเผยความในใจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่เราคงฝันร้ายไปทั้งชีวิต ถ้านึกว่าอาจมีอย่างนี้อีกหลายรายในหลายประเทศ เพียงแต่เราไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น
ก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงขนาดนี้กับใครอื่นอีกณชะเลพยายามปลอบโยนสุดความสามารถโดยไม่ถึงกับต้องฝืนใจตนเองไวรัสที่ทำลายล้างทุกไฟล์ หรือกระทั่งทำลายฮาร์ดดิสก์ทิ้งทั้งลูกยังเคยมีมาแล้ว อันนั้นคนคงทุกข์สาหัสกว่าที่โดนโทรจันของเธอมากนัก
คำปลอบของหล่อนหาได้ช่วยแต่อย่างใด เพราะบัดนี้เขาเปลี่ยนจากคนไม่เคยแยแสความเดือดร้อนของผู้อื่นมาอาทรร้อนใจแทนใครต่อใครอย่างรุนแรงราวเกิดขึ้นกับตนเอง
เพิ่งเห็นจริงๆ ว่าเรามันชาติชั่วยังไง เราไม่น่าเกิดมาเลย!”
จองฤกษ์พูดอย่างโกรธตัวเองจัด ณชะเลเห็นใบหน้าเคร่งเครียดที่แสดงถึงความอัดอั้นตันใจสุดขีดของเพื่อนหนุ่มแล้วนึกพรั่นขึ้นมาวูบหนึ่ง แม้เขาเป็นเพียงวัยรุ่นร่างสันทัด แต่ก็มีพลังใหญ่ทะมึนมืดน่าขนลุกอย่างประหลาดโดยเฉพาะยามทุกข์หนัก
เธอไม่ใช่คนเลว…” หางเสียงณชะเลติดสั่นเล็กน้อยหมออุปการะยังบอกไง ขีดความแรงของเจตนาเธอมันแค่ล้อเล่นแบบเด็กวัยรุ่นที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ใช่เจตนาห้ำหั่นใครแบบฆาตกร ทรายเองมองฤกษ์เป็นคนเย็นชามาตลอด ยังผิดคาดด้วยซ้ำที่เห็นเธอร้องไห้สำนึกผิดได้ขนาดนี้ เชื่อเถอะว่าถ้าสำนึกผิดอย่างแท้จริงในด้านไหน ก็แปลว่าเธอกำลังเป็นคนดีขึ้นในด้านนั้นแล้ว
คราวนี้น้ำเสียงรินเย็นของณชะเลกล่อมเพื่อนหนุ่มให้คิดตามได้ จึงช่วยลดแรงดันในอกของเขาลงได้บ้าง จองฤกษ์เหลือบตามองเพื่อนสาวด้วยแววขอบคุณ
เราคงอยากฆ่าตัวตายถ้าทรายเกลียดเรา
คำพูดราบเรียบที่สะท้อนออกมาจากความคิดอย่างนั้นจริงๆ ทำให้ณชะเลเย็นสันหลังหน่อยๆ
ไม่เอาน่า ทรายจะเกลียดฤกษ์ทำไมกันแล้วหล่อนก็หาคำพูดสนับสนุนให้เขาเชื่อสนิทยอมรับว่าวูบแรกมีความโกรธบ้างตอนรู้ว่าเธอเป็นแฮกเกอร์ที่เคยทำให้ทรายเจ็บลึกมาก่อน แต่ต่อมาก็นึกได้ว่าเป็นกรรมเก่าของทรายเหมือนกัน หมออุปการะบอกว่าทรายตกเป็นเหยื่อครั้งนี้ก็เพราะเคยวางยาเบื่อสัตว์เลี้ยงเพื่อให้มันพ้นทรมานจากโรคเรื้อรัง ทรายจึงรับผลอันสมควรกับกรรมที่ก่อแล้ว ฤกษ์เป็นแค่เครื่องมือปลดปล่อยทรายจากบ่วงกรรมอย่างเด็ดขาด เพราะวันที่ไปพบหมออุปการะเป็นครั้งแรก ก็ได้รับการยืนยันว่าถ้าวางความพยาบาทเสียได้ จะถือเป็นการสิ้นสุดเวรภัยชุดนี้แล้วอย่างเด็ดขาด
สีหน้าของจองฤกษ์ค่อยแช่มชื่นขึ้น
แล้วทรายเห็นเราก่ออาชญากรรม เห็นเราไม่น่าคบสนิทบ้างหรือเปล่า? สารภาพตามตรงนะ เราเถียงพ่อหมอไปมากมายก็เพราะกลัวทรายจะเห็นเราเป็นคนเลว เป็นหัวขโมยที่ควรตีตัวออกห่าง
๑๕๒

 

ณชะเลปั้นหน้าขรึม เข้าใจความคิดของเพื่อนหนุ่มมากขึ้น เขาหลงหล่อน เห็นหล่อนเป็นแม่พระผู้มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งก็ดีแล้ว หล่อนจะถืออำนาจแสดงบทนั้นด้วยเจตนาให้เรื่องลงเอยเป็นกุศลของทุกฝ่าย รวมทั้งตัวหล่อนเอง
ถ้าต้องการซื้อใจทราย ไม่ให้ทรายเห็นฤกษ์เป็นหัวขโมย เธอก็ต้องทำในทางตรงข้ามกับการเป็นหัวขโมยซิคืนเงินให้เจ้าของไปเสีย!”
เด็กหนุ่มทำหน้าคล้ายถูกบังคับให้ชิมข้าวบูด
โธ่! ทรายเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอาเงินใครมาบ้าง เราเห็นแต่รายละเอียดทางเทคนิคตัวเลข คือต้องรู้ว่ามีการคำนวณดอกเบี้ยเมื่อไหร่ และจะสร้างท่อถ่ายน้ำที่เอ่อขึ้นมาใหม่ให้หักเหไปเก็บไว้ที่ปลายทางอื่นได้อย่างไร นั่นเป็นทั้งหมดที่สำคัญ เรื่องชื่อแซ่เจ้าของบัญชีนี่ไม่มีความหมายกับงานของเราเลย
แปลว่ายังไงก็ไม่มีทางคืนเจ้าของ?”
อือม์ตอนทำเราไม่ได้ตั้งใจจะคืนนี่!”
เด็กสาวยกขาไขว่ห้าง เชิดคางนิดๆ ในท่าไตร่ตรอง
แล้วเธอไปเบิกเงินจากสวิสมาได้ยังไง เขาไม่ไถ่ถามที่มาที่ไปหรือ? หน้าอ่อนแค่นี้มีเงินยิ่งกว่าพระเอกหนังเรื่องขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า
บางธนาคารน่ะ แค่บอกรหัสก็เอาเงินฝากมาได้แล้ว ไม่มีการตรวจชื่อ ไม่มีการถามหาหลักฐานยืนยันอื่น และเราก็ให้แม่เป็นคนจัดการโอนเข้าบัญชีที่เมืองไทย ไม่ต้องปรากฏตัวเอง ตามไปด้วยเพื่อคอยบอกบทเท่านั้น
ธนาคารโจรหรือนั่น?”
ก็ธนาคารที่ยอมรับความจริงว่าโลกนี้ต้องมีอาชญากรน่ะ
อ้อ! ยอมรับแล้วเหรอว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในอาชญากร!”
จองฤกษ์ก้มหน้าสลด
ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำอะไรลงไป เพียงแต่เรารู้จักตัวเองดี ขอแค่ครั้งเดียวเพื่อหลักประกันชีวิตแล้วจะไม่ทำอีก อย่างนี้ทรายถือว่าเราเป็นอาชญากรโดยอาชีพ หรือเป็นอาชญากรโดยสันดานได้หรือ?”
เริ่มขึ้นมาก็คิดกันอย่างนี้แหละ ไม่มีใครรู้หรอกว่ายอมเหยียบบันไดอบายขั้นหนึ่ง อบายจะยื่นบันไดขั้นที่สองมาให้ทันที และจะฝืนเท้าไม่ให้เหยียบลงต่ำต่อได้ยากขึ้นเรื่อยๆ !”
งั้นทรายก็ช่วยฉุดเราขึ้นมา เราสัญญาว่าจะยอมฟังทรายทุกคำ
ณชะเลผินหน้าไปอีกทาง คำพูดเพียงเท่านั้นของเขาเท่ากับการยกอำนาจเหนือเงินพันล้านให้แก่หล่อนอย่างสมบูรณ์ และหล่อนก็รู้สึกคล้ายกลายเป็นนางพญาในบัดดล!
ที่เธอมีอยู่ ถ้าคิดเป็นเงินไทยเป็นทั้งหมดเท่าไหร่?”
ราวๆ พันหกหรือพันเจ็ดมั้ง ความจริงถ้าเรากล้าใช้เทคนิควิธีที่บ้าบิ่นหน่อยก็อาจมีเป็นหมื่นแล้วด้วยซ้ำ นี่เรามักน้อย เลือกวิธีที่ไม่สามารถจับสังเกตอย่างสิ้นเชิง เลยได้มาแค่นี้
คำว่า หมื่นที่ผ่านปากริมฝีปากจองฤกษ์ฟังดูแสนธรรมดา แต่ถึงกับทำเอาณชะเลรู้สึกซ่าๆ บริเวณหนังศีรษะลงมาถึงต้นคอ
สงสัยจริงๆ เธอผ่านระบบตรวจสอบข้อผิดพลาดทางการคำนวณมาได้ยังไง
๑๕๓

 

ถ้ามีความผิดพลาดที่ระบบตรวจสอบเสียเอง เรื่องก็ไม่น่าสงสัยหรอก
เธอต้องเข้าใจทั้งระบบบัญชี ระบบฐานข้อมูล และระบบสื่อสารอย่างละเอียดเหลือเชื่อจริงๆ แถมไม่ใช่ด้วยวิธีศึกษาเอาตรงๆ จากคู่มือ แต่ใช้วิธีแกะรหัสสัญญาณดาวเทียมเสียด้วย!”
เราถึงต้องเสียเวลาไปหลายปีไง ทีแรกมันเป็นแค่งานอดิเรก แต่พอเราคลำถูกที่จุดเริ่มต้น และหาวิธีสร้างโมเดลทางคณิตศาสตร์ใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นเครื่องทุ่นแรงช่วยรวมข้อมูลให้เป็นกลุ่มก้อนได้ คล้ายเดินเก็บชิ้นส่วนจิ๊กซอว์นับแสนชิ้นที่ตกกระจายเรี่ยราดบนพื้นให้ต่อติดเป็นภาพรวมสำเร็จ เราก็รู้ว่างานอดิเรกนี้จะทำให้เราสบายไปทั้งชาติโดยไม่จำเป็นต้องทำงานประจำด้วยซ้ำ!”
เด็กสาวเม้มปากเล็กน้อย มือสั่นขึ้นมาหน่อยๆ เมื่อตระหนักว่ากำลังนั่งอยู่ต่อหน้าอัจฉริยะที่อาจมีไอคิวสูงเทียมเมฆ แต่ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้จองฤกษ์จับได้ว่าหล่อนกลัวเขา
สบายอย่างมากก็ชาติเดียว แต่ที่แน่คือความสำเร็จนี้จะเพาะนิสัยเพ่งเล็งทรัพย์สมบัติผู้อื่นที่เธอไม่มีสิทธิชอบธรรม เกิดใหม่เธอต้องลำบากเพราะนิสัยชนิดนี้แน่
ลำบากยังไง?”
ฤกษ์ไม่เห็นเหรอว่าเธอเลือกเส้นทางโจร? เธอเคยเห็นโจรที่ไหนสบายบ้าง?”
เห็นซี่ เกลื่อนสภาเลย ลอยหน้าลอยตาออกทีวีกันอย่างมีเกียรติด้วย!”
ณชะเลกะพริบตาสองสามทีก่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง
เธอดักรอการคำนวณดอกเบี้ยรายปีหรือ?”
ก็งั้น
แล้วได้ขุมทรัพย์นี่มาเมื่อไหร่ นานหรือยัง?”
เพิ่งไม่กี่เดือนนี่เอง
โอ! ท่านเศรษฐีใหม่ เพิ่งรวยมาหยกๆ ยังไม่เคยไปถอนเงินใช้เลย?”
ก็เพิ่งเกิดเหตุด่วนขึ้นมาพอดีเมื่ออาทิตย์ก่อน
ที่ว่าแม่เธอติดหนี้พนันอะไรนั่น?”
ใช่! นอกจากนั้นยังมีส่วนแถมที่จะมาทำให้ครอบครัวเราอยู่สบายขึ้นกว่าเดิมมากด้วย!”
เอาล่ะ…” ณชะเลเอานิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ และทำเสียงเหมือนผู้ใหญ่ตอนนี้เธอมีหนี้บาปอยู่ในมือประมาณพันเจ็ดร้อยล้านหน่วย เรามาคิดกันดีกว่าว่าทำยังไงเธอจะไม่ต้องชดใช้คืนด้วยความทุกข์ขนาดพันเจ็ดร้อยล้านหน่วยหรือกว่านั้น!”
คำพูดของหล่อนพลิกมุมมองทั้งของเขาและของหล่อนเอง มีแต่โจรมองว่าสิ่งที่ขโมยมาคือจำนวนเงินซึ่งสามารถเอาไปจับจ่ายใช้สอย จะมีทรชนรายใดบ้างมองมันเป็นหนี้บาปที่ต้องชดใช้คืนด้วยอัตราส่วนทุกข์ปริมาณเท่าเทียมกัน?
เราจะใช้ชีวิตที่เหลือให้ดี ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม
แค่นั้นไม่พอหรอกเด็กสาวสวนคำถึงตอนนี้เธอเป็นจอมโจรพันล้านไปแล้ว ยังไงก็ย้อนกลับไปเป็นนายจองฤกษ์มือสะอาดไม่ได้แล้ว ทางเดียวที่จะปรับสถานภาพให้ดีขึ้นก็คือต้องเลียนแบบโรบินฮู้ดที่ปล้นคนรวยไปช่วยคนจน
หัวคิ้วจองฤกษ์ขมวดแทบชนกัน
๑๕๔

 

จะให้เราบริจาคเพื่อการกุศลหรือ?”
เราเชื่อว่าฤกษ์ทำได้ดีกว่านั้น ผู้คนจะต้องได้ประโยชน์จากตัวเธอและเงินของเธออย่างไม่มีใครประมาณถูก
ณชะเลยืมคำพูดทิ้งท้ายของหมอดูอุปการะมา ฝ่ายจองฤกษ์ฟังแล้วได้แต่พยักหน้าซึมๆ ระหว่างมีเงินพันล้านไว้ใช้ตามใจไปจนชั่วชีวิตกับมีผู้หญิงคนนี้เป็นหุ้นส่วนไปจนชั่วนิรันดร์ เขาเลือกอย่างหลัง และเพื่อให้ตัวเองเลือกได้ ก่อนอื่นคงต้องเลือกสิ่งที่หล่อนเลือกเป็นอันดับแรก
ทำยังไงล่ะ?”
นั่นแหละคำถามที่เราต้องช่วยกันหาคำตอบ!”
ตั้งแต่พบหน้าและเดินเคียงกันมา เสียงพูดจ๋อยๆ ของอเวราก็คล้ายสายลมที่ผ่านหูไปเฉยๆ พฤหัสนิ่งทื่อและเหมือนคนถูกสะกดจิตให้เหม่อลอยอยู่ในโลกส่วนตัว ไม่มีรูปและเสียงของใครอื่นล่วงล้ำเข้ามาในหัวได้ไปชั่วขณะ
กระทั่งมานั่งทานข้าวในสวนอาหารชั้นบนสุดของห้าง พฤหัสยังคงทำตัวคล้ายผีดิบอยู่อย่างนั้น ฝ่ายอเวราก็เล่าอะไรต่ออะไรให้เขาฟังโดยทันไม่สังเกตปฏิกิริยาผิดปกติของแฟนหนุ่ม เนื่องจากอยู่ในอารมณ์ที่กำลังอยากให้เขาเป็นฝ่ายรับฟังพอดี
สำหรับพฤหัส หากจะมีอเวราในความรับรู้อยู่บ้าง ก็คงเป็นตอนที่เหลือบแลมามองหน้าหล่อนแล้วเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมคนอย่างเขาถึงมีแฟนสวยน้อยกว่าคู่ควงของคนอย่างจองฤกษ์ มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เพื่อนของเขาคือไอ้บื้อที่ไม่เห็นเคยมีสาวคนไหนสมัครใจเป็นแฟนสักราย อยู่ๆ พอริจะมีใครเป็นรายแรกก็เข้าขั้นเห็นแล้วแทบไข้ขึ้นปานนี้
ว่าตามจริงจองฤกษ์ก็ไม่ถึงกับหน้าตาเลวร้ายอะไรนัก พอไปวัดไปวาได้อยู่หรอก แต่ถ้าเทียบกับเขา เจ้าเพื่อนยากนี่คงเปรียบเหมือนลูกกรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่น่าจะมีสิทธิ์คู่ควรเอาเลยกับการได้ควงเธอคนนั้น
ความที่รู้จักผู้หญิงมากทำให้นึกว่าเห็นคนสวยคนน่ารักมาทุกแบบ แต่จริงๆ ยังยังมีความสวยความน่ารักแบบที่เขาไม่เคยเจอ เหมือนเขาเพิ่งตื่นขึ้นรับรู้ว่าส่วนโค้งมนแห่งเรือนร่างสาวน้อยบางนางอาจบันดาลให้นึกถึงรักแท้ที่เป็นนิรันดร์ รวมทั้งชวนให้รู้สึกว่าผู้หญิงทั้งโลกที่เหลือกลายเป็นตุ๊กตาราคาตกไปเสียทั้งหมด
เคยพูดพล่อยบ่อยๆ ว่าใครต่อใครคงเคยเป็นเนื้อคู่ของตนมา ทั้งที่ไม่เคยเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและบุพเพสันนิวาสสักนิดเดียว แต่ตอนนี้ใครมาพูดเรื่องรักแรกพบหรือรักแท้ข้ามภพข้ามชาติ เขาจะเชื่อออกมาจากหัวใจทั้งดวง ไม่เห็นเป็นเรื่องตลกเหลวไหลอีกต่อไป
คืนหนึ่งเคยหัวเราะเยาะจองฤกษ์ จำได้ถนัดว่าครั้งนั้นเพื่อนหนุ่มละเมอเพ้อพกถึงใบหน้าที่ก่อจินตนาการและขอให้เขาสอนวิธีจีบผู้หญิง เขาเคยนึกอยากเห็นอย่างแรง อยากดูซิว่าหน้าตาผู้หญิงคนแรกของเพื่อนจะเป็นอย่างไร กะว่าคงมีความน่ารักน่าเอ็นดูอยู่บ้าง เพื่อนผู้ส่อเค้าจะเป็นโสดตลอดชีวิตของเขาถึงได้หลงนัก แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่แค่น่ารักน่าเอ็นดูเท่านั้น ความสวยหวานถึงกับหยุดความคิดของเขาให้แช่แข็งอยู่กับเจ้าหล่อนได้อย่างสนิททีเดียว
ต่อยว่าดีไหม?”
ประโยคคำถามที่ยิงซ้ำมาอีกรอบปลุกพฤหัสให้ตื่นจากฝันทั้งลืมตา เขากะพริบตาปริบๆ โสตประสาทเริ่มกลับทำงานอีกครั้ง แต่ในหัวยังว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
ขอโทษที พี่เค้กถามว่าอะไรนะ? ผมกำลังฝันถึงวันที่เราจะได้วิ่งเล่นกันแถวชายหาดชะอำเป็นจริงเป็นจังมากไปหน่อย
๑๕๕

 

โกหกอย่างคนชำนาญการลื่นไหลฉับพลันทันสถานการณ์ เขาภูมิใจเสมอที่จะโอ้อวดในหมู่เพื่อนชายด้วยกันว่าสันดานกะล่อนนี้สืบสายมาจากพ่อของเขาเอง
หญิงสาวฟังคำแก้ตัวของแฟนหนุ่มแล้วเชื่อสนิท จึงหัวเราะเบาๆ ด้วยอารมณ์รื่น
อยากไปเที่ยวทะเลเหรอ?”
อยากซี่
เค้กก็อยาก งั้นอาทิตย์หน้าไปเที่ยวกัน ไปค้างที่ชะอำสักคืน
ได้…”
พอจะต้องเอาจริง พฤหัสก็ตอบไม่เต็มเสียงนัก เหมือนมีสิ่งที่อยากทำมากกว่านั้นอยู่ในใจ ทว่านั่นยังไม่ถึงกับเป็นพิรุธชัดให้หญิงสาวจับสังเกต
ไปกันเช้าวันเสาร์นะ
แล้วแต่พี่เค้กสะดวก
อเวราเอามือเท้าคาง ใช้สำเนียงออดอ้อนอู้อี้
บอกแล้วไง ไม่ต้องเรียกพี่แล้ว
พฤหัสยิ้มแหย
ก็เรียกมั่งไม่เรียกมั่ง บางทียังติดแบบเดิมอยู่น่ะ
ต่อยยังไม่ได้ตอบคำถามเค้กเลย จะดีไหมถ้าเค้กไปเช่าห้องอยู่ใกล้ที่ทำงาน
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วสูง เห็นภาพในอนาคตล่วงหน้าเป็นฉากๆ
ก็ดีสิ แล้วพี่เค้กจะย้ายออกจากบ้านเลยหรือเปล่า?”
ไม่หรอก บางวันหรือเสาร์อาทิตย์คงกลับบ้าน วันธรรมดาแค่อยากเลี่ยงรถติด แล้วก็จะได้มีที่ทางเป็นส่วนตัว
อเวราหรี่ตาอมยิ้มเป็นนัยรู้กัน พฤหัสเห็นแล้วฝืนยิ้ม แต่รู้สึกว่าคงเป็นยิ้มเหยชอบกล
ผมก็อยากอยู่หอพักจะแย่ ขี้เกียจเดินทางเหมือนกัน แต่พ่อแม่ไม่ให้เนี่ยสิ
รอยยิ้มของอเวราลดลงเล็กน้อย ขีดจำกัดของเขามักปรากฏชัดตอนคำว่า พ่อแม่ดังออกมาจากปากเสมอ ช่องว่างที่ทำให้เรื่องระหว่างหล่อนกับเขาเป็นไปไม่ได้นั้นหาใช่ความต่างระหว่างวัย แต่เป็นภาวะการแบมือขอสตางค์ของเขา การเป็นผู้ไร้ความสามารถตัดสินใจด้วยตนเองของพฤหัสทำให้หล่อนรู้สึกว่ากำลังยุ่งอยู่กับเด็ก และถามตัวเองเสมอว่าทำไมโง่อย่างนี้ นี่หล่อนกำลังทำอะไรอยู่?
ทว่าอเวราก็จำการตัดสินใจของตนเองได้ หล่อนโอนอ่อนผ่อนตาม ยอมเป็นแฟนพฤหัสเพราะคำเดียวของเขา คือแม้จะยังไม่มีปัญญาเลี้ยงดูหล่อน แต่เขาก็จะดูแลไม่ให้หล่อนต้องร้องไห้อยู่คนเดียว
จะแปลกอะไรหากมีเขาเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เดือนหน้าเขาอาจเจอใครใหม่ อีกครึ่งปีหล่อนอาจเจอตัวจริง เมื่อนั้นก็แค่โบกมือลาจากกันด้วยดี ระหว่างนี้ก็มีความสุขกัน กินข้าวด้วยกัน ไปดูหนังฟังเพลงด้วยกัน ตบท้ายด้วยการปิดห้องหอบหิ้วกันขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น หล่อนถวิลหาสิ่งเหล่านี้ และปัจจุบันเขาก็เป็นคนนั้นให้หล่อนได้มิใช่หรือ?
และเมื่อตัดสินใจเดินหมากชีวิตตานี้ไปแล้ว ก็ต้องคิดวางแผนต่อว่าจะทำอย่างไรให้ลงตัว หล่อนควรไปอยู่ข้างนอกเพื่อเร้นจากสายตาผู้ใกล้ชิด ทั้งคนในครอบครัวและเพื่อนบ้านทั้งหลาย วันหน้าถ้าเจอใครที่เป็นตัวจริงค่อยว่ากันอีกที
๑๕๖

 

ต่อยจะมาค้างกับพี่สักอาทิตย์ละสองสามคืนได้ไหม?” ถามเขาตรงๆ แบบคนที่รู้ว่าอยากเอาอะไรให้ตัวเองและไม่จำเป็นต้องอายกันอีกต่อไปเธอน่าจะเคยออกมาค้างหอพักเพื่อนนี่นะ พ่อแม่คงไม่ว่าหรอก
พฤหัสยกมือเกาต้นคอ
ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่แหม่เกรงใจจัง ค่าห้องผมควรช่วยออกมั่ง
เรื่องนั้นช่างเถอะ พี่จัดการเองได้ทั้งหมดโดยไม่เดือดร้อน

อเวราพูดแบบคิดไว้ก่อนแล้ว พอพูดจบก็รู้สึกว่าตนเล่นเกมชีวิตได้เก่งขึ้น รู้จักวิธีจัดการอะไรๆ ให้ลงตัวได้มากขึ้น และที่สำคัญคือทำใจได้ดีขึ้น ก็แค่ปิดหูปิดตาไม่ต้องไปคาดหวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร วันนี้ขอกอบโกยสุขใส่ตัวให้สาแก่ใจในฐานะของผู้เป็นนายตนเองเท่านั้นพอ
อ่านต่อตอนที่ ๑๘ >> 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น