ถาม : เวลาปฏิบัติน่ะครับ ปกติจะมีวิหารธรรม
คือ จะท่องสัมมาอรหังในใจ แต่ช่วงหลังๆนี่เหมือนเห็นความคิดได้ไม่ชัดเหมือนเดิม
บางทีท่องอยู่ก็จะเหมือนมีความคิดซ้อนขึ้นมา แล้วไปเห็นว่าคิดอยู่ อย่างนี้ครับ แล้วก็มีอีกคำถามหนึ่งคือเรื่องการนั่งสมาธิ
คือปกติถ้านั่งแล้วรู้ลมหายใจจะรู้สึกว่าเบลอ
แล้วลมบางช่วงก็หลุดไปเลยอย่างนี้ครับ
ดังตฤณวิสัชนา หลังพิธีบรรจุพระบรมธาตุครั้งที่ ๓
ในโครงการพระประธานทั่วหล้า
ในโครงการพระประธานทั่วหล้า
อาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
ดังตฤณ:
ดังตฤณ:
เพราะว่า ช่วงที่ผ่านมานะ บางทีเนี่ย ขอให้สังเกตอย่างนี้ก็แล้วกัน
ช่วงต้น ๆ ที่เรามีแพชชั่น (Passion)
หรือว่ามีความอยากจะภาวนาเนี่ยนะ
มันจะตั้งอกตั้งใจแล้วไม่ค่อยปล่อยใจเท่าไร นึกออกไหม? แต่พอรู้สึกว่าตัวเองทำได้
มันจะเกิดความชะล่าขึ้นมา ทุกคนนะ ไม่ยกเว้นเลย ถ้ารู้สึกว่าตัวเองทำได้ขึ้นมา เออ! เราเก่งแล้ว
ความเก่งเนี่ย
มันจะทำให้เราปล่อยจิตปล่อยใจโดยไม่รู้ตัว
คือบางทีเนี่ย สังเกตไหม
อยู่ในระหว่างวัน บางทีเราก็จะมาภาวนา สัมมาอะระหัง บางทีเราก็เหมือนกับเหม่อๆไป
เหมือนกับปล่อยใจเล่นๆน่ะ ปล่อยใจเล่นๆนี่แหละ พอมันมาขัดแย้งกันกับความตั้งใจจะภาวนานี่นะ
มันเกิดเป็นจิตแบบอิหลักอิเหลื่อ จะว่ามีความตั้งใจก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีความตั้งใจเลยก็ไม่เชิง
มันครึ่งๆกลางๆ ครึ่งๆกลางๆนี่แหละทำให้เกิดภาวะที่น้องว่าขึ้นมา
คือมันเหมือนกับว่า เรายังอยากที่จะภาวนาอยู่ แต่ใจมันไม่เอาด้วย เข้าใจใช่ไหม
ขอให้จำไว้ว่า
จิตของคนเรานะ
มันติดกับอารมณ์ที่มันเคยคุ้น
ที่เร้าใจมันได้
ที่ยั่วให้มันเกิดกิเลสได้
ไม่ใช่สิ่งธรรมดา
ไม่ใช่สิ่งธรรมชาติของจิต
ที่มันจะไปอยู่กับอะไรที่มันไม่ชอบ
ถึงแม้ว่าสัมมาอะระหัง
พุทโธ
หรือว่าลมหายใจ
จะมีความสุขให้กับเราได้ก็จริง
แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จิตชอบ
จิตชอบอะไรที่เป็นกิเลส!
นี่คือสิ่งที่ติดตัวเรามาชั่วกัปชั่วกัลป์นะ
เมื่อเราทำความเข้าใจแบบนี้ เราได้อะไร มันได้มุมมองขึ้นมาว่า เมื่อไรก็ตามที่จิตของเราถูกตามใจ
มันก็เป็นธรรมดา ที่มันจะออกอาการเหม่อๆขึ้นมา ซ้อนกันกับความตั้งใจภาวนานะ
ตรงนี้อย่ามองว่า
เราจะทำอย่างไร
ถึงจะเอาคืนเข้าที่ได้
แต่ให้มองเห็นเป็น
‘เหตุปัจจัย’
เพื่อจะได้เข้าใจธรรมชาติของจิต
ขั้นเบสิก
(basic) ให้ได้ก่อน
เมื่อไรที่เราตามใจตัวเอง
ขาดแพชชั่น (passion) ในการภาวนา
มันจะเหม่อๆบ้าง แล้วก็อยากกลับมาภาวนาบ้าง ครึ่งๆกลางๆ ดิบๆสุกๆแบบนี้นะ
พอเราสังเกตอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ
นานเดือน นานปีเข้า
ในที่สุดจิตมันจะฉลาด
มันจะฉลาดขึ้น
มันจะรู้สึกว่า
เออ! การมีวินัย หรือว่าการตั้งใจที่จะภาวนานี่
มันแค่เตือนตัวเองอยู่เรื่อยๆให้กลับมา
แล้วไม่เร่งร้อน
ไม่ใจร้อน
ถ้าหากว่าเกิดความเหม่อขึ้นมา
เราก็เข้าใจถึง
สาเหตุที่มาที่ไปว่าทำไมมันเหม่อไป
มันปล่อยใจไง
แล้วจะได้เห็นว่าอาการปล่อยใจนี่
มันช่วยไม่ได้นะ
คือพอปล่อยใจแล้วเนี่ย
มันก็ต้องเหม่อเป็นธรรมดา แต่นี่พอเราปฏิบัติมาเนี่ย พอรู้สึกว่าตัวเองเก่งเนี่ย
มันจะมีความคิดขึ้นมาทุกคนเลยว่า จะกลับลงไปไม่ได้ ขึ้นมาแล้วจมไม่ลง มันจะรู้สึกว่าอยากรักษาระดับของตัวเอง
หรือว่าก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่พอมีความเข้าใจนี้ปุ๊บ มันจะเกิดการปัดความอยาก หรือว่าความคิดผิดๆ
ออกไปทันที ความรู้สึกว่า มันจะอยู่อย่างนี้ตลอดไป ไม่กลับ ไม่กลาย ไม่เปลี่ยนนี่ มันหายไปกลายเป็นความเข้าใจเหตุปัจจัยขึ้นมาแทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น