ตอนที่ ๒ ความเชื่อ
“เหนื่อยว่ะ”
พฤหัสบ่นดังๆพลางปาดเหงื่อ
ก้าวเท้าเดินออกจากสนามแบดมินตันพร้อมกับเพื่อน
ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างเขากับอีกฝ่ายคือฝ่ายนั้นไม่ได้มีท่าทีอิดโรยสักนิด
ผู้ชนะมักจะเป็นอย่างนี้เอง เหมือนมีพลังพิเศษประจุแน่นไปทุกรูขุมขน
ก้าวย่างเป็นสง่าน่าอิจฉาและชวนให้เกิดความหมั่นไส้เป็นที่สุด
เดินตามหลังแล้วอยากถีบให้หมดสง่าดูสักที
วันนี้เขาดวงตกอย่างน่าแปลกใจ
กำลังตบอย่างเมามันดันติดเน็ตง่ายๆ ก็มี โดนเพื่อนหลอกหยอดนิดหน่อยแล้วหลงกลก็มี
นี่ยังไม่นับการเสิร์ฟลูกเสียเองบ่อยๆ น่าโมโหอย่าบอกใคร
ผู้แพ้มักขี้บ่น
เกมจบอารมณ์ไม่จบตาม
พฤหัสกระแทกเสียงสวดเพื่อนทันทีที่มานั่งดื่มน้ําด้วยกันข้างสนาม
“ทำไมเสือกชวนเล่นแต่วันวะเนี่ย? เดี๋ยวก็ไม่ต้องทำอะไรกัน”
คู่แข่งผู้เงียบขรึมใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อก่อนตอบด้วยยิ้มเย็น
“เล่นดึกเดี๋ยวนอนไม่หลับ อีกอย่างเล่นช่วงนี้ไม่ต้องแย่งสนามกับใคร”
เป็นความจริงที่ถ้าเล่นกีฬาเช่นแบดมินตันในช่วงกลางคืน
แม้เหนื่อยอ่อนเพียงใดร่างกายก็ตื่นตัว นอนกันไม่ค่อยลง พฤหัสส่ายหน้าดิกพลางบ่นอุบ
“ทีหลังกูไม่มาแต่วันกะมึงหรอก ไอ้เวร!”
จองฤกษ์ยังคงยิ้มสงบ
ไม่ถือสาหาความอย่างรู้จังหวะอารมณ์พาลของผู้ปราชัย
“โอเค เอาไว้กูจะชวนเฉพาะเวลาที่มึงมือขึ้น”
พฤหัสคอแข็งไปนิดหนึ่ง
เพราะฟังน้ำเสียงแฝงแววหยันนั้นออก
ความจริงเขารู้สึกอยู่ว่าหลายเดือนที่ผ่านมาจองฤกษ์พัฒนาทักษะไปไกลขึ้นมาก
ไม่ทราบว่าเจ้าเพื่อนยากไปฝึกความว่องไวในการเคลื่อนตัวและความรุนแรงในการตบลูกมาจากไหน
แถมรังสีอำมหิตของผู้กำชัยที่มีความเชื่อมั่นสูงส่งจนข่มขวัญเขาได้นั่นอีก
สงสัยนักว่าเพื่อนไปเติมพลังประหลาดชนิดนั้นมาจากไหนมากมายเหลือเกิน
“ไม่ช่าย…” เด็กหนุ่มลากเสียงหนีบ รู้สึกว่าตัวถูกบีบให้เล็กลง
ผู้แพ้พูดอย่างไรก็ฟังบ้อท่าไปหมด “จะไปเลือกได้ยังไงวะ ให้มึงชวนเฉพาะวันมือขึ้น แต่บ่ายสองยังร้อนจะตายชัก
ทีหลังรู้จักรอให้มันเย็นๆหน่อย”
จองฤกษ์หัวเราะหึๆ
ก้มหน้าสางผมเผ้าที่ชื้นเหงื่อของตนโดยไม่โต้ตอบอะไร
ขณะนั้นเองสองหญิงต่างวัยเดินเข้ามาในเขตสนามเพื่อแทนที่สองหนุ่ม
ภาพที่เห็นทำให้พฤหัสตาตื่น ลืมเรื่องขุ่นใจชั่วคราว
“เฮ้ย!” เด็กหนุ่มอุทานไม่ดังนัก พอได้ยินถึงหูเพื่อน “บังเอิญจริง
เจอแม่ลูกคู่นี้อีกแล้ว”
จองฤกษ์เงยหน้าขึ้นชำเลือง
เห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักก็จำได้ว่าเพิ่งเจอกันคราวก่อน
แล้วก็เคยชายตามาสบกับพฤหัสแบบปิ๊งๆกันอยู่ นับเป็นความบังเอิญยิ่งที่ได้เจอกันอีก
“สงสัยเนื้อคู่ของมึงมั้ง”
เขาออกความเห็นแบบทีเล่นทีจริง
“กูก็ว่าน่าจะเป็นไปได้!”
พฤหัสเออออห่อหมกหน้าตาเฉย
จ้องหญิงผู้น่ารักตาค้างด้วยความอยากรู้ว่าแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร
“เสียดายเอวหนาไปนิด”
จองฤกษ์วิจารณ์ยิ้มๆ
แต่พฤหัสมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแค่การปล่อยเนื้อปล่อยตัวชั่วคราว
“เฮ่ย! พออยู่ในคอนโทรลแล้วสั่งลดด้าย”
เด็กหนุ่มโต้พลางคิดค่อนขอดอยู่ในใจ
อย่างเพื่อนเขานี้ประเภทมีตาหามีแววไม่
ไม่รู้หรอกว่าหน้าสวยๆกับอกเด้งๆในสนามแบดนี่ควรให้กี่ดาว
มัวแต่ไปตั้งข้อสังเกตในจุดที่ไม่จำเป็นต้องถือสาให้ป่วยการ
สองแม่ลูกเริ่มเล่น
และท่าทางฝ่ายลูกสาวก็กรี๊ดกร๊าดเป็นพิเศษ โดนคุณแม่หยอดนิดหยอดหน่อยหรือตบไปไกลบ้างก็อุ๊ย! ว้าย! อ๊าย! บางทีทำหน้าสงสัยโลก
หรือไม่ก็หัวร่อเอิ๊กอ๊ากอย่างไม่มีเหตุผลบ่อยๆ
เห็นได้ชัดว่าสายตาเฝ้าชมการเล่นของสองหนุ่มข้างสนามมีอิทธิพลต่อจิตใจเด็กสาวมิใช่น้อย
อันที่จริงการเฝ้าชมคนอื่นเล่นเป็นเรื่องปกติของกีฬาทุกประเภท
แต่จ้องเอาๆราวกับเสือใหญ่เตรียมตะครุบนางกวางอย่างนี้
ก็แน่นอนว่าย่อมก่อความวอกแวกให้กับอีกฝ่ายเป็นอันมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางกวางก็มีใจอยากให้ตะครุบอยู่ด้วย!
จองฤกษ์เคยเห็นอิทธิฤทธิ์แห่งใบหน้าอาบเสน่ห์ของเพื่อนมาหลายครั้งหลายหน
จนต้องยอมรับโดยดีว่าเจ้าเพื่อนคนนี้เกิดมาเพื่อทำให้สาวแก่แม่ม่ายหมดความยับยั้งชั่งใจทางเพศโดยเฉพาะ
เพียงการปรากฏตัวของพฤหัสก็เป็นแม่เหล็กทรงพลังพอจะดึงดูดใจเพศตรงข้ามให้ไขว้เขวจากกิจกรรมที่ทำอยู่ทุกชนิดได้แล้ว
“มึงนี่หล่อแบบไม่ต้องพึ่งคุณไสยฯเลยนะ”
พฤหัสยืดอกอย่างปลาบปลื้มที่เพื่อนพูดเหมือนยอมรับในความเป็นคนเจ้าเสน่ห์ของตน
นับว่าชดเชยความพ่ายแพ้ลุ่ยหูเมื่อครู่ได้เยอะ แม้ไม่โชคดีคงเส้นคงวาในเกมกีฬา
ก็จัดว่าโชคดีในเกมรักตลอดกาล
“พึ่งคุณไสยฯทำไม แค่ความเชื่อมั่นอย่างเดียวก็เอาอยู่แล้ว
ความเชื่อมั่นของผู้ชายนั่นแหละคลื่นรบกวนจิตใจสาวๆที่แรงที่สุดในโลก!”
“มึงเชื่อมั่นอะไรในตัวเองบ้าง?”
“ถามออกมาได้ยังไง เห็นๆอยู่ ก็ความหล่อสิวะ” พฤหัสเปิดอกแบบไม่ต้องบันยะบันยัง “แล้วกูมั่นใจด้วยว่าพ้นจากความช่วยเหลือของความหล่อ
ก็ยังมีคารมกับสารพัดวิธีให้หญิงถึงใจได้ครบวงจรด้วย”
“ดีนะ” จองฤกษ์พยักหน้าหงึก “เกิดเป็นมึงนี่มีโอกาสชิมหญิงเยอะ อายุยังไม่ถึงยี่สิบ
ฟันคนสวยไปกี่สิบแล้ว?”
พฤหัสยิ้มลำพอง
“ไม่ได้นับหรอก แต่เฉพาะที่สวยน่าจดจำจริงๆและกูแอบถ่ายลงคอมพ์ไว้ก็ ๔ คน!”
จองฤกษ์เบิกตากว้าง
“แอบถ่าย?”
“เดี๋ยวนี้เขาเก็บไว้ดูเล่นตอนแก่กันทั้งนั้นแหละ”
“ไอ้บ้ากาม! มึงทำอย่างนี้ไม่ดีเลย” จองฤกษ์ขมวดคิ้วใช้เสียงตำหนิเต็มที่ “ไม่เห็นเคยเอามาแบ่งให้กูดู”
พฤหัสหัวเราะประสาวัยรุ่นที่ไม่ค่อยคิดอะไรไกลเกินกว่าการได้มาซึ่งกามรส
“มึงไม่ได้ช่วยกูซ่อนกล้องนี่โว้ย เหนื่อยคนเดียว เสี่ยงถูกตบคนเดียว
สมควรแบ่งปันรางวัลให้คนอื่นร่วมตื่นตาตื่นใจด้วยเหรอะ?”
จองฤกษ์แค่ยิ้มแค่นๆไม่ว่าอะไร
สมัยนี้รูปเปลือยของโฉมงามใช่จะหาดูได้ยากลำบากแต่อย่างใด
แค่อยู่บนท้องถนนธรรมดาก็เห็นผู้หญิงสวยที่สุดในประเทศมาเปลือยกายแทบล้อนจ้อนท้าทายสายตาตามป้ายรถเมล์เป็นประจำอยู่แล้ว
จึงไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นเห็นไส้เห็นพุงสาวของเพื่อนขี้หวงแต่ประการใด
ระหว่างสนทนากัน
สองสหายยังคงจับตามองสาวน้อยหน้าใสในสนามแบดไม่วาง
จองฤกษ์เกิดความรู้สึกขึ้นมาเดี๋ยวนั้นว่าตนรู้น้อย คนสวยมีรายละเอียดอย่างไร
นิสัยใจคอผิดแผกจากสาวธรรมดาอื่นๆขนาดไหน ไม่มีข้อมูลและประสบการณ์เอาเลย
ได้แต่เลียบๆเคียงๆถามจากเพื่อนผู้มีกิตติศัพท์เลื่องลือว่าเป็นเสือร้าย
“ผู้หญิงสวยๆนี่ มักจะเป็นยังไง มีอะไรที่เหมือนกันบ้างวะ? ชนิดที่มึงรู้เลยว่าเป็นจุดอ่อน
จับจุดถูกแล้วจีบง่ายขึ้น”
พฤหัสยิ้มกว้าง
นึกดีใจที่เพื่อนเขามีความเป็นไก่อ่อนให้เขาสอนอะไรบ้าง
“ก่อนกูตอบ กูถามมึงก่อน ในสายตาคนขรึมๆที่ไม่สุงสิงกะหญิงแบบมึงเนี่ย
ผู้หญิงสวยเป็นยังไง?”
จองฤกษ์เหลือบตามองพื้นครู่หนึ่ง
ก่อนพึมพำตอบ
“ผู้หญิงสวยก็… โง่คอมพ์น่ะซี”
“ฮ่ะๆ ไอ้เวร”
“จริงๆ! อย่างยายเนื้อคู่ของมึงเนี่ย
รับประกันว่าไม่รู้ความแตกต่างระหว่างบิตกับไบต์ มีคอมพ์ไว้เปิดเพลง
หรืออย่างมากก็เอาไว้ทำการบ้านส่งครูเท่านั้น”
“มึงสันนิษฐานอย่างนี้คงเพราะพวกผู้หญิงเกิดปัญหาเรื่องคอมพ์เป็นต้องวิ่งโร่มาหามึงน่ะซี”
“คงงั้นมั้ง”
แน่นอนว่าประสบการณ์อาจทำให้คนๆหนึ่งเกิดมุมมองด้านเดียว
พอไม่มีมุมมองอื่นมาแทรกแซงก็กลายเป็นความปักใจเชื่อไปโดยปริยาย พฤหัสยังอยากซักต่อ
“สรุปจากประสบการณ์ของมึง
ความโง่ความฉลาดเรื่องคอมพ์นี่เป็นของประจำเพศหรือเปล่า?”
จองฤกษ์สั่นศีรษะเกือบทันทีแทบไม่เสียเวลาคิด
“มียายอะไรคนหนึ่ง รู้จักกันในนามซูซาน ธันเดอร์
อีเป็นแฮกเกอร์มือวางอันดับต้นๆของโลก แล้วก็ยังมีแฮกเกอร์หญิงดังๆรายอื่นอีก
ที่เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าขอเพียงมีความสนใจทุ่มเทพอ
จะเพศไหนก็เชี่ยวคอมพ์ได้ทั้งนั้น”
“เอาอะไรมาวัดวะว่าเป็นแฮกเกอร์มือวางอันดับต้นๆของโลก?”
“ก็เช่นพิสูจน์ให้กองทัพสหรัฐเห็นว่าถ้าจะเอาจริง
ยายซูซานสั่งปล่อยนิวเคลียร์ได้ก็แล้วกัน”
“ฮ้า!” พฤหัสละสายตาจากสนามแบดชั่วคราวแล้วหันมาจ้องเพื่อนหนุ่ม
เพราะรู้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับโลกคอมพิวเตอร์ของเจ้านี่ไม่เคยมั่ว “นิวเคลียร์อะไรมันจะปล่อยกันง่ายๆขนาดนั้น?”
“มันมีการเล่นลูกชิ่งที่เป็นไปได้
พวกแฮกเกอร์จะเหมือนหัวขโมยฉลาดๆที่รู้ว่าการฉกสมบัติไม่ใช่ทำได้ด้วยวิธีปีนกำแพงหรือระเบิดเซฟ
มันมีการล่อหลอก มีการใช้ทางอ้อมได้สารพัด
แต่ก็ไม่ง่ายประเภทนั่งกดปุ่มจากคอมพ์ในบ้านหรอก
ยายซูซานนี่พิสูจน์ให้ทางการสหรัฐมองเห็นช่องโหว่มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน”
“นังคนนี้ท่าทางจะเซียนคอมพ์มาแต่เกิดเลยซี”
“เปล่า! ตรงข้ามเลย อีเคยเป็นกะหรี่มาก่อนด้วยซ้ำ คนเห็นนึกว่าโง่ ที่ไหนได้
พอมีแฟนเป็นแฮกเกอร์เลยอยากเป็นกับเขามั่ง
แล้วก็ดันขึ้นทำเนียบสิบอันดับที่ทางการต้องการตัวเสียด้วย!”
พฤหัสย่นคิ้วนิ่งไปอึดใจ
ลืมไปสนิทว่าแต่แรกตนเป็นฝ่ายถูกถาม
“แปลว่าต้องสวยเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์โง่คอมพ์?”
“กูแค่รู้ว่าถ้าสวยก็คิดมากเรื่องสวย ถ้าไม่สวยก็มีเวลาไปคิดมากเรื่องอื่น
ก็อยู่ที่แรงบันดาลใจของแต่ละคน อย่างยายซูซานนี่ ข่าวว่าอยากเป็นแฮกเกอร์เพราะคิดเอาชนะแฟนเก่าเซียนคอมพ์ที่ทอดทิ้งกันไปอะไรทำนองนั้น”
“อือ… น่าทึ่งดีว่ะ จากกะหรี่ผันตัวเองมาเป็นแฮกเกอร์ระดับโลกได้”
“แล้วมึงล่ะ ยังไม่ตอบกูเลย ผู้หญิงสวยๆมักจะเป็นยังไง?”
“ก็…” พฤหัสยักไหล่ “ไม่ว่าจะเกิดราศีไหน วันอะไร โดยทั่วไปผู้หญิงสวยจะเข้าข้างตัวเองเก่ง
ประเภททึกทักว่าใครๆต้องมาตกหลุมรักฉัน”
จองฤกษ์ยิ้มเห็นฟัน
กระแสคำพูดของพฤหัสทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังนั่งฟังคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอะไรสักสาขา
“แปลว่าถ้าเราทำหยิ่งๆ เมินๆ ไม่สนใจมาก หรือแกล้งมองเหยียดๆไปเลย
เดี๋ยวก็เป็นจุดเด่นเรียกความสนใจ ท้าทายให้คนสวยอยากพยายามมาจับเราเองหรือเปล่า?”
“นั่นมันวิธีคิดแบบเด็กๆ ไอ้เรื่องแกล้งทำเป็นปฏิปักษ์เรียกร้องความสนใจน่ะ
ไม่ใช่สะพานเชื่อมที่ดีหรอก ไปทำเป็นศัตรูกับเขา เขาเกลียดขี้หน้าขึ้นมาจริงๆจะเรียกคะแนนคืนลำบาก
คือมันต้องมีศิลปะ อย่างตอนนี้มึงเห็นไหมกูมองเขาไม่วางตา
แสดงความสนใจอย่างเปิดเผย แต่ข้างในกูก็ยังรั้งตัวเองไว้
ไม่ปล่อยใจถลำไปหลงชนิดโงหัวไม่ขึ้น นี่แหละ… ถ้าเริ่มต้นด้วยใจที่ครึ่งๆระหว่างสนมากแต่ไม่ตกหลุมจนมิดกบาล
ก็ทำคะแนนแตกต่างจากพวกหน้าโง่ที่ออกอาการลิ้นห้อยน้ำลายหกตั้งแต่แรกมากแล้ว”
ฟังผู้ชำนาญการด้านหญิงสวยพูดแล้วจองฤกษ์ชักเลื่อมใสเพื่อนรักมากขึ้นทุกที
“มึงพูดเข้าท่า แล้วยังไงอีก ทำเหตุการณ์แรกพบสบตาให้เหมาะ
เสร็จแล้วต้องต่อด้วยอะไร?”
“ต่อด้วยการทำยังไงก็ได้ ให้เขารู้สึกตัวว่าเป็นนางเอก
สาวสวยเนี่ยช่างฝันเกือบทั้งนั้น
ยิ่งถ้ามึงทำให้เขาเชื่อได้ว่าเป็นคู่แท้ที่หอบหิ้วตามกันมาแต่ชาติปางก่อนได้นะ
เรียบร้อย… หาที่เหมาะๆทำการสำเร็จโทษได้เลย”
จองฤกษ์ไม่ได้ฟังอย่างเดียว
แต่คิดต่อด้วย เขาว่ามนุษย์มีมุมมองที่จำกัด
อย่างเช่นเพื่อนซี้ของเขาเจออยู่แค่นี้ก็เห็นได้แค่นี้
จากการไปงานสมรสล่าสุดของเขา
เขาเห็นเจ้าสาวแสนสวยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าบ่าวหน้าเหลี่ยมๆหัวล้านๆ
นั่นแปลว่าพอพ้นวัยหนึ่งผู้หญิงสวยอาจเลิกช่างฝัน
เปลี่ยนไปคิดฟันกำไรจากการแต่งงานกับเจ้าบ่าวผู้เป็นทาสตัณหาท่าเดียว
เพราะเมื่อมายืนอยู่ในโลกความเป็นจริงเต็มตัว
ผู้หญิงสวยคงเห็นความจริงได้เร็วกว่าใคร นั่นคือความฝันเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้
ความหล่อไม่ทำให้อิ่มท้อง เงินทองต่างหากที่ทำได้
“แล้ว… ที่มึงทำให้เขารู้สึกว่าเป็นนางเอกนี่ยังไงวะ ลองยกตัวอย่างหน่อยได้ไหม?”
“ก็ทำตัวเป็นพระเอกซีวะ พอมึงเป็นพระเอก
คนที่ถูกมึงจีบก็จะมีสถานภาพเป็นนางเอกโดยอัตโนมัติ
พระเอกกับนางเอกเป็นยังไงก็ดูได้จากละครที่คนติดกันมากๆน่ะ”
“พระเอกต้องหล่อ พูดเก่ง อันนี้มึงได้ แต่เรื่องรวยนี่ยังขาดไป
มึงยังขึ้นรถเมล์อยู่นี่หว่า ต่อให้ถึงอายุขอใบขับขี่ได้ พ่อมึงก็ไม่ซื้อรถให้แหงๆ”
“ของแบบนี้ลงทุนเพื่อยกระดับได้เป็นครั้งคราวน่า แท็กซี่หรูๆมีถมไป
วิ่งให้เกลื่อนขนาดยืนรอกวักมือเรียกตรงหน้าบ้านยังไหว อีกอย่าง
ตอนที่ต่างฝ่ายต่างแบมือขอตังค์พ่อแม่กันอยู่น่ะ ความรวยไม่ใช่เรื่องสำคัญอันดับหนึ่งหรอก
ความฝันต่างหาก มึงทำให้เขาฝันได้ มึงก็ฟันเขาได้”
จองฤกษ์หัวเราะเบาๆ
“เช่นฝันว่าอะไร?”
“ฝันว่าจะรักและติดตามกันไปทุกภพทุกชาติไง”
“สรุปง่ายๆว่ามึงหลอกเขาทั้งที่มึงก็ไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้?”
“ไม่ใช่หลอก… กูทำตัวเหมือนเซลล์แมนไง แค่ให้ในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้
ทุกคนต้องการสิ่งล่อใจทั้งนั้น”
“โอเค สรุปคือเพื่อที่จะเจาะไข่แดงหญิง
มึงมีวิธีที่แนบเนียนตั้งแต่เริ่มลงมือจีบ แล้วคราวนี้ลงเอยยังไง
ตอนเบื่อแล้วอยากทิ้งน่ะ?”
พฤหัสยักคิ้วเบะปากนิดๆ
“ก็ลบความจำในสมองพวกเธอซะ
แปลงร่างจากเทพบุตรเป็นซาตานพักเดียวก็เผ่นกันไปเอง”
“อือม์…” จองฤกษ์ครางอย่างคนตาสว่าง “มึงนี่ระยำใช้ได้เลยนะเนี่ย!”
สองเกลอหัวเราะพร้อมกันอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องจริงจังนัก
“สมัยนี้ไม่ต้องห่วงหรอก
ผู้หญิงใจง่ายแล้วก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น
ไม่มีใครถือสาหรือยึดติดมากมายหรอก สนุกกันพักหนึ่ง พอเบื่อก็หารสชาติใหม่ๆ
สาวยุคก่อนถูกสอนให้เห็นเซ็กซ์เป็นการเสียท่าหรือเสียตัว
แต่เดี๋ยวนี้โลกเปิดกว้างให้เห็นเป็นการร่วมสนุกไปแล้ว”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมข่าวฆ่าแกงด้วยเรื่องชู้สาวถึงเพิ่มขึ้นผิดปกติล่ะ? พ่อกูบอกว่าสมัยพวกเราเพิ่งเกิดไม่ฆ่ากันถี่ยิบราวกับเห็นแฟนเป็นเป้าซ้อมปืนอย่างนี้หรอก
มึงเพลินไปเพลินมาระวังเจอของแข็งเข้าก็แล้วกัน”
“โอ๊ย! ไม่มีทาง” พฤหัสยิ้มหยัน และเอ่ยด้วยความเชื่อมั่น “กูนี่แหละของแข็ง!”
จองฤกษ์กะพริบตาทีหนึ่ง
สัมผัสถึงความเชื่อมั่นอย่างน่าหมั่นไส้ของเพื่อนแล้วคิดในใจว่าอย่างนี้น่าจะเจอดีสักที!
“ไหนบอกแผนซิ มึงจะจีบคนสวยตรงหน้านี่ยังไง
บอกตามตรงกูอยากดูมึงสาธิตจะจะสักทีเหมือนกัน”
พฤหัสก้มหน้าแล้วสั่นศีรษะเล็กน้อย
“แม่อยู่ด้วยแบบนี้ยากว่ะ”
“แน่จริงต้องไม่เกี่ยงสถานการณ์ซิ
คิดเสียว่าถ้าต่อไปมึงเปิดมหาลัยสอนจีบหญิง ลองตั้งโจทย์ท้าทายดู
เช่นจะเข้าไปท่าไหนดีถ้าสาวที่สนกำลังมีคุณแม่ประกบติดแจ”
หนุ่มหน้าหล่อหัวเราะ
เพราะรู้ว่าเพื่อนของเขาต้องการรู้ผลจริงๆว่าเขาจะทำเรื่องยากได้สำเร็จหรือไม่
“ฤกษ์… เท่าที่รู้จักมึงมาตั้งแต่เด็ก กูเห็นมึงเป็นคนเงียบๆ แต่ชอบลองของ
ชอบท้าทาย ชอบเล่นอะไรเสี่ยงๆเสมอ รู้ตัวหรือเปล่า
ตามึงเป็นประกายแบบพวกโรคจิตอยู่เรื่อยตอนอยากทำอะไรแผลงๆ”
ถูกสะกิดเช่นนั้น
ท่าทีกระตือรือร้นของจองฤกษ์ก็คลายลงเล็กน้อย แต่ยังไม่วายออกแรงยุ
“แค่มีแม่อยู่ด้วยคนเดียว ถือว่าทำอะไรแผลงๆแล้วเหรอะ? กูอยากเห็นมึงแสดงฝีมือในทางที่ถนัด
ทำนองเดียวกับมึงอยากดูมวยหมัดหนักถล่มมวยการ์ดแข็ง
อยากดูปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจอะไรทำนองนั้น เอาสิวะ โชว์หน่อยดิ้”
พฤหัสหุบยิ้ม
ชักนึกเคืองที่เพื่อนคะยั้นคะยอให้ทำในสิ่งที่กำลังขี้เกียจทำ
และถ้าไม่ทำก็เหมือนไม่แน่จริง
“เอางี้ สัญญากับมึงเลย เจอหน้ายายนี่คราวหน้ากูจีบ
ไม่ว่าจะพกแม่มาด้วยหรือเปล่า วันนี้กำลังเหนื่อยโว้ย
แล้วอีกอย่างเพิ่งแพ้มึงหมดรูป กำลังเซ็งในอารมณ์
หลักการเข้าหาผู้หญิงที่มีแม่มาด้วยน่ะง่ายนิดเดียว จีบแม่ติดได้ก็ได้ลูกมาเอง
เรื่องเข้าผู้ใหญ่น่ะกูไม่เกี่ยงอยู่แล้ว
ผลัดเป็นคราวหน้าต่อให้มากะแฟนกูก็จะแสดงฝีมือให้มึงชมเป็นขวัญตา!”
ประกายสนใจถูกจุดขึ้นในตาจองฤกษ์อีกครั้ง
พฤหัสเหลือบมาเห็นแล้วคิดในใจว่าไอ้หมอนี่ช่างคลั่งไคล้โจทย์ยากเสียจริงๆ
ได้ยินอะไรท้าทายหน่อยไม่ได้ เป็นต้องยิ้มพึงใจเหมือนเด็กจอมขโมยเสมอ และนี่ก็เป็นสิ่งที่พฤหัสเพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับเพื่อนรัก
จองฤกษ์จะหยุดเซ้าซี้ เลิกสนใจโจทย์ยากข้อเดิม
ขอเพียงมีโจทย์ใหม่ที่ยากเย็นท้าทายกว่า น่ารู้น่าเห็นมากกว่าเก่ามายื่นให้!
และเพราะโดนจี้เรื่องจีบสาว
เลยพานทำให้พฤหัสเบื่อหน่ายความน่ารักของเจ้าหล่อนขึ้นมาแบบปุบปับฉับพลัน
“ไปกันเหอะ! กินข้าวกะมึงเสร็จกูต้องรีบกลับ”
“นัดสาว?”
พฤหัสโคลงศีรษะไปมา
“เปล่า… เจอเปรตที่ไหนไม่รู้
ส่งเมลมาหลอกให้ไปดาวน์โหลดโปรแกรมป้องกันไวรัสมาติดตั้ง แม่ม! พอติดตั้งเสร็จถึงรู้ว่าเป็นกับดักระดับโลก
ทำให้กูเสียเวลาครึ่งค่อนวันไปเปล่าๆ ต้องทำงานใหม่หมด มึงระวังๆให้ดีนะ
เจอแหกตากันเป็นล้านเลย”
“เหรอ…”
น้ำเสียงของจองฤกษ์เปลี่ยนไป
แต่พฤหัสไม่ทันสังเกต
“ไอ้พวกแฮกเกอร์ที่แกล้งปล่อยไวรัส
แกล้งส่งโทรจันไปใส่เครื่องคนอื่นนี่ไม่รู้มันจะเกิดมาให้หนักกบาลชาวบ้านทำไม
อย่าให้รู้ว่าใครนะมึง กูจะไปเผาบ้านมันจริงๆ”
พฤหัสได้ยินจองฤกษ์หัวเราะหึหึ
แปลกที่เพื่อนรักหัวเราะคราวนี้ฟังดูชวนให้อยากตบกะโหลกสักผัวะ เพราะสำเนียงหยันเยาะพิลึก
“กูดูข่าวเหมือนกัน” จองฤกษ์เอ่ยเสียงปกติ “เจ้าแฮกเกอร์มันก็เก่งนะ
อุตส่าห์เจาะระบบของบริษัทผลิตโอเอสหมายเลขหนึ่งของโลก
เอาไฟล์ไปวางไว้ที่นั่นรอคนมาโหลด แม้แต่พนักงานของบริษัทเองยังหลงกล
เรียกว่าค่ายซอฟต์แวร์ยักษ์โดนตบหน้าแรงที่สุดเท่าที่เคยโดนมา”
“เก่งเกิ่งอะไรวะ สงสัยเป็นคนในที่มีความแค้นเคืองอะไรกันน่ะซี
ข่าวว่ากำลังสืบหาร่องรอยกันจ้าละหวั่น ข่าวบอกเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะเจาะสำเร็จ”
จองฤกษ์หัวเราะฮ่าๆดังเป็นกังวาน
เป็นเสียงหัวเราะที่มีแรงอัดกระทุ้งแก้วหูขนาดทำเอาพฤหัสสะดุ้ง และเรียกความสนใจจากสองแม่ลูกในสนามแบดให้เหลียวมาดูว่าเกิดเหตุพิเศษอันใดขึ้น
“มึงขำใครวะ?”
“ขำพวกปัญญาอ่อนที่เสียหน้า พลาดท่าแล้วโยนบาปให้คนในกันเองน่ะซี”
พฤหัสตะแคงหน้ามองเพื่อนหนุ่มด้วยความฉงน
เสียงห้าวลึกของจองฤกษ์ฟังแล้วชักสะดุด ชวนให้รู้สึกตะครั่นตะครอหนาวสันหลังชอบกล
“พวกแฮกเกอร์คงจะเลวชาติ คุยกับคนธรรมดาอย่างพวกเราไม่รู้เรื่องหรอกนะ
มึงว่าไหม?”
“กูเชื่อว่าทุกคนในโลกมีเชื้อความเลวในตัวเอง
และกำลังทำร้ายคนอื่นในทางใดทางหนึ่งอยู่ทั้งนั้นแหละ”
มีความเย็นชาที่น่าขนลุกอย่างประหลาดขณะจองฤกษ์ตอบ
พฤหัสถึงกับนิ่งงันและไม่อยากคุยอะไรต่ออีก
จองฤกษ์กับพฤหัสออกจากสนามแบดมินตันมาทานข้าวกลางวันด้วยกันที่ร้านตึกแถวในละแวกใกล้
พฤหัสทานข้าวหมูแดงไปเพียงจานเดียวก็อิ่ม
ในขณะที่จองฤกษ์เอี้ยวตัวสั่งก๋วยเตี๋ยวต่ออีกชาม
“งั้นกูกลับก่อนนะฤกษ์”
พฤหัสขอตัวด้วยความเพลีย
อยากรีบกลับไปพัก ด้วยเห็นว่าอย่างไรก็กลับคนละทางอยู่แล้ว
จองฤกษ์พยักหน้าหงึกหนึ่งก่อนไล่ส่ง
“มึงไปเถอะ”
พฤหัสผลุนผลันลุกจากโต๊ะทันที
“ค่าข้าวมึงล่ะ?”
จองฤกษ์ประท้วงท่าทีอันน่าเสียวไส้ของเพื่อน
เกรงว่าตนจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงโดยไม่มีการหาร
“อ้าว! ก็มึงให้กูไปเถอะ กูก็ลุกตามคำสั่งสิวะ”
พฤหัสพูดกลั้วหัวเราะพลางลวงกระเป๋าสตางค์
ควักเงินออกมาจ่ายให้เพียงครึ่งหนึ่งของค่าอาหารและน้ำที่ตนบริโภคเสร็จไป
“ที่เหลือช่วยหน่อยละกัน ติดกระเป๋าอยู่ร้อยเดียวกูอยากเอาไปนอนในแท็กซี่
เมื่อคืนอยู่ดึกแล้วมึงมาชวนเล่นแบดแต่วันอีก
ถือว่าเป็นค่าจ้างกูมาเล่นเป็นเพื่อนละกัน”
สิ้นคำพฤหัสก็สะพายเป้อุปกรณ์กีฬาขึ้นหลัง
หมุนตัวจากไปทันที ปล่อยจองฤกษ์ให้อ้ำอึ้งพูดไม่ออกอยู่ข้างหลัง
เด็กหนุ่มทานก๋วยเตี๋ยวด้วยอารมณ์ขุ่นมัวต่ออีกพักใหญ่ก็เรียกเด็กมาเก็บเงิน
ก่อนลุกขึ้นเดินลึกเข้าไปในร้านเพื่อเข้าห้องน้ำ
ซึ่งตนรู้แหล่งดีว่าเป็นห้องขนาดเล็กใต้บันได
เนื่องจากเห็นว่าประตูแง้มอยู่เล็กน้อย
จึงผลักเปิดโดยไม่ระมัดระวังค่อนข้างแรง
ผลที่ผิดคาดคือบานประตูไม่ได้เจออากาศว่างเปล่า
แต่ไปปะทะอย่างจังกับหลังของใครคนหนึ่งเข้า
ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นบุรุษร่างโตที่กำลังยืนระบายความเครียดจากท้องน้อยอยู่
พอโดนแรงกระแทกของประตูก็ตกใจ ร่างคะมำไปอัดโถฉี่เต็มรัก
“โอ๊ย!”
ชายผู้เคราะห์ร้ายอุทานลั่นด้วยความตระหนกมากกว่าเจ็บปวด
จองฤกษ์ผงะด้วยความตกใจในฐานะผู้กระทำโดยไม่เจตนาเช่นกัน แต่พอหายตกใจ
แทนที่จะขอโทษกลับเผลอหัวเราะเหมือนเยาะซ้ำอย่างอดขำไม่ได้
คนอยู่หลังประตูห้องน้ำจัดการธุระต่อด้วยความขลุกขลักทุลักทุเลชั่วอึดใจเดียว
ก็เปิดประตูออกมาประจัญหน้าผู้บุกรุกด้วยสีหน้าถมึงทึง
“ทำไมเปิดประตูซุ่มซ่ามอย่างนี้วะไอ้น้อง?”
สีหน้าคุกคามจะเอาเรื่อง
บวกกับวาจานักเลงโตนั้น แทนที่จะทำให้จองฤกษ์หวาดกลัว
กลับกลายเป็นเลือดขึ้นหน้าและพูดสวนทันควัน
“แล้วพี่เสือกไม่ล็อกประตูเองทำไมล่ะครับ?”
“ใส่กลอนแล้วแต่มันขัดไม่อยู่นี่โว้ย”
“งั้นก็ช่วยไม่ได้”
ชายวัยฉกรรจ์ตาลุกวาบ
โกรธจนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
"น้องไม่ชอบหน้าพี่ใช่ไหม?"
จองฤกษ์มองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชา
“พี่เยี่ยวเสร็จก็หลีกทางผมหน่อยเถอะ จะยืนขวางหาพระแสงอะไร
ผมจะเข้าห้องน้ำบ้าง”
คนร่างใหญ่หน้ามืดและหูอื้อจนฟังคำพูดเด็กหนุ่มไม่รู้เรื่อง
“เฮ้ย! ตัวแค่นี้ทำไมทำกร่างนักวะ? ขอโทษซักคำก็ไม่มี”
“เออ! โทษที หลีกหน่อย”
น้ำเสียงกระด้างไม่กลัวตีนนั้นทำให้นักเลงโตหมดความอดทน
ใช้มือขวาผลักหน้าอกเด็กหนุ่มวัยรุ่นเต็มแรง
“มึงจะเอายังไงกะกูวะ?”
ร่างบางของจองฤกษ์ปลิวคว้างไปปะทะกับตั้งรังใส่ขวดน้ำอัดลมล้มครูดผนังระเนระนาด
เด็กหนุ่มเด้งพรวดขึ้นมาทันทีพร้อมกับขวดเป๊บซี่ในมือ
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน!”
ไม่ทันขาดเสียงเหี้ยมนั้น
น้ำอัดลมขวดเล็กก็ถูกเขวี้ยงเข้าใส่เป้าหมายคือศีรษะของฝ่ายตรงข้ามแบบไม่ให้ตั้งตัว
“โอ๊ย!”
พี่เบิ้มยกมือไม้ปิดป้องร้องสุดเสียง
จองฤกษ์ขวาหันดีดตัวหนีทันทีโดยไม่ดูผล
มือคว้าเป้บนโต๊ะอาหารเผ่นโผนโจนทะยานจากร้านสุดฝีเท้าท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าลูกค้าโดยไม่ทันมีเวลาจ่ายสตางค์ให้ถูกต้องเสียก่อน
วิ่งออกมาได้ประมาณ
๓๐ เมตรก็เหลียวหลังกลับไปมอง
จึงทราบว่าลูกพี่ที่โดนเขาเล่นงานไปมีพรรคพวกมาด้วยหลายคน
ได้ยินเสียงซอยเท้ากรูตามเขามาเป็นขบวน
จองฤกษ์บังเกิดความตระหนกกลัวขนหัวพองขึ้นมาชั่ววาบ แต่ก็พยายามตั้งสติ
สะบัดหน้าหันมองตรงและเพิ่มความเร็วในการวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
พยายามใช้ความสามารถของนักกีฬาลมกรดให้เป็นประโยชน์
ขืนอืดอาดให้ถูกจับตัวได้ล่ะก็ไม่ทราบจะออกหัวออกก้อยอย่างไร
อย่างเบาะๆก็เจอยำปลาหมึกรสเผ็ดเลือดกบปากเป็นแน่
ในความตื่นเต้นสุดระทึก
จองฤกษ์ไม่ปล่อยให้จิตใจตนเองเตลิดผวา เขาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด
พยายามทำระยะห่างจาก ๓๐ เมตรให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความห่างขนาดนี้เป็นโอกาสได้เปรียบ กลายสภาพเป็นมนุษย์ล่องหนได้ไม่ยากจนเกินไป
หลังจากเลี้ยวซ้าย
จองฤกษ์วิ่งมาตามทางเปิดโล่งประมาณ ๒๐ เมตร
พอเจอบ้านหลังแรกทางขวามือก็ปีนรั้วสูงแค่เกินศีรษะฟุตเดียว
โดดตุ้บลงไปโดยปราศจากการกดออดขออนุญาตเจ้าของบ้าน
จากนั้นซอยเท้าวิ่งตื๋อโดยไม่เจอใครยืนขวาง
เพียงได้ยินเสียงวี้ดว้ายจากในบ้านเสียงเดียว
พอถึงหลังบ้านก็กระโดดเกาะขอบกำแพงเหวี่ยงตัววาดขาขึ้นคร่อมแล้วหย่อนร่างลงเขตบ้านหลังติดกัน
บ้านหลังนี้เงียบสนิท
แต่เร็วเกินไปถ้าจะเสี่ยงซ่อนตัวที่นี่ เพราะบ้านหลังก่อนเห็นตัวเขาแล้ว
และมีสิทธิ์บอกทางให้บรรดาชายฉกรรจ์ที่แห่ตามมารุมกินโต๊ะได้ จองฤกษ์หัวใจเต้นแรง
แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มสนุกกับการถูกไล่ล่าที่เขานำหน้ามาก่อน
กับทั้งมีโอกาสและช่องทางหนีรอดเห็นๆ เขาไม่เคยต้องถูกกวดตามกระทืบมาก่อน
เพิ่งรู้ว่าในความกลัวมีความสนุกเจืออยู่ยิ่งกว่าเกมไหนๆ
เพราะขืนพลาดก็ไม่ใช่แค่เจ็บใจ
แต่จะต้องโดนลงโทษให้เจ็บกายขนาดร้องโอ๊ยลั่นหมู่บ้าน
นึกแล้วทำให้ฉีกยิ้มตาวาวราวกับสนุกกับการแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้ายนักหนา
วิ่งมาปีนรั้วออกทางหน้าบ้าน
ข้ามถนนไปปีนรั้วบ้านที่อยู่เยื้องซ้ายไปสามหลัง
นี่คือการผจญภัยที่ทำให้เห็นความแตกต่างของบรรยากาศของเขตบ้านหลายๆแห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน
บางบ้านก็เงียบวังเวง บางบ้านก็มีเสียงเอะอะมะเทิ่งต้อนรับการปรากฏตัวของผู้บุกรุก
จองฤกษ์ปีนบ้านข้ามซอยแล้วซอยเล่า โดยเดินทางเป็นแนวทะแยงไปเรื่อยๆ
ประสาทตื่นเพริดลืมความเหน็ดเหนื่อย
กระทั่งกะว่าจุดเชื่อมต่อของสายตาผู้พบเห็นเขาขาดจากกันอย่างยากจะสืบทราบแล้ว
อีกทั้งปีนเข้าบ้านที่เงียบกริบสองหลังติดกัน ก็ตกลงใจเลือกบ้านหลังสุดท้ายนั้นเองเป็นแหล่งกบดานชั่วคราว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น