วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ปฏิบัติแรกๆ เห็นว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แล้วละอายใจมาก พอหลังๆ ทำไมไม่ค่อยเห็นอะไรเด่นชัดเหมือนตอนแรก?

ดังตฤณ     :  อย่าไปเจาะจง คือเวลาคนเราเห็นอะไรเด่นชัดขึ้นมาว่า ฮึ้ย!นี่มันอยู่ในใจเรา แล้วมันปรากฏราวกับว่า ไม่ใช่เรา เสร็จแล้วก็ติดใจ แล้วก็ไปพยายามก๊อบปี้การเห็นนั้นว่า จงเกิดขึ้นประมาณอย่างนี้

ตัวนี้แหละ ที่จะทำให้สติมันเกิดขึ้นครั้งเดียว มันเกิดขึ้นตอนที่ไม่ได้อยากเห็น แต่พอเริ่มอยากเห็นปุ๊บ นี่คราวนี้สติหายแล้ว มันกลายเป็นกิเลสเกิดขึ้นมาแทนสตินะครับ

ต่อไปเนี่ย ถ้าเกิดความรู้สึกสงสัยว่า เอ๊ะ!ทำไมไม่เห็นอะไรเลย ไม่มีอะไรปรากฏให้ดู ให้ถามตัวเองว่า กำลังหายใจเข้า หรือหายใจออกอยู่ในความสงสัยนั้นอยู่ในความอยากเห็นนั้น

เสร็จแล้วคุณจะได้เห็นนะครับว่า ณ ลมหายใจนั้น มันเกิดความอยากจะเห็นภาวะขึ้นมา  เห็นไม๊! มันมีสิ่งที่คุณพลาดไปโดยไม่รู้ตัว ความอยากจะเห็นสภาวะไง มันกำลังปรากฎอยู่โต้งๆเนี่ย แต่เราไปนึกถึงภาวะความเห็นแก่ตัว นึกว่านั่นคือ การเห็นภาวะที่แท้จริง นั่นคือการเห็นรูปเห็นนาม ตรงนี้จบเลย มันหยุดอยู่ที่ตรงนั้น สติน่ะ มันหยุดอยู่ที่ความเข้าใจผิด มันหยุดอยู่ที่การไม่มีสัมมาทิฏฐิมาตั้งแต่ต้น 

สัมมาทิฏฐิที่ประกอบจิตตั้งแต่ต้นคือ การเห็นตามจริงว่า ณ ขณะนี้ที่หายใจเข้า หรือหายใจออกอยู่เนี่ย มีสภาวะอะไรปรากฏให้ดูบ้าง แล้วสภาวะนั้นตั้งอยู่ได้กี่ลมหายใจ มันถึงล่องหนหายตัวไป

ถ้ามีมุมมองที่ถูกต้อง ทิศทางที่ชัดเจนอย่างนี้ คุณจะเดินเป็นเส้นตรง และก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แบบที่ไม่มีการถอยหลังอย่างแท้จริง

เนี่ย! ตัวเดียวนะ ที่จะก้าวหน้าไปได้ จำไว้เลยนะครับ บนเส้นทางนี้คือ "สติ" นอกนั้นขึ้นแล้วก็ลง เจริญแล้วก็เสื่อมลงได้หมด

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      ครอบครัว กิติวิริยกุล
วันที่ไลฟ์                  ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         ปฏิบัติแรกๆ เห็นว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แล้วละอายใจมาก พอหลังๆ
                              ทำไมไม่ค่อยเห็นอะไรเด่นชัดเหมือนตอนแรกคะ?
ระยะเวลาคลิป          ๒.๒๒ นาที
รับชมทางยูทูป           https://www.youtube.com/watch?v=CqxdRh4TVqA&feature=youtu.be

*** IG ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น