ดังตฤณ : คือถ้าคำบริกรรมพุทโธหายไปเอง
มันก็จะเหลือแต่จิตว่างๆ ว่างจากอะไร?ว่างจากพุทโธ
พอว่างจากพุทโธแล้ว เหลืออะไรให้ดู? เหลือจิตนั่นแหละว่า มันจะนิ่งอยู่ต่อไปได้กี่ลมหายใจ
หรือว่าถ้าลมหายใจไม่ชัดเจนนะครับ คุณก็ดูไปว่า ตัวของจิตเนี่ยมันอยู่เฉยๆ ว่างๆเหมือนไม่มีอะไรให้ดูได้นานสักกี่น้ำ
กว่าที่จะมีความคิดแทรกขึ้นมา
ยกตัวอย่างเช่น ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ จิตว่างๆไม่มีอะไรให้ดูเลย
แล้วเราจะดูอะไร นี่ความสงสัยมันเกิดขึ้นแล้ว วิจิกิจฉาเกิดขึ้นแล้ว แต่คนน่ะไม่เห็น
ไปเห็นแต่จิตที่ว่างๆ
อันนี้เราควรจะทำความเข้าใจไว้ตั้งแต่เริ่มต้นว่า
จิตกำลังแสดงอะไรให้ดู เราก็ดูไปอย่างนั้นแหละ ถ้ามันว่างเหมือนไม่มีอะไรให้ดู ก็มองไปว่า จิตกำลังว่าง
จิตกำลังเป็นสมาธิ จิตกำลังดี เสร็จแล้วเนี่ยเอ๊ะ! เหมือนไม่มีอะไรให้ดู นี่ตัวนี้วิจิกิจฉาเกิดให้เห็นแล้ว
แต่คนเนี่ยร้อยทั้งร้อยไม่เห็นด้วยตัวเอง จนกว่าจะมีคนมาบอกให้ดู
แล้วถ้าหากว่า เราเข้าใจว่า จะดูยังไง
นี่เห็นว่าจิตมันว่างๆอยู่ ราวกับว่าอยู่ในที่โล่ง
อยู่บนท้องฟ้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก อยู่ในมุมมองที่มันไม่มีอะไรเลยที่สุดในโลก
เสร็จแล้วมีเมฆหมอกขึ้นมา เป็นเมฆหมอกที่ผลิตคำในหัวขึ้นมาว่า “ว่างจังไม่มีอะไรให้ดู
แล้วจะดูอะไรล่ะเนี่ย” นี่ตัวนี้เมฆหมอก ถ้าเราเห็นมัน เราจะรู้ทันทีว่า
ที่นึกว่าว่างมันไม่ว่างจริง มันกลับมาวุ่นใหม่
แล้วพอเราเห็นว่า ความสงสัยนั้นหายไป
เออเนี่ยตัวสติที่เห็นความสงสัยนั้นหายไป
มันจะไปปรุ่งแต่งจิตให้เกิดความว่างขึ้นมาอีกชนิดนึง ว่างจากความสำคัญผิดว่าว่าง
ตัวความว่างจากความสำคัญผิดว่า เนี่ยจิตเราว่างแล้วเนี่ยนะครับ
มันคือการได้รู้จิตในจิตนั่นเอง คือมันเห็นน่ะนะว่า จิตว่างๆแบบนี้
ที่มันเหมือนไม่มีอะไรเลย แท้จริงแล้วมันไม่ได้ว่างไปได้สักกี่น้ำ
ในที่สุดมันส่งความคิด มันส่งเมฆหมอกขึ้นมาใหม่
แล้วถ้าเราเห็นเมฆหมอกนั้นปรากฏขึ้นแล้วผ่านไป
สิ่งที่เหลือเราจะเห็นความเข้าใจที่ถูกต้องเกิดขึ้น เห็นปัญญาประกอบกับจิตที่ว่าง
เป็นว่างอย่างรู้ว่าเนี่ยไม่ว่างจริง มันเป็นแค่สภาวะจิตอย่างนึง ที่มันปรากฏเดี๋ยวนึง
เดี๋ยวมันก็จะมีจิตแบบอื่นเกิดขึ้นมา จิตแบบอื่นเป็นยังไง? จิตที่ฟุ้งซ่าน
ฟุ้งซ่านอ่อนๆ ฟุ้งซ่านด้วยความสงสัยว่า เอ๊ะ!เราจะดูอะไร ไอ้ตัวความ "เอ๊ะ" นั่นแหละ
นั่นแหละจิตไม่ว่าง แล้วพอเราเห็นว่า ตัวเห็นจิตในจิตเนี่ยนะครับ
เห็นว่านี่เป็นแค่จิตหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีจิตที่สงสัยได้ ยังมีจิตที่ว่างยิ่งกว่านี้ได้
ว่างจากอะไร? ว่างจากความสำคัญผิด ว่าจิตเนี่ยเป็นตัวเรา
ตอนที่คุณเริ่มได้จิตที่ว่าง เหมือนไม่มีอะไรให้ดูเป็นครั้งแรกๆน่ะนะ
นั่นน่ะมันเป็นว่างแบบพร้อมที่จะไม่รู้ ไม่รู้อะไร? ไม่รู้ว่าจะดูอะไรไง ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วจิต ณ
ขณะนั้นเนี่ย มันเป็นแค่จิตดวงนึง เดี๋ยวมีจิตอื่นๆมาแทนที่ได้
เนี่ยตัวนี้แหละที่เราไม่รู้
แต่พอเรารู้ตามโรดแมป (Road Map) ที่พระพุทธเจ้าท่านประทานไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตรนะครับ
ท่านบอกให้ดูจิตในจิต ไม่ใช่ให้ดูจิตดวงใดดวงนึง แล้วสำคัญผิดยึดมั่นว่านั่นน่ะดีแล้ว
นั่นน่ะเป็นตัวเรา นั่นน่ะใช่
แต่ให้ดูทุกจิตที่มันจะเกิดขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นจิตที่ว่างชั่วคราว แล้วเดี๋ยวมันกลับมาวุ่นใหม่
กลับมาสงสัยได้ใหม่ว่าอะไรเป็นอะไร
เสร็จแล้วพอเห็นว่าจิตเคลือบความสงสัยนั้นผ่านไป มันก็มีจิตที่ว่างจากความสงสัย
ว่างจากความไม่รู้ปรากฏขึ้นแทน
เป็นจิตที่มีความว่างอย่างรู้ เปลี่ยจากว่างอย่างไม่รู้
เป็นว่างอย่างรู้ รู้ว่าจิตเนี่ยไม่ใช่เรา จิตเนี่ยของชั่วคราว จิตนี่แค่ดวงนึงในอีกหลายๆดวงที่จะเกิดขึ้นต่อมาตามลำดับ นะครับ
----------------------------------------------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒
(รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม เวลานั่งสมาธิแล้วจิตสงบนิ่งละคำบริกรรมพุทโธ
ควรทำอะไรต่อ?
ระยะเวลาคลิป ๕.๐๓ นาที
รับชมทางยูทูบ https://youtu.be/SsZfrKuBcis
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น