ดังตฤณ : ของคุณนี่ ท่าที่สอง อาจยังไปไม่ถึงจุดที่มีความชุ่มชื่นมาก
แต่น่าจะไปถึงจุดหนึ่ง ที่เวลาที่เรายก
ชูมือขึ้นสุด .. ชูสุดเลย
แล้วก็เหมือนกับเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง
คุณจะรู้สึกถึงความนิ่ง
ที่เกิดจากสมดุลระหว่างร่างกาย กับภาวะทางใจได้
ถ้าถึงตรงนั้น ให้เลือกเอา
ความรู้สึกอยากจะให้ทำท่าที่สอง
จนกว่าจะเกิดความชุ่มชื่นมากกว่านี้นะ
ชุ่มชื่นจริงๆ
แบบที่เรารู้สึกว่า ดีจังเลย มีความสุขจังเลย
แล้วก็ให้ตัวความชุ่มชื่นนั้น
เลี้ยงให้สติมีอายุยืนขึ้น
จากนั้น ค่อยดู ..
จะมีจังหวะหนึ่งที่ชุ่มชื่นด้วย
แล้วก็มีความนิ่ง ตอนที่ไปรวบมือ
ไปประกบกันตรงยอด
พอมีความนิ่ง มีความชุ่มชื่นด้วย แล้วก็ลงมาดู
ว่าความนิ่ง ความชุ่มชื่นนั้น ตั้งอยู่ได้เอง
โดยที่ไม่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวประกอบไหม
แล้วที่ตั้งอยู่ได้เองนั้น
มีความรู้สึกรับรู้ถึงลมหายใจ
ได้ตามสปีดที่เคยทำได้โดยการใช้ท่าช่วยหรือเปล่า
สรุปง่ายๆ นะ ไปถึงจุดที่มีความรู้สึกชุ่มชื่น
อย่าเพิ่งไปคิดถึงท่าที่สามนะ
ไปถึงจุดที่ว่า .. ดีจังเลย มีความสุขจังเลย
เสร็จแล้ว ค่อยเอามือลงมาวาง
แล้วก็ดูว่าเรายังมีความสุข แบบนั้นคงเส้นคงวา
ต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องใช้ท่าช่วยหรือเปล่า
เอาอย่างนี้ ผมให้เป็นเวลาก็ได้ ..
ท่าที่หนึ่ง ของคุณนะ ขอสามนาที
ท่าที่สองต่อไปสักประมาณสิบนาที
จากนั้น ในนาทีที่เก้า ที่สิบ
น่าจะรู้สึกถึงความชุ่มชื่นได้ชัดเจน อย่างต่อเนื่องเป็นไปเอง
ถ้ามีความชุ่มชื่นแบบวูบๆวาบๆ ไม่นับนะ
ในระหว่างก่อนสิบนาทีนั้น
ถ้าจะมีความชุ่มชื่น
จะมีความเบิกบานอะไรขึ้นมาแบบเล็กๆ น้อยๆ
อย่างนั้น ยังไม่นับ
แต่ต้องมีความชุ่มชื่นในแบบที่รู้สึกหลั่งไหลต่อเนื่อง
เหมือนไขก๊อกออกมา เปิดก๊อกได้
รู้สึกว่าออกมาแบบเป็นไปเองได้
ตรงนั้นค่อยไปต่อท่าที่สาม คิดว่าคงเข้าใจนะครับ
พอลองทำตามตอนอาจารย์สอน
เรื่องปรับท่าให้ผู้ร่วมปฏิบัติใน live ท่าที่ ๑ แล้ว ...
รู้สึกโล่ง ผ่อนคลายสบายใจขึ้น ขนลุกนิดๆ
ให้ปรับไปท่าที่ ๒ ต่อได้เลยใช่ไหมคะ? และจังหวะไหนจึงจะปรับเป็นท่าที่
๓ ได้คะ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ช่วง ถามตอบ
วันที่
13 พฤศจิกายน 2564
ถอดคำ
: เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=8Uv_2ESOYxE
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น