วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2563

เห็นตัวเองเป็นโครงกระดูกใน ๔ นาที

ดังตฤณ  :   สวัสดีครับทุกท่านพบกับรายการปฏิบัติธรรมที่บ้านนะครับ คืนวันเสาร์สามทุ่ม คืนนี้พิเศษมากๆเลยนะครับ เป็นคืนแรกที่เราจะได้มาชื่นชมคลื่นปัญญาด้วยกันนะครับ

เสียงสติที่หลายคนก็จำได้ว่าผมบอกไว้ ให้สัญญาไว้ว่า จะทำออกมานะครับ ก็ใช้เวลาหลายเดือนขลุกอยู่กับการทำแก่นของคลื่นปัญญานะครับ คือทำให้ลมหายใจในแอนนิเมชั่นมีศักยภาพที่จะเหนี่ยวนำให้คนดูสามารถที่จะรู้สึกถึงลมหายใจของตัวเอง

จริงๆแล้วคลื่นปัญญาจะแบ่งออกเป็นหลายตอนมากๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแค่ตอนเดียวเพราะว่า มีทั้งเรื่องของอินโทลดักชั่น (Introduction) นะครับว่า ทำไมเราถึงต้องมาเจริญสติกันนะครับ

พุทธศาสนามีแก่นสารอยู่ที่ตรงไหน ทำไมถึงต้องมาเจริญสติรู้กายรู้ใจ หรือว่าปฏิจจสมุปบาทที่หลายคนบอกว่า เหมือนจะเข้าใจแต่ฟังเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าเอื้อมไม่ถึง มันมีบางจุดบางอย่างที่มองไม่เห็น มองไม่เห็นภาพอ่ะนะครับ อันนี้ก็จะทำให้เห็นภาพเลย ออกมาจากตัวคุณเองเลย จากกายใจของคุณเองเลย ไม่ใช่ปฏิจจสมุปบาทในหน้ากระดาษอย่างเดียว หรืออย่างเรื่องของสังสารวัฏก็จะทำให้เห็นอย่างละเอียดเลย เห็นการเปลี่ยนแปลงในภพภูมิต่างๆ ด้วยเหตุด้วยผลแบบไหนนะครับ รวมทั้งว่า เมื่อมีกายใจแบบมนุษย์เนี่ยมีค่ามหาศาลอย่างไร อันนี้ก็จะค่อยๆทยอยทำไป อาจจะต้องพูดง่ายๆว่า ทำไปทั้งชีวิตน่ะนะครับ คือมันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเหมือนกัน เนี่ยอย่างทำลมหายใจอย่างเดียวเนี่ย ผมใช้เวลาไปประมาณสามสี่เดือน นึกว่าจะทำได้เร็วๆ แต่ว่าจริงๆแล้วต้องไปศึกษาทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่จะเอามาใช้ทำนะครับ

หรือว่าแม้แต่เทคนิคที่จะปรุงแต่งให้มัน คือมันไม่มีทางเหมือนจริงหรอก แต่ว่าจะทำให้ดึงดูด หรือว่ากระตุ้นให้เกิดความรับรู้กับผู้ดูนะครับ เสมือนหนึ่งว่าเรากำลังหายใจอยู่ด้วยตัวเองในแอนนิเมชั่น อันนี้เป็นเรื่องยาก แต่พอแก่นตรงนี้เสร็จไปแล้วก็เชื่อว่า ในช็อตต่อๆไปเนี่ยคงจะง่ายขึ้นแล้วล่ะ ก็กำลังทำอยู่นะครับ

ทีนี้มาพูดถึงที่มาที่ไปว่า คลื่นปัญญาเนี่ย เอาง่ายๆก่อนว่า แตกต่างจากเสียงสติอย่างไร เสียงสติแบบคลื่นสมาธิอย่างไรนะครับ

อย่างที่ได้กล่าวหลายครั้งนะครับว่า เสียงสติมีทั้งคลื่นศรัทธา ซี่งเป็นเพลงฟังง่ายๆเลย แล้วก็เกิดความรู้สึกรีแลกซ์ (Relax)เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เกิดความศรัทธาประสาทะ ในองค์พระสัมมนาสัมพุทธเจ้า ศรัทธาเหมือนกับว่า เพิ่งได้สวดมนต์ดีๆมานะครับ สวดมนต์อย่างมีคุณภาพมา อันนี้ก็เป็นดีไซน์นะครับ

ในปีหน้าก็ตั้งใจจะทำเพลงเกี่ยวกับเรื่องของกรรม เรื่องของวิบากด้วยนะครับ เสริมเข้าไป แต่คลื่นสมาธิก็อย่างที่ ๙๙ เปอร์เซ็นต์รู้จักนะครับ อย่างเช่นเสียงพร้อมนอนอย่างนี้นะครับ เอาไว้แก้ปวดหัว เอาไว้แก้โรคเครียด เอาไว้แก้โรคนอนไม่หลับ ก็จะเป็นเสียงเฉยๆ ฟังแล้วก็ขอให้ดูลมหายใจไปด้วย ส่วนใหญ่ก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง ส่วนใหญ่จะไม่ดูนั่นแหละ แล้วก็จะฟังเสียงอย่างเดียว

ทีนี้ถ้าเป็นคลื่นปัญญา มันจะไม่จะไม่ใช่แค่เสียง มีเสียงด้วยแล้วก็เสียงพากย์เสียงประกอบด้วย เสียงบรรยายด้วยนะครับ ผมบรรยายเองนะครับ แล้วก็มีแอนนิเมชั่นที่จะเหนี่ยวนำ ให้คนดูเกิดความรู้สึกราวกับว่า มันสะท้อนเข้ามาในตัวเอง เดี๋ยวจะได้เห็นว่ามันเป็นยังไง

ทีนี้ไอเดียมาจากไหน แล้วทดลองไปแล้วยังไง ได้ผลยังไงบ้างนะครับ ก็ขอกล่าวถึงที่มาที่ไปว่า ตอนที่ผมเริ่มสนใจศึกษาพุทธศาสนาใหม่ๆ ได้ไปเห็นภาพนี้ (ขึ้นภาพโครงกระดูกในท่ายืน) แล้วก็โดยไม่มีใครแนะนำ ก็เกิดความรู้สึกราวกับว่า เห็นกระดูกตัวเองได้ เห็นโครงกระดูกตัวเองได้ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้ว่า เมื่อไหร่ที่มันจะปรากฏชัดขึ้นมาราวกับว่า ตัวที่กำลังนั่งอยู่ หรือกำลังเดิน หรือกำลังยืนอยู่เนี่ย เป็นโครงกระดูกโครงนี้

ต่อมาก็ได้เห็นว่า ในมหาสติปัฏฐานสูตรมีกล่าวถึงไว้จริงๆว่า การเห็นกายโดยความเป็นวิปัสสนา หรือเห็นตามจริงได้แก่ การเริ่มเห็นลมหายใจให้เป็นก่อน แล้วก็มารู้อิริยาบท อิริยาบทที่กำลังปรากฏอยู่ในปัจจุบันเนี่ย พอรู้ชัดแล้วก็เห็นโดยความเป็นธาตุสี่ เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม แล้วก็เห็นโดยความเป็นอสุภะ ไม่ใช่ของที่น่าเอา ไม่ใช่ของที่น่าพิศวาส รวมทั้งเห็นร่างกายโดยความเป็นองค์ประกอบที่มันจะต้องเน่าเปื่อยผุพังไปในที่สุด อันนี้ก็เหมือนกับได้การยืนยันที่ชัดเจนจากพระพุทธเจ้านะครับว่า การเห็นตัวเองเป็นโครงกระดูกเนี่ย ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งนะครับไม่ใช่ทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เราเห็นกายได้ตามจริง

คำว่า “เห็นกายตามจริง” คือ มันเป็นอยู่จริงๆ และที่เรากำลังเห็นอยู่เนี่ยก็ไม่ใช่ไม่จริงนะครับ เห็นหน้า เห็นตา เห็นเสียง เห็นการขยับเคลื่อนไหวอะไรต่างๆโดยความเป็นบุคคล แล้วก็เชื่อด้วยความยึดมั่นว่า เนี่ยเป็นตัวบุคคลแน่ๆ นี่ดังตฤณกำลังพูด หรือว่า เราเป็นผู้ฟังอยู่ในอิริยาบทไหนนะครับ ก็ปรากฏอยู่โดยความเป็นมนุษย์

ทีนี้ถ้าหากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเหนี่ยวนำให้เราเห็นตัวเองโดยความเป็นโครงกระดูกได้ มันก็จะมีโลกทัศน์หรือว่า มุมมองจากภายในแตกต่างไปนะครับ มันจะรู้สึกว่าแก่นของความเป็นร่างกาย จริงๆมันไม่ใช่เนื้อหนัง ตัวแก่นจริงๆเนี่ยมันคือ ตับ ไต ไส้ พุง แล้วก็โครงกระดูก ที่มาประชุมกันชั่วคราว แล้วในที่สุดจะต้องแตกกระจายหายไปจากการเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เราเห็นอยู่

ทีนี้ตอนที่ผมเห็นรูปนี้ (รูปโครงกระดูก) แล้วเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า เอ๊ะ!ตัวเราเหมือนโครงกระดูกโครงนี้เลย บางวันที่เห็นๆตอนที่เดินจงกรม หรือบางวันไม่ได้เดินจงกรม ไม่ได้นั่งสมาธิ แต่อยู่เฉยๆก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ตัวเองเนี่ยเป็นโครงกระดูก

ทีนี้ตอนนั้นเนี่ยจิตมันก็ยังฟุ้งซ่านอยู่ ยังมีความหวั่นไหวอยู่ แล้วก็ไม่ทราบจะทำยังไง ถึงจะล็อกให้การเห็นแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง ก็เหมือนกับมีความอยากรู้ว่า ทำยังไงถึงจะเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ได้เรื่อยๆนานๆ

ต่อมาพอมีความเข้าใจ มีประสบการณ์มากขึ้น ก็เกิดการเล็งเห็นว่า สมาธิจิตมีส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดภาพภายในที่ต่อเนื่องยาวนานหรือว่าที่สั้น ถ้ามีสมาธิมีจิตที่ตั้งมั่นมาก ก็จะเห็นภาพภายในปรากฏชัดนานตามอายุของจิต

แต่ถ้าหากว่ามีความฟุ้งซ่านปัดเป๋ ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอยากโน่นอยากนี่ แม้กระทั่งอยากจะเห็นตัวเองเป็นโครงกระดูกเนี่ย ก็จะไม่สามารถเห็นได้เกินวินาทีนึงหรืออึดใจนึง

จิตมีความตั้งอยู่ได้นานแค่ไหน ก็จะมีความสามารถเห็นภาพที่ปรากฏในห้วงมโนทวารนานเท่านั้น มีความสามารถหน่วงนึกได้นานแค่นั้น ทีนี้พอได้เข้าใจอะไรมากขึ้นอีก ก็ได้เห็นว่า ทำไมพระพุทธเจ้าท่านถึงสอนแบบเป็นขั้นเป็นตอน ให้รู้ลมหายใจให้เป็นก่อน พอรู้ลมหายใจเป็น อิริยาบทมันตามมาเอง แค่มีเข็มทิศมีทิศทางนิดเดียว รู้ลมหายใจชัดแล้ว เราจะรู้ว่า ลมหายใจนี้ เข้าออกอยู่ในอิริยาบทใด อิริยาบทนั้นมันก็จะปรากฏชัดขึ้นมาทันที นี่ตัวนี้นะครับมันก็จะสืบเนื่องกัน แล้วเดี๋ยวผมจะให้ทุกท่านได้ดูนะครับว่า มันสามารถที่จะเห็นตัวเองเป็นโครงกระดูกได้ภายในสี่นาทียังไง อันนี้ที่เล่าให้ฟังก็เพื่อจะบอกว่า นี่คือที่มาที่ไปของคลื่นปัญญา

ผมเห็นว่า จากประสบการณ์ตรงของตัวเองตั้งแต่สมัยเริ่มๆเลย ถ้ามีภาพ จะเป็นภาพนิ่งก็ตาม หรือภาพเคลื่อนไหวก็ตาม ยิ่งภาพเคลื่อนไหวเนี่ยมันยิ่งเหนี่ยวนำได้แรงขึ้นนะครับ

ขนาดภาพนิ่งๆ ยังเหนี่ยวนำให้ผมเอง สามารถเห็นตังเองเป็นโครงกระดูกได้ แล้วถ้าภาพเคลื่อนไหวล่ะ มันจะไม่ยิ่งทวีคูณขึ้นไปกว่านั้นหรือนะครับ เดี๋ยวเราก็มาลองกันดู

แล้วอยากให้ช่วยกันทำโพลล์(Poll)ด้วย ผมทำโพลล์ขึ้นมานะครับ เดี๋ยวช่วยลงคะแนนโหวตด้วย ผมจะมีคำถามท้ายคลิปนะครับ ที่จะให้ดูต่อไปนี้เนี่ยแค่คำถามเดียวง่ายๆสั้นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อที่จะปรับปรุงนะครับ

คลื่นปัญญาในเวอร์ชั่นปัจจุบัน จริงๆแล้วเอาแค่แก่นเฉยๆ ได้มาแค่แก่นยังไม่มีแปะหน้าแปะหลัง ต้นปลายอินโทล(Intro)ว่า เออทำไมเราถึงควรจะมาเห็นกายใจโดยความเป็นของอนัตตา แล้วก็สังสารวัฏหน้าตาเป็นยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามองออกมาจากมุมมองภายในแบบนี้

หรือกระทั่งปฏิจจสมุปบาท อันนี้เดี๋ยวจะทำทีหลัง แต่ตอนนี้เอาแก่นก่อน เอาแก่นให้ได้ ถ้าหากว่าได้ลองออนไลน์ให้ทุกท่านได้ดูในคืนนี้แล้ว แล้วได้ผลลัพธ์อย่างไรช่วยฟีดแบค(Feedback)กันมาได้เต็มที่เลยนะครับ

ทุกฟีดแบคผมจะอ่านหมด แล้วก็จะนำไปประมวลว่า ควรจะปรับปรุงพัฒนาเพื่อให้ตัวแก่นตรงนี้ที่มันเป็นคอร์(Core)จริงๆของคลื่นปัญญามันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร

ตอนนี้ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นทดลอง เป็นเวอร์ชั่นต้นแบบนะครับ หรือเป็นโปรโตไทป์(Prototype)ซึ่งยังมีข้อไม่สมบูรณ์แบบ จะเรียกว่าข้อบกพร่องก็ไม่ทราบจะเอาตรงไหนไปวัดว่าเป็นจุดเพอร์เฟค(Perfect)น่ะนะครับ คือทุกท่านนี่แหละ ที่จะช่วยบอกนะครับว่า สิ่งที่กำลังจะให้ชมกันต่อไปนี้ ได้ผลกับพวกท่านอย่างไร

เอาล่ะก็น่าจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วนะครับ ต้องใช้หูฟังนะครับ แอล(L)เข้าหูซ้าย อาร์(R)เข้าหูขวา แล้วจะมีคำบรรยายซึ่งผมใส่ไว้ในคลิปอยู่เรียบร้อยแล้ว มันจะใช้เวลาแค่ประมาณสี่นาทีเท่านั้น สี่นาทีเศษๆ สี่นาทีกับสิบสองวินาทีนะครับ

                           คุณดังตฤณนำชม ))คลื่นปัญญา((

----------------------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ               แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์            ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
หัวข้อ                เห็นตัวเองเป็นกระดูกใน ๔ นาที
ระยะเวลาคลิป    ๑๔.๓๒ นาที
รับชมทางยูทูป     https://www.youtube.com/watch?v=dC7qbSD1_Cg&list=PLmDLNhxScsWM2JH_ApsRMRZgq-5thN6D3&index=19&t=0s

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น