วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

ทำไมเราต้องเห็นความเป็นกายรูปต้องให้เกิดความน่ากลัวไม่น่าชอบ แต่ทำไมเราไม่มองความเป็นกายทิพย์เทวดานางฟ้าให้เกิดความว่างเปล่าไม่น่ายึดติดครับ?

ดังตฤณ  :   เทวดานางฟ้าเนี่ยเวลาเขาจะสิ้นชีวิต ถึงอายุขัยของเขาเนี่ยนะ เขาอวยพรกันว่า ไปเกิดเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนาเถอะ

อันนี้ก็หมายถึง แวดวงที่อยู่ในพุทธศาสนาด้วยกันมานะ เป็นสัมมาทิฏฐิกันมาเนี่ย พอคนทำบุญกับศาสนาพุทธนะครับ แล้วได้เห็นแล้วนะว่า รางวัลเป็นสวรรค์วิมานอะไรเนี่ย มันอยู่ได้นาน มันเลิศเลอโอฬารขนาดไหนเนี่ยนะ มันก็จะปักใจอยากมาทำบุญในพระพุทธศาสนากันอีก

บางเจ้าถึงขั้นที่ว่า เทียวไล้เทียวขื่อ คือลงมาเกิดเป็นมนุษย์ไม่ค่อยสนใจจะอยู่บนสวรรค์นาน เพราะว่าช่วงที่มีพุทธศาสนา เป็นช่วงเวลาที่คับแคบ แป๊บเดียวเดี๋ยวความสว่างบนโลกก็หายไป พุทธศาสนาก็สาบสูญไป เลยตรงรีบลงมาบ่อยๆ อะไรแบบนี้

เหตุผลเพราะอะไร เพราะว่า เกิดเป็นมนุษย์เนี่ย มันมีร่างที่พร้อมให้พิจารณาว่า มันไม่เที่ยง มันไม่น่าเอา มันไม่ใช่ตัวตนง่ายกว่าสภาพทิพย์ อันเป็นรูปของเทวดานะครับ

รูปของเทวดาเนี่ย มันไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่คิดนะ มันไม่ได้ลอยๆ คือเวลาที่อยู่ในร่างอันเป็นทิพย์เนี่ย สัมผัสมันแข็งแรงยิ่งกว่านี้อีกนะครับ

อย่างเนื้อหนังของมนุษย์เนี่ย เราจับต้องแล้วรู้สึกว่ามันเข้มแข็ง มันมีตัวตนมันคงรูปอยู่ จริงๆแล้วเอามีดมาเฉาะที่เดียวก็รู้เลยนะว่า มันแบะออกมา

แต่ร่างอันเป็นทิพย์ จะมีลักษณะอย่างหนึ่ง ที่สัมผัสแล้วรู้สึกว่าเป็นสุข เป็นสุขมาก(เน้น) คือยิ่งกว่าคุณสัมผัสแฟนที่เนื้อตัวนุ่มนิ่มแล้วก็น่าติดใจ เพราะความเป็นทิพย์มันจะมีสัมผัสอันเป็นทิพย์ ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกว่า ไม่อยากจากความเป็นอย่างนั้นไป ไม่อยากเสียความเป็นเช่นนั้นไปนะครับ

ถ้าเราได้รู้ความเป็นสภาพทิพย์ของเทวดาจริงๆ มันจะเห็นเลยว่า โอกาสที่จะรอดจากสังสารวัฏ มีอยู่แต่ในโลกมนุษย์นี่แหละ ที่มาอยู่ในร่างแบบหนึ่ง ที่มันพอเจริญสติ มีสมาธิรู้เข้าไปแล้วเห็นว่า มันเป็นของน่าเกลียดน่ากลัว

จริงๆไอ้ความน่าเกลียดน่ากลัวหรือว่า ลักษณะที่มันโสโครกน่ารังเกียจเนี่ย มันเหมือนกับเป็นความจริงสองด้านให้เรามองเห็นว่า เราจะเลือกติดอยู่ก็ได้ เราจะเลือกที่จะพ้นไปก็ไม่ยากนะครับ

แต่ถ้าเป็นบนโน้น บนสวรรค์เนี่ย มันจะมีแต่สภาพที่ความจริงด้านเดียว ความจริงที่ว่าทำบุญไปมากๆ แล้วเดี๋ยวก็ได้มาเสวยสุข ปกปิดความจริงอีกด้านนึงคือว่า ความสุขแบบนั้นจะอยู่นานแค่ไหน ในที่สุดมันก็จะหายไป มันก็ต้องเวียนว่ายกลับลงมาเสี่ยงผิด เสี่ยงถูก เสี่ยงบุญ เสี่ยงบาปกันอีก

แล้วเทวดาส่วนใหญ่เลย เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เอาเป็นว่าเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ พอลงมา กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก มักจะติดนิสัยขี้เกียจ และก็มันลืมน่ะ มันจำไม่ได้ว่าเคยทำดีอะไรมา ถึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีอัตภาพสบาย

ก็ความเหลิงตรงนั้น ก็มักจะทำให้ไม่ทำอะไรดีๆตามที่เคยทำไว้ก่อน บางคนเนี่ยคือเคยทำดีไว้ทั้งชาติแบบนึงนะ มันมีนิสัยติดตัวมา มันก็จะมีความรู้สึกอยากขวนขวายในทางนั้น แต่ถ้าในวัยเด็กขี้เกียจมากๆเนี่ยนะ ไอ้ความขี้เกียจนั้นมันจะลดดีกรีความมุ่งมั่น หรือว่า ระดับความสามารถที่จะทำดีแบบเดิมลงมโหฬารเลยนะ

คือตรงนี้ก็เป็นความไม่แน่นอนของสังสารวัฏ ถ้าสังสารวัฏเขาเปิดโอกาสให้เรามีแต่ดีกับดีขึ้นไปเรื่อยๆเนี่ยนะ มันไม่ใช่สังสารวัฏ มันไม่ใช่กงล้อ มันเป็นเส้นตรง ซึ่งถ้าแบบนั้นเนี่ยมันไม่สนุก

สังสารวัฏเขาไม่ชอบ เขาชอบให้แบบว่า ลอยขึ้นไปจนสุดแล้วก็ตกลงมา ตกแอ็กลงมากระแทกพื้นเจ็บๆ และเพื่อที่จะขวยขวายขึ้นไปใหม่เนี่ย มันเล่นกันโหดแบบนี้นะครับ พระพุทธเจ้าเลยตรัสว่า ออกไปเถอะอย่าอยู่เลยในสังสารวัฏนี้

-----------------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ               JoJo
วันที่ไลฟ์            ๑๑ มกราคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม              ทำไมเราต้องเห็นความเป็นกายรูปต้องให้เกิดความน่ากลัวไม่น่าชอบ แต่ทำไม
                        เราไม่มองความเป็นกายทิพย์เทวดานางฟ้าให้เกิดความว่างเปล่าไม่น่ายึด
                        ติดครับ?
ระยะเวลาคลิป    ๕.๓๐ นาที
รับชมทางยูทูป     https://www.youtube.com/watch?v=kxN2lH1z_Og&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น