วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2563

คนที่ครองเรือนสามารถพิจารณากายให้พ้นจากกามและอกุศลได้อย่างไรคะ?

ดังตฤณ : อันนี้มีคำถามมาอันไม่เกี่ยวกับการทำอานาปานสตินะครับ บอกว่าคนที่ครองเรือนสามารถพิจารณากายให้พ้นจากกามและอกุศลได้อย่างไร

เนี่ยเดี๋ยวผมจะทำออกมาด้วย ในคลื่นปัญญาเนี่ย พอเราหายใจเป็น พอเรามีสมาธิด้วยการทำอานาปานสติได้ตั้งมั่น แล้วเริ่มเห็นเป็นโครงกระดูดพะเยิบพะยาบๆ ตรงนั้นเนี่ยจิตจะเริ่มมีความสามารถในการเห็นคว้านเข้ามาข้างใน เห็นเป็น ตับ ไต ไส้ พุง ตอนแรกมันจะเห็นลางๆ แต่มันจะปรากฏชัดขึ้นๆ

จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งนะครับมันยิ่งกว่ากล้องเอ็กซเรย์อีก มันเห็นชัดเจนเลย แล้วก็มันจะมีความรู้ชัดแบบนึง ที่คุณรู้สึกว่าไอ้นี่ของจริง เพราะมันอิงอยู่กับอิริยาบทปัจจุบัน

และในอิริยาบทนี้มันเห็นเป็นชั้นๆ แยกลงไปเป็นเลเยอร์(Layer)เลยนะว่า นี่ชั้นเนื้อหนังผิวหนังปกคลุมอยู่ แล้วก็ชั้นที่มันลึกลงไป มันจะได้กลิ่นด้วยนะครับ มันจะได้อะไรที่เป็นคาวเลือด เป็นน้ำเหลือง น้ำหนอง อะไรต่างๆ

คือจิตเนี่ยโฟกัสอยู่กับอะไรได้ชัด มันก็จะได้ความจริงที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในส่วนนั้นออกมาครบเลยนะครับ จะเป็นกลิ่น จะเป็นสี บางคนเนี่ยแค่หายใจได้ดีในระดับต้นๆเนี่ย ก็ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นชัด บางคนเนี่ยบอกว่าได้ยินเสียงน้ำเลือดน้ำหนองมันมีอาการคล้ายๆกับลาวาที่มันปะทุอยู่ในภูเขาไฟปล่องภูเขาไฟ

อันนี้ก็สรุปง่ายๆว่า ถ้าหากคุณดูลมหายใจเป็นแล้วสามารถเห็นเข้าไปในกายได้ชัดเจนเนี่ยนะครับ มันมีความจริงที่รอให้รู้ แล้วก็เกิดความหดหู่ ไม่นึกอยากจะไปข้องเกี่ยว หรือว่าเอามันมาเสพให้มีความสนุกสนานอะไรแบบที่ชาวโลกเขาเป็นกัน

แต่จริงๆแล้วเนี่ย ถ้ายังครองเรือนอยู่ในแบบที่คู่ของเราเขาไม่เอาด้วยเนี่ยนะ บอกตรงๆนะคือ คุณยังอาจจะไม่ถึงจุดที่ควรจะไปเจริญอสุภกรรมฐานแบบเป็นล่ำเป็นสัน หรือว่าทำเป็นอาชีพน่ะนะครับ ควรทำแบบพาร์ทไทม์ไม่ควรทำแบบฟูลไทม์ เพราะมันจะเกิดปัญหาในครัวเรือนได้

แล้วก็จริงๆแล้วเนี่ยอันนี้พูดแบบรวบรัดเลยก็คือว่า ถ้าจะเอาความปลอดภัย ถ้าจะเอาให้ถึงโสดาปัตติผลเนี่ย จริงๆแล้วพิจารณากายใจโดยเห็นว่ามันไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวเดิมมันก็เพียงพอที่จะได้แล้วนะครับ

แต่ถ้าหลายๆคนเลยเนี่ย โดยเฉพาะผู้หญิงเนี่ยนะบอกว่า เบื่อมากเรื่องของกามคุณเรื่องอะไรต่างๆที่มันเกี่ยวกับทางเพศเนี่ย อึดอัดระอาแล้วก็มีความไม่ชอบใจ

อันนี้ก็คือเนื่องจากเห็นอะไรมาเยอะนะครับ บางทีคู่ของเราไม่มีความยินดีด้วยแล้วก็ ถ้ายังจะต้องอยู่แบบอย่างครองเรือนไปไหนยังไม่ได้ ยังติดลูกหรือยังอะไรก็ตามเนี่ย คุณควรจะบาลานซ์ด้วย คือการทำให้ถึงที่สุดความแหนงหน่ายทางกายใจเนี่ย เป็นเรื่องดี

แต่ถ้าหากว่า มันถึงขั้นที่จะมีปัญหากับคนอื่น แล้วคนอื่นมาปรามาส มาแสดงความไม่พอใจกับผู้ปฏิบัติธรรมเนี่ย เราก็เหมือนกับเอายาพิษไปโปรยให้เขาเหมือนกันนะครับ คือมันทำให้เขาเนี่ยได้เกิดอกุศลจิต เกิดบาปเกิดกรรม

คนปฏิบัติธรรมเนี่ยจริงๆแล้วก็ถือว่ามีความแรงในการขยายผลนะทั้งบุญทั้งบาปนะครับ เอาเป็นว่า อยากให้เป็นข้อคิดนิดนึงนะครับว่า อย่าถึงขนาดว่าเราปฏิเสธซะทีเดียว ถ้าเขายังติดอยู่นะครับ เพราะอย่าลืมว่า นอกจากเรื่องของการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ มันยังมีการปฏิบัติเพื่อที่จะครองเรือนอย่างสมควร อย่างถูกต้องด้วย

จริงๆพระพุทธเจ้าถึงได้ .. ในสมัยพุทธกาลเนี่ย ท่านจะแยกชัดเจนนะ “ดูกรภิกษุ” หรือว่า “ดูกรน้องหญิง” นะครับ เพื่อความชัดเจนว่า เนี่ยธรรมะที่ท่านจะให้เนี่ย เป็นธรรมะระดับไหน มีความหยาบ มีความประณีตแค่ไหน

ถ้าเอามาปนกันทั้งหมด เราปฏิบัติธรรมราวกับว่า เป็นพระเป็นภิกษุณี แล้วก็ไม่เอาเรื่องของการครองเรือนเลยเนี่ย เราก็อาจเป็นคนที่อยู่ผิดที่ผิดทาง แล้วก็เวลาที่คนเขามาว่าเรา หรือว่ามาแสดงความไม่พอใจ เกิดโทสะอะไรกับเรา เขาก็อาจจะกลายเป็นเหมือนกับรังเกียจ หรือว่าเห็นเส้นทางวิเวก เห็นเส้นทางการเจริญสติเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยโลก หรือว่าไม่น่าจะให้มีอยู่ อะไรทำนองนี้นะครับ มันก็กลายเป็นอย่างนั้นได้

-------------------------------------------------------------------------


ผู้ถอดคำ               ครอบครัวกิติวิริยกุล
วันที่ไลฟ์            ๔ มกราคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                  คนที่ครองเรือนสามารถพิจารณากายให้พ้นจากกามและอกุศลได้อย่างไรคะ?
ระยะเวลาคลิป    ๖.๒๔ นาที
รับชมทางยูทูป      https://www.youtube.com/watch?v=_y4mxKPYVCA&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น