วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2563

อยากเป็นนักเขียนนิยายที่ไม่ใช่แนวธรรมะ แต่ก็อยากปฏิธรรมให้ถึงมรรคผล พอจะทำให่สองสิ่งไปด้วยกันได้ไหม รู้มาว่าเขียนนิยายเป็นการพูดเพ้อเจ้อเป็นอกุศลกรรม

ดังตฤณ     :  การเขียนนิยายไม่ใช่การพูดเพ้อเจ้อนะครับ ไม่ใช่นะครับแล้วก็ไม่ใช่มุสาวาทด้วย เคยมีครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้ปริยัติดี ท่านเคยตีความเอาไว้นะครับ

อย่างเช่น นิยายไม่ใช่การโกหกยังไง เพราะว่าตกลงกันแล้ว รู้ตั้งแต่ต้นเลย คนอ่านเนี่ยรู้ว่า นี่คือนิยายไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเรื่องแต่งเพื่อเอาสนุก หรือว่าเอาจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่เป็นสารคดี ไม่ใช่ไปเอาข่าวบ้านเมืองมานะครับ

ไม่ใช่การเพ้อเจ้อยังไง การเพ้อเจ้อหมายถึง การที่ทำให้จิตเตลิดไปด้วยคำพูดที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแก่นสารสาระ อย่างใครเขาพูดกันเรื่องที่มันเป็นเรื่องเป็นประโยขน์ เราก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมา ก็ชวนเขาออกอ่าวชักใบให้เรือเสีย หรือว่าชวนเพื่อนคุยกันเรื่องที่ไม่มีแก่นสารอะไรเลย หัวเราะเหมือนคนเมายา แล้วก็ไหลไปเรื่อย

สังเกตที่จิตง่ายๆนะครับ คนพูดเพ้อเจ้อเนี่ย จิตมันจะเตลิดแล้วก็คุมไม่อยู่ ไม่สามารถกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือสิ่งที่เป็นแก่นสารได้ อันนี้คือพ้อยท์(Point)ของการเพ้อเจ้อ

ทีนี้นิยายเนี่ยมันมีทุกแบบนะครับ เขียนไปเพ้อๆโดยไม่มีพล็อตก็ได้ เขียนไปแบบไม่มีเป้าหมายอะไร จะขายเรื่องเซ็กส์อย่างเดียวก็ได้ หรือเขียนเพื่อที่จะบรรยายความรู้สึกของตัวเอง ตัวเองเก็บกดมาก ก็เอาคนอ่านมาเป็นเครื่องระบายให้เขามารับรู้

มีนะครับนักเขียนประเภทที่อยากให้คนอื่นได้เกิดความรู้สึกว่าโลกนี้มันห่วย โลกนี้มันแย่ โลกนี้มันมีแต่เรื่องเลวร้าย ตามที่ตัวเองคิด อันนี้ก็ถือว่าเพ้อเจ้อนะครับ เพราะว่ามันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไร มันไม่ได้ให้แก่นสารอะไร

แต่นิยายหลายๆเรื่อง ก็เปลี่ยนชีวิตคน สามารถทำให้คนเนี่ยมองเห็นอย่างเช่น ที่เมืองนอกก็จะรณรงค์กันเรื่องผิวสีอย่างนี้ แต่งนิยายเกี่ยวกับทาส ทำให้คนเห็นความโหดร้ายของพวกที่ไปเอาคนผิวดำมาเป็นทาสอะไรแบบนี้ แล้วก็ปลุกจิตสำนึกของคนอ่านได้มากมายทั่วโลกให้มองเห็นเรื่องความเหลื่อมล้ำต่ำสูงของวรรณะชนชั้นอะไรต่างๆที่มาจากความเหลวไหลของจิตใจมนุษย์

จนกระทั่งทำให้ผู้คนมากมาย เกิดความเหมือนกับตาสว่างตาตื่น แล้วก็เลิกที่จะไปกดขี่ หรือว่าพยายามจะไปสร้างชนชั้นวรรณะอะไรขึ้นมา อันนี้ก็เป็นประโยชน์ของนิยาย หรือว่าหนังฮอลลีวูดที่สร้างขึ้นมา โดยมีความตั้งใจจะเอาแก่นสารตรงนี้อยากเปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจของคน

ทีนี้อย่างที่คุณบอกว่า อยากเขียนนิยายด้วย แล้วก็อยากบรรลุมรรคผลด้วยเนี่ยนะครับ แล้วไม่ใช่แนวธรรมะด้วย ก็ต้องถามตัวเองนะว่า เรามีความสามารถที่จะหยิบยื่นประเด็นอันเป็นแก่นสาร อันเป็นประโยชน์ให้กับคนอ่านได้ในแง่ไหนบ้างในแต่ละเรื่องนะครับ จับจุดให้ถูกคือ เอาเป็นความสำคัญอันดับแรกเลยนะครับว่า เราจะให้อะไรกับคนอ่าน แล้วก็พยายามเขียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิเลสอะไรก็แล้วแต่ ขอให้มันตะล่อมเข้าสู่เป้าหมายนั้น ขอให้พล็อตเนี่ย มันดิ่งเข้าไปหาเป้าหมายไปชนเป้าหมาย เพื่อให้คนอ่านรู้สึกว่าถูกฉุดให้เข้าไปชนเป้าหมายตามเรานะครับ เอาตรงนี้เนี่ยมันก็จะทำให้นิยายของเรามีความเป็นกุศลได้ คือตั้งต้นจากกุศลแล้วเสร็จแล้วมันก็จะมีอะไรที่มันแวดล้อมอยู่ด้วยอกุศลก็ตามเนี่ยนะครับ อกุศลเหล่านั้นก็จะถูกผูกไว้ เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกันนะครับ คือคลี่คลายกลายเป็นกุศลในที่สุดนะครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ               แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์            ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม              อยากเป็นนักเขียนนิยายที่ไม่ใช่แนวธรรมะ แต่ก็อยากปฏิบัติธรรมให้ถึง
                        มรรคผลด้วย พอจะมีวิธีการที่ทำให้สองสิ่งนี้ไปด้วยกันได้ไหมครับ 
                        เพราะรู้มาว่าการเขียนนิยายเป็นการพูดเพ้อเจ้อเป็นอกุศลกรรม
ระยะเวลาคลิป    ๕.๐๘ นาที
รับชมทางยูทูป      https://www.youtube.com/watch?v=P_9lFfAchWo&list=PLmDLNhxScsWM2JH_ApsRMRZgq-5thN6D3&index=5

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น