ดังตฤณ : สวัสดีครับทุกท่าน
พบกับรายการปฏิบัติธรรมที่บ้านนะครับ คืนวันเสาร์ตามปกติ
เมื่อคืนวันที่
๒๑ ธันวาคม ได้ประโยชน์มากนะครับ
คือฝั่งของผมนะครับจะเข้าใจเรื่องของการใช้คลื่นปัญญา
ซึ่งมาออนไลน์เป็นครั้งแรกในคืนวันที่ ๒๑ ธันวาคม ที่ผ่านมา
แล้วผลก็ทำให้เกิดความมั่นใจ แล้วก็เกิดความเข้าใจ แล้วก็จะเป็นต้วกำหนดทิศทางที่จะพัฒนาคลื่นปัญญาต่อไป
พูดซ้ำอีกครั้งนึงเพราะว่า
หลายท่านคงอาจจะยังไม่ได้รู้นะครับ ไม่ได้ทราบว่าคลื่นปัญญาคืออะไร
คลื่นปัญญาคือ
การเอาเสียงสติมารวมกับแอนนิเมชั่น
เพื่อให้เกิดการเหนี่ยวนำให้เห็นกายใจออกมาจากมุมมองของคนที่ได้สมาธินะครับ
คือถ้ามีเสียงสติช่วยให้คลื่นสมองช้าลงด้วย มีความพร้อมจะสงบแบบพร้อมรู้
แล้วก็ได้ตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดความรับรู้เข้ามาที่กายใจด้วยเนี่ย
มันก็จะเป็นจุดตั้งต้น ที่รวดเร็วสำหรับมือใหม่
หรือแม้แต่คนที่ทำมานานแล้ว
แต่ว่ายังคลำทิศคลำทางไม่ถูกว่า จะดูกายใจให้เห็นอะไรกันแน่ มันก็จะมีไกด์ไลน์ที่ชัดเจน
แล้วก็มีตัวที่เป็นเหมือนกับเครื่องสะท้อน เครื่องสะท้อนของจริงว่า
มันจะเห็นประมาณไหน อาจจะไม่ใช่เป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนอย่างในแอนนิเมชั่น
แต่ว่าแอนนิเมชั่นถูกออกแบบมาให้เกิดความรู้สึกว่า ข้างในเนี่ยเขาเห็นกันอย่างนี้
จริงๆแล้วอธิบายอย่างนี้นะครับ
(ขึ้นภาพโครงกระดูกมนุษย์) คือที่มาที่ไปของคลื่นปัญญาจริงๆเลย
อันนี้พูดซ้ำกับคืนวันที่ ๒๑ ธันวาคม เพื่อให้เข้าใจจริงๆนะครับ
ตอนผมเริ่มสนใจพุทธศาสนาใหม่ๆ
เริ่มมาเจริญสติแรกๆเนี่ยนะครับ บังเอิญไปเห็นรูปนี้ รูปนี้เลยนะครับ
(รูปโครงกระดูกมนุษย์) แล้วเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า นี่ตัวเรา
มันเข้ามาเองที่อิริยาบทอันเป็นปัจจุบัน แล้วพอยืนหรือว่าเดิน มันยิ่งชัดเลย
คือมันไม่ได้เห็นเป็นภาพนี้นะ
แต่เห็นเป็นตัวจริงๆที่กำลังอยู่ในอิริยาบทปัจจุบันนี้แหละทั้งนั่ง ทั้งยืน
ผมก็เลยได้ไอเดียว่า
ถ้าเราเอาภาพการหายใจ หรือว่าตับ ไต ไส้ พุง
หรือโครงกระดูกมาแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหวในแบบที่เราจะรู้ตามกัน นับเริ่มตั้งแต่ลมหายใจแบบง่ายๆ
เข้าออกง่ายๆ มันก็น่าจะเหนี่ยวนำให้เกิดประสบการณ์แบบเดียวกันคือ
ทุกคนเนี่ยไม่ใช่ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเห็นกาย ใจ โดยความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แต่มันติดอยู่ตรงที่ว่า
ไม่รู้จะดูยังไง ที่นี้พอคืนวันที่ ๒๑ ธันวาคม
ที่ผ่านมาที่ผมบอกว่าผมได้เข้าใจอะไรยังไง เดี๋ยวจะเอามาให้ดู
คือจะมีบางคนนะครับ
มีบางคนที่ทำได้เข้าเป้าแล้วก็เกินกว่าที่ผมคาดคิดด้วย เช่น คุณเอจ คีตา นะบอกว่า “เห็น รู้สึก
อย่างชันเจนถึงกราม ขากรรไกรที่เป็นกระดูกชัดมาก
แล้วก็พอไปทำอีกวันที่สองก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ไม่ใช่อุปาทานที่ผ่านมาแล้วผ่านไป
แล้วก็แถมรู้สึกด้วยว่า กระดูกเป็นสีขาว
อันนี้คือ
ก็หวังว่าจะมีใครซักคนนึง แล้วก็มีจริงๆนะครับ ที่พอทำตามแล้วเนี่ยได้เห็นอย่างที่ผมอยากให้เห็นนะครับ
การเห็นตัวเองเป็นกระดูกเนี่ย
จริงๆแล้วมันตรงยิ่งกว่าการเห็นด้วยมโนภาพว่าตัวเองหน้าตาเป็นยังไงนะครับ
เราไปจำภาพตัวเองในกระจกมากระจกเงา แล้วก็นึกว่าหน้าตาอย่างงั้นอย่างนี้
ทั้งๆที่จริงๆแล้วถ้าหากว่า จิตมันมีความว่างเปล่าอยู่ มีสติอยู่
รู้อิริยาบทปัจจุบันอยู่เนี่ย มันจะตั้งต้นเห็นออกมาจากความเป็นโครงกระดูก
คือไม่ใช่ว่าเริ่มต้นขึ้นมาจิต คิดๆนึกๆแบบนี้จะเห็นเป็นกระดูกสีขาวได้
แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดถ้าหากรู้สึกถึงอาการยกตั้งด้วยกระดูกสันหลังที่ฉาบทาด้วยเลือดเนื้อแบบที่พระพุทธเจ้าตรัสนะครับ
อันนี้มันตรงจริงมากกว่า
แล้วถ้าสมาธิถึงขั้นที่มีความตั้งมั่น
แล้วสว่างโพลงขึ้นมานะครับ มันเห็นเป็นกระดูกแบบเครื่องเอ็กซเรย์จริงๆเลยจิตมันมีความรู้แบบนั้นนะ
แต่อย่างไรก็ตามนะครับ
ส่วนใหญ่จะให้ฟีดแบคมาอย่างนี้นะครับ อันนี้ผมเอามารวมเพราะว่า คุณมานะชัยเล่าครบเลยนะครับครบกับที่ฟีดแบคมาเป็นส่วนใหญ่นะครับ
คือบางคนก็จะบอกว่ารู้สึกถึงลมหายใจได้ชัด แต่หลายคนก็จะบอกว่า
ยังสับสนกับจังหวะสั้นยาว เพราะมันไม่พอดีกันกับที่ผมทำเป็นแอนนิเมชั่นไว้นะครับ
ทีนี้คุณมานะชัยก็บอกมาด้วยว่า
มันเกิดประสบการณ์นะครับ อย่างตอนที่หายใจตามแอนนิเมชั่นอยู่ แล้วมีคำชี้นำว่า
มันไม่ใช่ลมหายใจชุดเดิม
ไม่เคยมีลมหายใจไหนในชีวิตเราตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งบัดนี้ที่เป็นลมหายใจชุดเดิมเลย
แต่เรามีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังหายใจอยู่เหมือนเดิมอย่างสืบเนื่อง
ถ้าเราดูคนอื่นหายใจนะครับ จะเห็นเลยว่าลมหายใจมันมาจากข้างนอกชัดๆ
เข้าไปแป๊บนึงแล้วก็ออกมาชัดๆ ไม่มีตัวผู้หายใจนะครับ
แต่เป็นตัวเราเองหายใจเนี่ย
รู้สึกขึ้นมาว่านี่เป็นเรา เราเป็นเจ้าของลมหายใจ เรากำลังหายใจ
แล้วที่ปีติขึ้นมาก็เพราะใจมันถอนจากความยึดมั่นถือมั่นว่า
ลมหายใจเป็นตัวเป็นตนเป็นของเรานะครับ
ปกติเนี่ยมันจะมีก้อนตัวก้อนตนก้อนอัตตาที่บดบังทัศนวิสัยหรือว่าความจริงเกี่ยวกับร่างกายแล้วก็จิตใจนี้อยู่ตลอดเวลา
มันจะมีก้อนอัตตาตัวนี้
ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังหายใจ เราเป็นผู้หายใจเนี่ยมันอยู่อย่างนี้ซ้ำๆๆ
พอมาวันนึงเกิดความเห็นลมหายใจชัดเจนแล้วก็
มีการชี้นำแบบที่พระพุทธเจ้าท่านชี้นำนะครับว่า ลมหายใจนี้ไม่เที่ยง
ลมหายใจนี้ไม่ใช่ตัวเดิม มันทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
แล้วก็ในที่สุดแล้วได้ข้อสรุปว่า มันไม่มีตัวใครในลมหายใจ
แล้วก็ลมหายใจไม่ได้มีเราอยู่ในนั้น
อันนี้เขาเรียกว่าเป็นโสมนัสทางธรรมนะครับ
ปีติทางธรรมที่เกิดจากการที่จิตถอนออกมาจากความยึดมั่นถือมั่นนะครับ
ที่นี้วันนี้ผมจะ
.. ผมเข้าใจแล้วว่า คุณมีปัญหากับแอนนิเมชั่นกันยังไง
เพราะฉนั้นวันนี้เลยทำแอนนิเมชั่นใหม่นะครับ หวังว่าจะเข้าใจกันมากขึ้น
แล้ววันนี้จะทำโพลล์นะครับ เพื่อที่จะดูนะครับว่าผลมันเป็นยังไง แล้วถ้าผลเป็นไปตามที่คาด
ผมจะทำคลิปคลื่นปัญญาคลิปแรกออกมานะครับ แล้วก็เดี๋ยวจะมีต่อมาเรื่อยๆ
คือจะมีเยอะเลยเป็นร้อยเป็นพันเลยนะคลิปคลื่นปัญญาเนี่ยนะครับ
ก่อนอื่นขั้นรายการนิดนึงคือ
ประกาศแจ้งอีกครั้งนึงสำหรับหลายๆท่านที่อาจจะยังไม่ทราบนะครับ คือเสียงสตินะ
ตอนนี้เป็น www.เสียงสติ.com แล้วนะครับ
เข้าไปที่เสียงสติดอทคอมได้เลย ก็เข้าไปที่หน้าเดิมนั่นแหละ
แต่ว่าจดชื่อโดเมนเป็นชื่อ เสียงสติ.com (www.เสียงสติ.com) ไว้นะครับ
แล้วพอเห็นเครื่องหมายเพลย์เนี่ย (Play)ก็กดเล่นได้เลยนะครับ
มันจะเข้าไปที่หน้าให้เลือกว่า อยากจะฟังเสียงสติเวอร์ชั่นไหน ตอนนี้ยังเป็นเวบแอพอยู่แล้วก็ดาวโหลดลงเครื่องยังไม่ได้
แต่อีกไม่นานนะครับ เดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบนะครับเมื่อเสียงสตินะครับที่เป็นแอพใน iOS
แล้วก็ android เสร็จเรียบร้อยนะครับก็จะมาประกาศแจ้งกันอีกทีนึง
คราวนี้ก็จะมีเสียงอยู่ในเครื่องของคุณแบบง่ายๆเลย แล้วก็อัพเดทอัตโนมัติด้วย
อันนี้ก็ต้องขอบคุณทีมโปรแกรมเมอร์นะครับ ที่คุณสมเจตน์ไปหามา
น่าดีใจเพราะผมก็รู้สึกดีใจนะที่ได้เสร็จทันปีใหม่นะครับ เหมือนกับเป็นของขวัญปีใหม่ให้พวกเรานะครับ
ต่อไปเนี่ยนะครับช่วงต้นรายการเนี่ยมาดูกันว่า
จะมีคลื่นปัญญาคลิปใหม่ๆออกมาอย่างไรนะครับ
สำหรับคืนนี้ฝึกหายใจสั้นยาวให้รู้ได้ชัด
การรู้ว่าลมหายใจในขณะนี้มันสั้นหรือว่ายาว
เป็นฐานสำคัญที่สุดของอานาปานสติหรือว่าการเจริญสติโดยอาศัยลมหายใจเป็นหลักตั้งนะครับ
เพราะว่าการรู้ลมหายใจสั้นยาวเนี่ย
มันจะช่วยให้เกิดสติรู้จากลมหายใจในแบบที่แสดงความไม่เที่ยงไม่ใช่ต้วเดิม
ไม่เคยดำรงอยู่เป็นสมบัติของใคร ก็พูดง่ายๆว่าเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ง่าย ถ้าหากหายใจเป็นทั้งสั้นและยาว
แต่ที่นี้ปัญหาคือการสังเกตเอาเองว่า
คุณกำลังหายใจสั้นหรือหายใจยาวอยู่เนี่ย มันไม่เป็นที่ชัดเจนสำหรับคนทั่วไป
เพราะมันจะเกิดความสับสน คือคนเนี่ยฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา ต่อให้ไปอยู่ป่า ต่อให้บวชพระเป็นปีๆแล้วก็เหมือนกัน
เจอสภาพที่เหมือนหลับตาปุ๊บหลงป่าปั๊บนะครับ หลงเข้าป่าปั๊บ พอเกิดความสับสนแล้วก็สงสัยว่า
ยังไงถึงเรียกว่ายาว ยังไงถึงเรียกว่าสั้นเนี่ย
จะให้เทียบกับลมหายใจก่อนแล้วค่อยตัดสินว่ายาวว่าสั้นไม๊
อันเนี้ยมันเลยเป็นเหตุให้ยากนะครับ
ทีนี้ถ้าเราจะมาฝึกกันเนี่ยนะครับ
เอาเบสิคกันจริงๆ คืนนี้เนี่ยเดี๋ยวผมบอกไว้คร่าวๆก่อน ผมจะให้ดูคลิปทั้งหมดสองรอบ
รอบแรกเนี่ยฝึกไปแบบตามมีตามเกิดนะ
จะได้ผลหรือไม่ได้ผลยังไงช่างมันเราไม่สนใจนะครับ
เป็นเหมือนกับไกด์ไลน์ให้มองเห็นภาพรวมทั้งหมดก่อนว่า
เราจะฝึกหายใจสั้นหายใจยาวกันอย่างไรนะครับ
เสร็จแล้วรอบสองเนี่ย
ถึงค่อยว่ากันแบบเปรียบเทียบนะว่า เทียบกับรอบแรกแล้วเนี่ย พอเข้าใจแล้ว
พอเห็นภาพรวมทั้งหมดแล้วๆได้ลองทำจริงแล้วเนี่ย พอมาปฏิบัติอีกทีนึงเนี่ย
เกิดความรู้สึกว่ามันสบายหายเครียด แล้วก็ไม่อึดอัดไม๊ ถ้าคุณหายใจสั้นยาวได้แบบไม่อึดอัดนะ
บอกได้เลยนะครับว่า อานาปานสติเนี่ยอยู่แค่เอื้อมเลยนะครับ
ตอนเราฝึกหายใจสั้นยาว
ยังไม่ถือเป็นอานาปานสตินะครับ เพราะเราจงใจ เนี่ยเดี๋ยวจะมีให้หายใจสั้นห้าครั้ง
หายใจยาวห้าครั้งนะครับ แล้วก็จะมีแบบหายใจแบบเต็มอิ่มอีกนะครับ แยกเป็นสามชุดนะครับ
แยกเป็นสามเซต ซึ่งแต่ละเซตเนี่ยจะมีห้าครั้ง พอเกิดความคุ้นเคย
พอเกิดความรับรู้มีประสบการณ์ตรงว่า หายใจสั้นเป็นยังไง หายใจยาวเป็นยังไง
แล้วมาทำเองในภายหลังเนี่ยอาศัยเสียงสติช่วยหรือว่าจะทำเองแบบด้วยตัวเปล่าๆก็ตามเนี่ย
คุณจะเกิดความจำได้ว่า ภาวะทางกายอย่างไรที่เรียกว่าหายใจสั้น
ภาวะทางกายอย่างไรที่เรียกว่าหายใจยาว
แล้วตอนที่ทำเองเนี่ย
มันจะตรงตามจริง ตรงตามธรรมชาติของกาย ณ ขณะนั้น ซึ่งจะทำให้คุณหายใจได้อย่างสบาย
ทั้งสั้นและยาวกับทั้งเกิดสติว่า ลมหายใจแต่ละลมหายใจเนี่ยที่สั้นบ้างยาวบ้างเนี่ย
มันไม่ใช่ตัวเดิม มันไม่เที่ยงเอาซะเลย ตรงนี้แหละที่มันจะทำอานาปานสติเป็นกันจริงๆ
แล้วก็เดี๋ยวก็จะมีขยับขึ้นไปนะครับ
ดูว่าแต่ละลมหายใจ มันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ มันอึดอัดหรือว่ามันสบาย
ต่อให้หายใจเป็นแล้วมันก็มีเป็นครั้งคราวที่จะเกิดความรู้สึกอึดอัดมา
แล้วก็ตลอดจนความคิดฟุ้งซ่าน ซึ่งมันโผล่มาเข้มข้นบ้าง เบาบางบ้าง
คุณสังเกตเป็นเนี่ยนะครับในแต่ละลมหายใจเนี่ย เท่ากับคุณเข้ามาเห็น
ความเป็นกายใจนี้โดยความเป็นรูปนาม ไม่ใช่ความเป็นบุคคลอีกต่อไป
อันนี้แหละที่เป็นอานาปานสติซึ่งพระพุทธเจ้าท่านสอนจริงๆนะครับ
ส่วนใหญ่พอพูดถึงอานาปานสติ
คนจะเจาะจงแค่ว่า เออไปเพ่งดูลมหายใจมันเข้า มันออก โดยเฉพาะยุคเราบอก
ไม่ตรงกับจริตดูแล้วไม่เห็นจะเกิดอะไรขึ้น ดูไม่รู้จะเข้ามามองกายใจ
โดยความเป็นอนัตตาได้อย่างไรนะครับ ปฏิบัติอยู่ยี่สิบสามสิบปีก็อยู่ติดอยู่แค่นั้น
หรือบางคนถึงแม้ว่าได้สมาธิก็เป็นสมาธิในแบบที่นิ่งค้างอยู่เฉยๆ
เอามาใช้ประโยชน์เอาทำให้เกิดวิปัสสนาไม่ได้ ทีนี้ถ้าเรามีความเข้าใจเริ่มตั้งแต่เบสิคเลยนะ
อย่าเห็นเป็นของตื้น อย่าเห็นเป็นของง่ายนะครับ ถ้าคุณสามารถที่จะหายใจสั้น
หายใจยาวได้อย่างรู้ชัด สิ่งที่มันจะเป็นบันไดขั้นต่อไปก็คือ คุณจะสามารถแยกออกว่า
แต่ละลมหายใจ ลมหายใจแต่ละชุดเนี่ย มันไม่เหมือนเดิมยังไง มันไม่เที่ยงยังไง
แล้วถ้าหากว่าคุณมองลมหายใจโดยความเป็นของไม่เที่ยงได้ ส่วนอื่นๆที่เหลือ จะเป็นอิริยาบทก็ตาม
จะเป็นตับ ไต ไส้ พุงข้างในก็ตาม จะเป็นความรู้สึกเป็นสุขเป็นทุกข์
หรือว่าจิตที่สงบฟุ้งซ่าน หรือว่า ขันธ์๕
ที่กำลังแสดงอยู่ว่าโดนกระทบอะไรแล้วเกิดความจำได้หมายรู้ เกิดสังโยชน์
เกิดความยึดมั่นถือมั่นในแบบต่างๆเนี่ย มันสามารถเห็นได้หมดว่า เหล่านั้นก็ไม่ต่างกับลมหายใจที่กำลังแสดงความไม่เที่ยงอยู่นะครับ
ผู้ถอดคำ แพร์รีส
แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๔ มกราคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
หัวข้อ ฝึกหายใจสั้นยาวให้รู้ได้ชัด
ระยะเวลาคลิป ๑๗.๑๔ นาที
รับชมทางยูทูป https://www.youtube.com/watch?v=5tyw42admpU&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=29&t=0s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น