วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

(ฟีดแบค) ยังไม่เห็นโครงกระดูกค่ะ

ดังตฤณ  :   คือยังไม่ต้องไปเห็นนะครับ ยังไม่ต้องไปเร่งให้เห็น เพราะตอนนี้เป็นแค่ช่วงเริ่มต้น ผมพยายามที่จะให้มีสัญญาณนำร่องทิศทาง ทำไมต้องเน้นเรื่องกระดูก พระพุทธเจ้าท่านก็เน้นไว้เหมือนกัน

อย่างสติปัฏฐานสี่ ถ้าเอาตามกายคตาสติ พอพ้นจากความเป็น ถ้าใครมาตามลำดับของสติปัฏฐานนะครับ มีกายคตาสติเป็นตัวตั้ง จะเห็นเลยว่า พอรู้ลมหายใจ มันก็จะรู้อิริยาบถด้วย เมื่อรู้อิริยาบถชัดเจน มันก็จะเห็นโครงการดูก มีซี่โครง มีกระโหลก มีแขนขาเป็นระโยงระยางอย่างชัดเจนว่า เนี่ยเป็นแกน เป็นตัวตั้ง

พระพุทธเจ้าท่านตรัสอยู่บ่อยๆคือ ท่านใช้อุบายทางคำพูด เหนี่ยวนำให้เกิดการเห็นอย่างเช่น ที่ท่านตรัสว่า ร่างนี้ยกตั้งขึ้นด้วยกระดูกสันหลัง ฉาบทาด้วยเลือดเนื้อ และข้างในนี้ก็เต็มไปด้วยกิเลส

คือถ้าเราได้ศึกษาแบบที่พระพุทธเจ้าท่านสอนจริงๆ ก็จะเห็นนะครับ ท่านพยายามไกด์มากเลยว่า แก่นของร่างกายเนี่ย มันต้องเห็นออกมาจากข้างใน ไม่ใช่มองมาจากกระจกเงาข้างนอก

ถ้ามองจากกระจกเงาข้างนอกเนี่ย เสร็จเลยนะครับ คือมันก็จะมีมโนภาพ มันก็จะมีตัวหลอกให้นึกว่า เรามีหน้าตาอะไรแบบนึง

แต่ที่แท้ถ้าหากว่า เราสามารถเห็นออกมาจากศูนย์กลางการรับรู้ข้างในคือจิตได้เนี่ย จิตที่ประกอบด้วยสติและปัญญา มีสัมมาทิฏฐิได้เนี่ย มันจะเริ่มเห็นออกมาจากแกนกลางของกาย อันเป็นที่ตั้งของจิต แล้วก็จะค่อยๆมองเห็นไปในทิศทางที่จะล้วงเข้าไปคว้าน เข้าไปในตับ ไต ไส้ พุงนี่แหละ ออกมาจากข้างในนี่แหละจนกระทั่งมันเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า เป็นร่างๆนึงที่จิตมาอาศัย

แล้วก็ร่างนี้ วันนึงต้องแตกสลายเป็นผุยผง อย่างในนวสีวถิกาบรรพ ในกายคตาสติพระพุทธเจ้าก็ตรัสถึงการที่เราจะได้เห็นร่างกายเนี่ย เหลือแต่โครงกระดูกแล้วก็จะต้องย่อยเป็นผุยผงไปในที่สุด

เพราะฉะนั้นถ้าใครจะมาบอกว่า ถนัดดูกายหรือดูจิตก็แล้วแต่ ถ้าหากว่าฝึกตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน จะได้เห็นความจริงแบบนี้เหมือนกันหมดว่า ในกายในใจนี้ขอบเขตนี้ ไม่เห็นร่างกายก็เห็นจิต ไม่เห็นจิตก็เห็นร่างกายอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็มันจะลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆนะครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่มาตามแนวแบบเอาอานาปนสติมารู้ มาดูกายจริงๆเนี่ย มันจะค่อยๆเห็นไป ไม่ใช่เห็นแบบทำครั้งสองครั้งได้ กำลังจิตมันต้องสั่งสมไปถึงจุดนึงด้วย แล้วก็บางคนเนี่ยใช้เวลาไม่เท่ากันนะครับ

ถ้าหากว่า มีเครื่องขวางอยู่เยอะ บางทีก็อาจจะต้องใช้เวลานิดนึง ถ้าหากว่ามีเครื่องขวางน้อย มันก็อาจจะเร็วหน่อย ซึ่งจะเร็วจะช้าภายในชั่วชีวิตนึงของมนุษย์เนี่ย ถือว่าเร็วหมด

เพราะว่า ชีวิตมนุษย์ท่านเปรียบไว้ ร้อยปีเหมือนฟ้าแลบในสังสารวัฏนะครับ แวบเดียวคุณจะสำเร็จภายในสิบปี หรือว่าเจ็ดสิบปีมันมีค่าเท่ากันคือ ก่อนตายเนี่ยได้สบายเหมือนกันหมดนะ มันไปที่เดียวกัน แล้วก็ไม่ได้มีความมียศ มีศักดิ์ มีรางวัลอะไร ที่เหนือกว่ากันรออยู่ ทุกคนได้รางวัลเท่าเทียมกันคือ สิ้นทุกข์

--------------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ               JoJo
วันที่ไลฟ์             ๑๑ มกราคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
ฟีดแบค              ยังไม่เห็นโครงกระดูกค่ะ
ระยะเวลาคลิป     ๔.๑๘ นาที
รับชมทางยูทูป      https://www.youtube.com/watch?v=NLTbjFsPuaM&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=16

** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น