วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

(ฟีดแบค)เคยนั่งสมาธิจนรู้สึกว่าตัวตนเราไม่มี จริงๆเป็นเพียงโครงกระดูก ตอนนั้นกลัว มากเพราะไม่เคยรับรู้อะไรแบบนี้มาก่อน

ดังตฤณ  :   ถ้าไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน มันก็จะตกใจเป็นธรรมดานะครับ แต่ถ้าหากว่า เนี่ยอย่างที่ผมพยายามทำเนี่ยนะครับ พยายามแสดงให้เห็น และเวลาที่คุณเห็นของจริง คุณจะรู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อนแล้ว เหมือนกับตอนที่เราดูหนังตัวอย่างหรือว่าตอนที่เราเคยได้ยินคนอื่นเขาพูดกันมาว่า หนังเรื่องนี้เรื่องนั้นพระเอกนางเอกหน้าตาเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้น มีพล๊อตยังไง จบยังไง อะไรต่างๆ

ถ้าหากว่า เรารู้ไว้อยู่ก่อนแล้ว และไปดูเนี่ยมันจะคลับคล้ายคลับคลาขึ้นมา มันจะเกิดความรู้สึกคุ้น และก็ไม่เกิดความแปลกใจ แต่ในหนังถ้าไม่แปลกใจมันก็ไม่สนุกใช่ไม๊ เสียเงินไป อุตส่าห์จะไปเอาความตื่นเต้น มันก็ไม่ได้ตื่นเต้น

แต่ในแง่ของการปฏิบัติธรรม การเจริญสติเพื่อที่จะทิ้งทุกข์ เพื่อที่จะดับทุกข์ บางทีการรู้อะไรไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เกิดการเตรียมตัวเตรียมใจ แล้วก็เตรียมสติไว้พร้อม มันก็เป็นเรื่องดีครับ

เหมือนอย่างคนได้รับคำแนะนำว่า เวลารถวิ่งเร็วๆเป็นทางตรง ถ้ามีหมาตัดหน้ากระทันหัน อย่างพยายามหักหลบ หลายคนพออ่านไว้อย่างนั้นแล้ว คือถึงหักหลบมันก็ตายอยู่ดี แล้วเราก็ตายตามมันไปด้วยอะไรแบบนี้ พอเตรียมใจไว้อย่างนี้แล้วเกิดเหตุขึ้นจริงๆแบบฉุกเฉิน กะทันหันมันก็โอเครู้ว่า จะต้องทำอะไร มันรู้ล่วงหน้าไว้ก่อนอยู่แล้ว เตรียมไว้ก่อนอยู่แล้ว

แต่ถ้าไม่เตรียมไว้ บางทีมันไปตัดสินใจชั่ววินาทีนั้น มันก็หักหลบทำนองเดียวกันนะครับ เหมือนกับถ้าเรารู้อยู่แล้วว่า มาตามแนวที่พระพุทธเจ้าสอนเนี่ย วันนึงมันต้องเห็นร่างกายตัวเอง หรือไม่ก็เห็นจิตตัวเอง เห็นจิตบางที่ก็ตกใจได้นะ จิตบางที่สว่างโพล่งขึ้นมา ราวกับจุดประทัดแบบเป็นล้านๆประทัดพร้อมกัน ก็ตกใจ แล้วก็ออกจากสมาธิก็มี

ถ้าเรารู้ไว้ก่อนว่า นั่นเป็นโอภาสชนิดนึง ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นตกใจ แค่รู้ว่าเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต มันจะใหญ่เท่าโลก เท่าจักรวาล เดี๋ยวมันก็ต้องหายไป แล้วก็เล็กลง มันต้องเล็กลง แล้วก็หายไป

ร่างกายก็เหมือนกัน ที่เรานึกว่ามันเป็นเนื้อหอมๆ ดูในกระจก ดูแบบเนียนๆ ไม่มีไฝฝ้าราคีอะไรต่างๆ พอมาเจอของจริงจากสติ ที่มันตั้งขึ้นมาด้วยการเห็นลมหายใจ โอ้โหมันไม่ใช่เลยนะ มันไม่ใช่หนังสวยๆ หรือว่ามันไม่ใช่อะไรที่ดูดี ดูน่าประทับใจอะไรเลย มันแออัดยัดทะนานไปด้วยตับ ไต ไส้ พุง มันฉาบทาด้วยเลือดเนื้อ ซึ่งมีกลิ่นคาวไม่ได้น่าพิสมัย

 แล้วก็ถ้าหากว่า เรามองแบบคนที่พูดง่ายๆว่า มีบุญ มีบุญพอที่จะทิ้งเนี่ย การเห็นสภาพภายใน ที่เป็นของจริงทางกายอยู่ได้เรื่อยๆ มันจะทิ้งได้ไวมาก พระพุทธเจ้าท่านตรัสนะครับคือ คุณวิเศษของการเจริญกายคตาสติ มันช่วยให้ได้เข้าถึงธรรมได้เร็ว ถ้าเราเห็นความจริงแล้วกลัวเนี่ย แสดงว่าเรากลัวการทิ้งความทุกข์ กลัวบรมสุข

แต่ถ้าเราเตรียมใจไว้ก่อน แล้วก็เห็นร่างกายเป็นกระดูกแออัดยัดทะนานด้วย ตับไต ไส้ พุง น่าเกลียดโสโครก แล้วเราดีใจว่า เออเราเห็นนี่มันต่างกันเลยนะ เราดีใจว่า เออเรามีสิทธิ์ที่จะพ้นทุกข์กับท่านได้แน่ๆ

เพราะว่า ยิ่งเห็นมาก มันยิ่งทำให้จิตมีความชอบใจในการเห็นเข้ามาภายในมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่มันมีความแตกต่างจากลัทธิอื่น ศาสนาอื่นก็ตรงนี้แหละ

ของคนอื่นเนี่ยเขาได้ฤทธิ์ ได้เดช ได้สมาธิ ได้อะไร ได้ญาณกันแล้ว เขามองออกข้างนอกเพื่อที่จะเป็นผู้วิเศษ แต่ของเราเนี่ย ยิ่งมีสมาธิมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งดูเข้าข้างใน เพื่อที่จะทิ้ง ไม่เอาความวิเศษ ไม่เอาตัวตน ไม่เอาแม้กระทั่งคุณงามความดีอะไรที่มันจะชวนเราเวียนว่ายมาสู่ความเป็นเช่นนี้อีกนะครับ

------------------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ               JoJo
วันที่ไลฟ์            ๑๑ มกราคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
ฟีดแบค             เคยนั่งสมาธิจนรู้สึกว่าตัวตนเราไม่มี จริงๆเป็นเพียงโครงกระดูก ตอนนั้นกลัว
                        มากเพราะไม่เคยรับรู้อะไรแบบนี้มาก่อน
ระยะเวลาคลิป    ๕.๑๒ นาที
รับชมทางยูทูป     https://www.youtube.com/watch?v=dlG9jiHvUmc&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=15

** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น