วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ถ้าเรากำลังอยู่ในพิธีกรรมทางศาสนา และมีพระปฏิบัติเป็นองค์ประธาน แล้วเรากำลังอธิฐานจิต ในสิ่งดีๆ แต่มีความคิดแว้บเข้ามา ขอให้เรามีทุกข์และปฏิบัติธรรมล่าช้า จะแก้ไขอย่างไรคะ?


ดังตฤณ :  บางทีมันไม่ใช่แค่จำเพาะเจาะจงเป็นคำพูดทำนองนี้ มันมีอะไรอย่างอื่นเข้ามาได้อีกไม่จำกัด ซึ่งหลายๆคน คงเกิดประสบการณ์แบบเดียวกันมา ก็คงเข้าใจ แต่ถ้าอีกหลายคนไม่เคยเกิดประสบการณ์การแบบนี้ ก็น่าจะไม่เข้าใจ แล้วก็ .. เอ๊ะเพี้ยนรึเปล่า แล้วก็ทำไมไปยอมความคิดแบบนั้นล่ะ อันนี้ขอให้เข้าใจนะครับว่า แต่ละคนมีช่องทางเข้าของอกุศลกรรมที่แตกต่างกัน แล้วก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจนะครับ

ถ้าเรามองอย่างนี้นะครับ ถ้าอยู่ในพิธีการสำคัญ แล้วจิตมีความคิดไม่ดีขึ้นมา ขอให้มองเป็นภาพรวมว่า เรากำลังอยู่ใจกลางความสว่าง แต่มันมีจุดด่างดำขึ้นมา จุดมืดเหมือนหลุมดำที่โผล่ขึ้นมาท่ามกลางความสว่างนั้น นี่มองให้เห็นภาพแบบนี้นะ มันจะได้เกิดความเข้าใจว่า เราจะจัดการยังไง แทนที่เราจะไปมัวกังวลว่ามีหลุมดำโผล่มา เรามาให้ความชื่นชมกับแสงสว่างที่มันเจิดจ้ามากกว่า มีพื้นที่มากกว่าดีกว่านะครับ

อย่างเราตั้งใจดีๆ คิดอะไรดีๆ แล้วมันมีความเห็นในใจว่า เรากำลังอยู่ในที่ๆดี เรากำลังอยู่กับพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เรากำลังอยู่กับจิตของตัวเอง ที่ส่องสว่างประหนึ่งดวงอาทิตย์ เสร็จแล้วมีไอ้แมลงหวี่แมลงวัน ที่มันแผลงฤทธิ์เข้ามา แล้วสามารถรบกวนจิตใจ ทำให้ดวงอาทิตย์นั้นเนี่ย มันดูหมองลงได้ วิธีที่ถูกต้องคือ ให้เราเอาใจไปโฟกัสกับสิ่งที่มันเป็นความสว่าง ไม่ใช่เอาใจไปโฟกัสกับแมลงหวี่แมลงวันที่โผล่ขึ้นมา ตัวมันเล็กนิดเดียว แต่ถ้าเราไปโฟกัสเนี่ย ใจเราก็เล็กตามมัน แล้วกลายเป็นสิ่งมืด กลายเป็นสิ่งรบกวนตามมันไปด้วยนะครับ

ทีนี้วิธีที่ถูกต้องเนี่ย มันไม่ใช่การไปบังคับตัวเองว่า อย่าสนใจไอ้แมลงหวี่แมลงวันที่มันเข้ามา อย่าไปสนใจความคิดไม่ดี ขอให้ลบมันทิ้งออกจากหัว นี่อย่างนี้เป็นคำสั่งที่ผิด เป็นโปรแกรมที่ผิด เพราะยิ่งทำแบบนั้น มันคือการไปเพิ่มความคิดไม่ดีเข้ามา ความคิดอยากที่จะกำจัดไอ้ความคิดเลวๆเนี่ยนะ ก็เป็นความคิดอีกชนิดหนึ่ง ที่ยืนพื้นอยู่บนความอยาก จำไว้ว่าความคิดอยากอะไรก็ตามนะครับ ที่มันเกิดขึ้นในใจเนี่ย ถ้าหากว่าความอยากนั้น มันไม่ได้รับการตอบสนอง มันจะเกิดโทสะ แล้วโทสะเนี่ยแหละมันจะไปหล่อเลี้ยงความคิดไม่ดีให้มันคงอยู่แล้วเพิ่มขึ้น

แต่ถ้าเรามองแค่ว่า ไอ้ความคิดไม่ดีนั้น มันเป็นแมลงหวี่แมลงวัน ที่โผล่ออกมากลางแสงอาทิตย์ เราจะยังใส่ใจอยู่กับแสงอาทิตย์ แล้วเห็นว่าไอ้แมลงหวี่แมลงวันนั้น เดี๋ยวมันก็หายไป เดี๋ยวมันก็มอดไหม้ไปเอง

แล้วยิ่งถ้าเรามีสติที่รู้นะว่า มันมอดไหม้ไปเมื่อไหร่ ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนของเราตรงไหน นี่ตรงนี้ยิ่งได้เกิดปัญญาผุดโพลงขึ้นมาท่ามกลางความสว่างที่มันเป็นบุญธรรมดาเนี่ย จำไว้นะต่อให้อยู่กับพระสงฆ์องค์เจ้า ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อันนั้นน่ะเป็นบุญของท่าน ไม่ใช่บุญจริงๆของเรา เรายืมบุญของท่านมา ที่ทำให้เรารู้สึกดีเหลือเกินเนี่ย

แต่ที่จะเป็นบุญจริงของเรานะ เป็นบุญใหญ่ขั้นสูงสุดทางพุทธศาสนาเลยก็คือว่า เราเห็นความคิดรบกวน แล้วเห็นว่า เออมันผ่านมาแป๊บนึง แล้วมันผ่านไปถ้าเราไม่สนในมัน

คือไม่ใช่ไม่รู้นะ ไม่สนใจเนี่ยหมายความว่า ไม่เอาใจเนี่ยปักเข้ามา

แต่ว่ารู้เนี่ย มันผุดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วมันหายไปเองเมื่อไหร่ เพื่อที่จะได้ข้อสรุปทางจิตว่า ไอ้เนี่ยมันไม่ใช่เรา ไม่เกี่ยวกับเราเลย ไม่ใช่ตัวเราเลย มันโผล่มา แล้วเดี๋ยวมันก็หายไป ขอแค่เราตั้งจิตไว้ถูกต้อง ตั้งจิตไว้ในฐานะผู้รู้ ผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้ที่กลุ้มใจว่า ทำไมฉันถึงคิดอะไรเลวๆแบบนี้ ทำไมฉันถึงคิดอะไรไม่ดี คิดอะไรบั่นทอนกำลังบุญกำลังใจของตัวเองแบบนี้ ไอ้นั่นมันจะกลายเป็นตัวเราขึ้นมาทันที มันจะเป็นอุปาทานซ้อนอุปาทานเข้าไป

-----------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๒๗ มิถุนายย ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         ถ้าเรากำลังอยู่ในพิธีกรรมทางศาสนา และมีพระปฏิบัติเป็นองค์ประธาน 
                              แล้วเรากำลังอธิฐานจิตในสิ่งดีๆ แต่มีความคิดแว้บเข้ามา 
                              ขอให้เรามีทุกข์และปฏิบัติธรรมล่าช้า จะแก้ไขอย่างไรคะ?
ระยะเวลาคลิป           ๕.๕๕ นาที
รับชมทางยูทูบ                https://www.youtube.com/watch?v=-Sj2I4SeGEY

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น