กรณีเฉพาะตนของ – ปลา
อาชีพ – ขายของร้านชำ
ลักษณะงานที่ทำ –
ยังเรียนอยู่และช่วยที่บ้านขายของ เป็นร้านเล็กๆที่มีเบียร์และ เหล้าอยู่ด้วย
คำถามแรก – ตอนช่วยพ่อแม่ดูแลร้าน
ดิฉันต้องเป็นคนหยิบยื่นเหล้าและเบียร์ให้ ลูกค้ากับมือ
เพราะตู้เย็นอยู่หลังเคาน์เตอร์ เพื่อให้ลูกค้าสั่งเอาไม่ใช่หยิบเอง ตอน แรกๆก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่เพิ่งมาทราบว่าเป็นหนึ่งในมิจฉาวณิชชา คืออาชีพที่ พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ใช่การค้าขายอันชอบอันควร
ถือว่าเป็นการค้าสิ่งไม่ดี อย่าง นี้ถือเป็นบาปติดตัวถึงขั้นขวางการเจริญสติไหม?
ตอนยื่นเหล้าเบียร์นี่ทราบวาระ จิตตัวเองอย่างหนึ่ง คือรู้สึกแย่มาก
เหมือนทำผิดคิดร้าย จะหม่นหมองไปนาน
ดังตฤณ :
ต้องถามตัวเองว่าคุณ ‘คิดอยากขายเหล้า’ หรือเปล่า
ถ้าไม่คิดก็ไม่ถือว่าบาป ครับ
มีคาถาพระธรรมบทอยู่บทหนึ่งที่น่าฟังมากครับ คือ
เมื่อฝ่ามือไม่มีแผล ก็ย่อม ถือยาพิษได้โดยที่พิษไม่ซึมซาบเข้าสู่ร่าง
ฉันใดก็ฉันนั้น บาปย่อมไม่มีแก่คนที่ไม่ คิดจะทำ คาถานี้มีที่มาจากการที่สาวคนหนึ่ง
เป็นโสดาบันบุคคลผู้ไม่เบียดเบียนแล้ว มีศีล ๕ เป็นปกติแล้ว แต่ไม่ได้บวช
และเป็นภรรยานายพราน นางปรนนิบัติสามีเยี่ยง ภรรยาทั่วไป
แม้กระทั่งตระเตรียมและหยิบยื่นคันธนูให้พรานผู้เป็นสามีเพื่อนำไปใช้ ประกอบอาชีพทุกเช้า
เมื่อคนร่ำลือกันว่านางเป็นถึงโสดาบัน
แต่กลับยื่นอาวุธให้สามีนำไปประกอบอาชีพ ก็ได้รับคำอธิบายว่าที่หยิบยื่นให้นั้น
ไม่ใช่ด้วยเจตนาว่าสามีจงนำธนูนี้ไปฆ่าสัตว์ สามี จงนำธนูไปล่าสัตว์มาเลี้ยงชีพคนในบ้านได้มากๆ
แต่นางทำไปโดยยืนพื้นอยู่บนความ คิดที่ว่า
‘เราจะปฏิบัติต่อสามีตามสมควรแก่หน้าที่ของภรรยา’
อาวุธของสามีนางนั่นแหละคือยาพิษ แต่จิตนางไม่ประกอบด้วยแผลคือความ คิดประทุษร้ายต่อสัตว์
เมื่อปราศจากแผลคือเจตนาฆ่าฟันใดๆ ฉะนั้นจึงไม่ถือว่ามี ส่วนผิดไปด้วย
ที่คุณรู้สึกแย่ตอนยื่นเหล้าให้ลูกค้า ก็ขอให้สังเกตอย่างนี้ครับ
ตัวความรู้สึกแย่ถูกรู้ ได้ไหม
รู้ไหมว่าความรู้สึกแย่นั้นเกิดขึ้นในท่ายืนหรือท่านั่ง และที่สำคัญเมื่อรู้สึกถึง
ความรู้สึกแย่ ความรู้สึกแย่นั้นหายไป กลายเป็นว่างจากความรู้สึกแย่ได้ไหม?
บอกตัวเองไว้นะครับ ความสามารถในการเห็นความรู้สึกแย่ๆ ตลอดจนทราบชัด
ว่าความรู้สึกแย่ๆหายไปเมื่อถูกเห็น แล้วกลายเป็นความว่างแทน นั่นแหละครับที่ แสดงให้เห็นว่าบาปไม่เกาะจิต
บาปไม่ใช่ของติดตัวคุณ
ภาวะของจิตนั้น ถ้ากำลังย้อมด้วยบาปจริงจะดูไม่ได้นะครับ
เพราะจิตจะมืดจน ไม่มีช่องว่างให้สติเจริญขึ้นได้ ข้อนี้ท่องไว้เลย
ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนสั่งเหล้าเข้าร้าน
ไม่มีเอี่ยวอะไรด้วยกับการคัดของหรือสั่งเพิ่ม ก็อย่าเป็นกังวลไปเลย
คุณช่วยพ่อแม่ขายของด้วยฐานะลูก คิดแบบลูกช่วยพ่อแม่ทำ มาหากินตามสภาพ
ถือว่าไม่เปิดแผลทางใจใดๆ ตรงข้าม ความไม่สบายใจถือเป็น หลักฐานว่าคุณไม่ได้มีแม้แต่ความยินดีกับการขายเหล้าแม้แต่น้อย
เพื่อเน้นย้ำให้จิตปลอดจากอกุศลอย่างบริบูรณ์
ก็ให้พิจารณาไปด้วยว่าเมื่อสติ เจริญแล้ว สภาพของจิตย่อมมีความสามารถรู้ชัด
รู้ตามจริง ตลอดจนคิดอ่านในทาง สว่าง ทางกุศล
เสร็จแล้วพิจารณาอีกที
ถามตัวเองว่าเหล้ายาเป็นเครื่องบั่นทอนหรือเป็นตัวส่งเสริม สติ
คุณย่อมได้คำตอบชัดเจนว่าเป็นตัวบั่นทอน เป็นเครื่องมอมเมา ไม่น่ายินด
หมายความว่าวันหนึ่งพอกิจการตกมาอยู่ในมือคุณ
สิ่งแรกที่คุณจะคัดออกก็ย่อม เป็นเหล้าและเบียร์นั่นเอง
พอยืนยันกับตนเองเช่นนั้นได้ก็สบายใจครับ ย้ำระลึกกับ ตนเองไว้ เมื่อมีสิทธิ์เลือก
คุณเลือกที่จะขายหรือไม่ขาย นั่นแหละถึงจะเป็นกรรม ของคุณ เป็นบาปบุญของคุณ
ในวันที่กิจการยังเป็นสิทธิ์ตัดสินใจของพ่อแม่
คุณเพียงสำรวจดูใจตัวเองก็แล้วกัน ว่าที่ผ่านมามีไหมที่ดีใจขายเหล้าได้เยอะ
จะได้มีเงินเข้าร้านแยะ หากพบว่าไม่เคยมีใจ ยินดีเลย ก็ให้นับว่าคุณไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแม้แต่น้อยครับ
วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
ขายเหล้าเจริญสติไหวไหม (ดังตฤณ)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น