วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

บางครั้งเรามองรถยนต์นิ่งๆก็เห็นมันสั่นๆเป็นเปลวคล้ายพยับแดด สักพักก็เหมือนรถยนต์นั้นดูทรุดโทรมลง เหมือนมันทรุดไปตามกาลเวลา อยากทราบว่าจิตเรามันเป็นยังไงถึงเห็นภาพนั้น?


ดังตฤณ :  เป็นคำถามที่อาจจะเข้าใจตามได้ยาก แต่ถ้าใครเคยเกิดประสบการณ์ทำนองนี้มาก่อน ก็อาจจะทราบนะครับว่า มันก็เป็นนิมิตชนิดหนึ่ง คือจิตถ้าเราพิจารณาอะไรมากๆ หรือว่ามันดิ่งเป็นสมาธิอยู่กับอะไรได้อย่างแจ่มกระจ่างเนี่ยนะ บางทีมันเป็นภาพซ้อนขึ้นมาได้

อย่างนี้นะครับ คำถามก็คือว่า (ทวนคำถาม)  “บางครั้งเรามองรถยนต์นิ่งๆ เห็นมันสั่นๆเป็นเปลวคล้ายพยับแดด สักพักมันก็เหมือนรถนั้นดูทรุดโทรมลงไปจากเดิม เหมือนมันทรุดไปตามกาลเวลา อยากทราบว่า จิตมันเป็นยังไงถึงเห็นภาพนั้น”

อันนี้เป็นนิมิตชนิดนึง คือเวลาเราเพ่งอะไรไปมากๆ มันเกิดภาพติดตาเข้ามาก่อน แล้วภาพติดตานั้นก็ซ้อนทับลงไป เหมือนจะมีแก้ว แผ่นแก้ว แผ่นใสที่เวลาเราเอามาซ้อนให้ดูในโปรเจคเตอร์อะไรแบบนี้ เวลาฉายขึ้นจอเราก็จะเห็นว่า ภาพที่แผ่นใสด้านบนสุดเนี่ยมันมาก่อน

อันนี้ก็เหมือนกัน คือถ้าจิตของเราเห็นภาพติดตาแล้วมันชัด มันมีความเข้มข้น มีความกระจ่างมากกว่าภาพที่มันเป็นของจริงที่ตาเนื้อเห็นเนี่ยนะครับ เราก็จะรู้สึกราวกับว่า สิ่งนั้นมันกำลังเป็นอะไรที่ไม่ได้เห็นด้วยตาเปล่า

เหมือนกับคนที่เจริญสติเห็นกาย เห็นทะลวงเข้าไปถึงตับไตไส้พุง เห็นโครงกระดูกอะไรต่างๆ แล้วมีนิมิตสมาธิแจ่มชัดมากๆ มันจะเหมือนกับว่าลืมตาอยู่ แล้วก็เห็นเหมือนเป็นโครงกระดูก เป็นโครงกระดูกขาวๆเลย แล้วถ้าถึงขนาดที่เห็นตับไตไส้พุงได้ด้วยเนี่ย อันนั้นก็ไม่ใช่ว่าเป็นอุปาทานลวงตา ลวงใจ คือมันมีความใสของจิตนะที่เห็นเข้าไปจริงๆ คว้านเข้าไปจริงๆ

แล้วพอมองออกไปถึงผู้คนต่างๆ มันก็เห็นไปตามนั้นด้วย นี่คืออาการที่ว่า เห็นเราอย่างไร เห็นคนอื่นอย่างนั้น เห็นคนอื่นอย่างไร เห็นเราเช่นนั้นด้วยนะครับ เป็นการเห็นจากตาใน เป็นการเห็นจากจิตที่มีสมาธิ ระดับที่เกิดนิมิต เป็นนิมิตเสมือนจริง หรือว่านิมิตที่เรียกว่า “ปฏิภาคนิมิต”  คือนิมิตที่มันชนะระบบประสาทตา การเห็นจริงๆเนี่ย มันเหมือนกับเราจะมีเลเยอร์ (layer)ของการรับรู้จากประสาทตาก็อย่างหนึ่ง แล้วก็จากจิตที่มีภาพนิมิตซ้อนขึ้นมา ก็แยกเป็นต่างหากอีกนะครับ

อันนี้ถ้าไปคุยกับหมอ หรือว่านักจิตวิทยา ระวังเขาหาว่าบ้านะ คือเราต้องทำความเข้าใจด้วยนะว่า สิ่งที่เราเห็นมันไม่ใช่ของวิเศษนะครับ ไม่ใช่ของที่น่าจะเอามาบอกว่า มันเป็นความก้าวหน้าทางการปฏิบัติหรือว่าอะไร แต่มันเป็นนิมิตชนิดหนึ่งที่จิตมันสร้างขึ้นมา

แล้วนิมิตของแต่ละคนก็มีความกระจ่างชัด มีความแจ่มใสเป็นไปตามคุณภาพของจิต เป็นไปตามคุณภาพของสมาธิ ถ้ามีสมาธิที่คุณภาพสูงมาก อันนี้เราก็จะเห็นยิ่งกว่าตาเห็นอีก

แต่ถ้าหากว่า จิตของเรายังเป็นสมาธิได้แค่อ่อนๆ อย่างนั้นมันก็จะเห็นเหมือนกับที่คุณบอก มันเริ่มต้นขึ้นมาจากการที่เห็นสั่นๆเหมือนเปลวพยับแดด มีวัยรุ่นหลายคนเลยนะ ประเภทที่ชอบส่องกระจก บอกว่าส่องกระจกตอนกลางคืนแล้วกลัวมากเลย มันเหมือนในหนังผีเลย คือเห็นเหมือนกับเงาในกระจกยิ้ม ทั้งๆที่ตัวเองรู้ว่าตัวเองไม่ได้ยิ้ม หรือว่าเห็นหน้าตาตัวเองเปลี่ยนไปอะไรแบบนี้

คือบางคนเนี่ย ไปเล่าให้ใครฟังก็หาว่าหลอนนะครับ  มีผีมีวิญญาณมานึกว่าอะไรแบบนี้ จริงๆเนี่ยบางทีนะครับ มันเป็นนิมิตธรรมดาๆนี่แหละ ขอให้สังเกตเถอะ เวลาที่เราเพ่งอะไรไปนานๆเนี่ย จนกระทั่งเรามีจิตแบบหนึ่งที่โฟกัสได้นิ่งมากๆ จับภาพนั้นได้เป็นตัวเป็นตน ดูเหมือนกับว่ามันมีความกระจ่ายชัดผิดปกติ นั่นก็คือลักษณะหนึ่งของนิมิตที่ซ้อนความจริงเข้ามานะครับ ไม่ใช่เรื่องลึกลับ ไม่ใช่เรื่องที่ภูตผีปีศาจแต่อย่างใดเลยนะครับ ก็ขอให้ทำความเข้าใจตามนี้ก็แล้วกัน

----------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         บางครั้งเรามองรถยนต์นิ่งๆก็เห็นมันสั่นๆเป็นเปลวคล้ายพยับแดด 
                              สักพักก็เหมือนรถยนต์นั้นดูทรุดโทรมลง เหมือนมันทรุดไปตามกาลเวลา 
                              อยากทราบว่าจิตเรามันเป็นยังไงถึงเห็นภาพนั้น?
ระยะเวลาคลิป           ๕.๔๔ นาที
รับชมทางยูทูบ                https://www.youtube.com/watch?v=ZcBWsDPetW8&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=9&t=0s

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น