วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นคนที่หาเงินเก่งพอตัว แต่ทำไมถึงไม่สามารถรักษาทรัพย์สินนั้นได้ คือเป็นคนเล่นหุ้น เวลาได้ก็ได้ แต่ก็พร้อมที่จะเสีย ควรทำอย่างไรเพื่อรักษาทรัพย์ให้เสียน้อยกว่าได้ ครับ?


ดังตฤณ :  เอาเฉพาะคำถามนี้ก่อนนะ ในทางพุทธ ในทางที่เราสามารถไปหาหลักฐานในพระไตรปิฎกได้นะครับ บอกว่า การที่ได้เงินได้ทองมันก็เป็นส่วนหนึ่งจากการทำทาน

การที่มีสติปัญญามาก ก็เป็นส่วนของการที่เราศึกษาสิ่งที่เป็นประโยชน์ในทางธรรม และก็นำมาปฏิบัติตาม เช่นไปถามครูบาอาจารย์ สมณะสงฆ์ว่า กรรมอันใดเป็นคุณ กรรมอันใดโทษ แล้วน้อมมาประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่เป็นคุณ ในสิ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์ อย่างนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า จะเป็นเหตุให้เป็นผู้ฉลาด ฉลาดโดยแบบทั่วๆไปเลย ไม่ใช่ว่าจะแค่เรื่องเงินหรือเรื่องอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง

คือพูดง่ายๆว่า ถ้ามีสติปัญญาดีใช้ได้แล้ว ก็สามารถเอาตัวรอดได้เนี่ย เป็นพวกที่ต้องเคยคิดอะไรดีๆ ทำอะไรดีๆมาก่อน

ทีนี้เรื่องทานจบไปแล้ว เรื่องทานเป็นทางมาของรายได้ เรายิ่งให้ทานกับคนประเภทไหนไว้มาก เราก็ยิ่งมีเส้นทางสายอาชีพแนวนั้นๆที่จะมาสร้างเนื้อสร้างตัวได้ในชาติต่อไป ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าเราเคยเป็นครูสอนดนตรีที่หวังประโยชน์สุขให้นักเรียนได้เล่นดนตรีเก่งๆ แล้วจะได้เลี้ยงตัวได้อะไรแบบนี้ สอนด้วยความตั้งใจอย่างนี้จริงๆ ทุ่มเทพยายามทุกอย่าง ตลอดชีวิตเนี่ยทำให้คนเกิดความเข้าใจศาสตร์ของดนตรีขึ้นมามากมายมหาศาล

ในที่สุดแล้ว ถ้าเกิดใหม่ เราก็สามารถที่จะเป็นเด็กอัจฉริยะ มีพรสวรรค์เล่นเปียโนได้ตั้งแต่ ๔ ขวบ เล่นเก่งราวกับเป็นโมสาร์ทกลับชาติเกิดอะไรอย่างนี้ แล้วก็ได้รับความสนับสนุนทั้งทางกำลังใจตั้งแต่เด็กๆ เรื่องการเงิน พอเข้าสู่เส้นทางการเล่นดนตรีเนี่ย โอ้โหมีผู้คนแห่เชียร์ล้นหลาม เป็นซุปเปอร์สตาร์ในวงการดนตรีได้ เนี่ยก็เรียกว่าเป็นตัวอย่างของการให้ทาน วิทยาทานที่จะมาสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองได้ในชาติต่อมา

ทีนี้โจทย์บอกว่า ทำไมถึงรักษาทรัพย์ไม่ค่อยจะได้ อันนี้มีปรากฏบอกชัดๆในพระคัมภีร์นะครับ บอกว่า ศีลเปรียบเหมือนแผ่นดิน ที่สามารถสามารถจะพยุงรักษาทรัพย์ อันเกิดจากทานไว้ได้ บางสูตรพระพุทธเจ้าตรัสด้วยซ้ำว่า ผู้มีศีลที่สะอาดบริสุทธิ์เนี่ย เป็นเหตุให้เกิดความมั่งคั่งมั่งมีนะครับ ท่านไม่ได้ตรัสว่าในชาตินั้น หรือว่าในชาติถัดไป แต่เราเข้าใจได้นะ ศีลเนี่ยใจอรรถกถาท่านเปรียบเหมือนกับแผ่นดิน ที่สามารถรองรับทรัพย์ที่เราพึงมีพึงได้ไว้ ไม่ให้มันสูญหาย ไม่เหมือนกับแผ่นดินไหว ไม่เหมือนกับน้ำซัดเข้ามานะครับ อันนั้นเป็นผลจากการที่มีศีลข้อ ๒ ไม่ดี

คือถ้าทำอทินนาทานไว้พระพุทธเจ้าท่านตรัสนะครับว่า ในที่ๆกรรมเผล็ดผล จะได้รับผลอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทรัพย์สินพินาศ ไม่ว่าจะด้วยจากการขโมย จากการโดนแผ่นดินไหวกลืนเข้าไป โดนไฟไหม้ โดนน้ำซัด หรือว่าโดนลมพายุเข้ามาถล่ม อันนี้เป็นไปได้หมดในที่ๆทรัพย์พินาศ

เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ตอบคำถามได้ครอบคลุมไปถึงคนที่บอกว่า ที่เขาโดนสึนามิพร้อมๆกันเนี่ย เขาไปทำกรรมอะไรมาร่วมกัน ไม่จำเป็นนะครับ คือเรื่องของเรื่องคือมันจังหวะเวลาที่สมควรได้ให้กรรมข้ออทินนามาเผล็ดผลพร้อมๆกันในที่ๆเขาไปชุมนุมกันอยู่ ไม่จำเป็นต้องไปทำมาด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องไปขโมยมาด้วยกัน แต่อยู่ในจุดที่กรรมข้ออทินนาจะเผล็ดผล ก็เลยโดนไปด้วยกัน พร้อมๆกันเสียหาก แล้วความเสียหายเนี่ย ลองดูเถอะต่อให้เป็นสึนามิครั้งเดียวกัน ความเสียหายก็ไม่เท่ากัน บางคนเสียแค่กลับมาซ่อมแซม บางคนเสียแบบยิ่งกว่าโดนขโมย หรือยิ่งกว่าไฟไหม้บ้านอีก เพราะมันพังไม่เหลือเลย ไม่เหลือซากอะไรทั้งสิ้น ไม่เหลืออะไรให้เก็บอีกเลย

แต่ละคนเนี่ยมีชุดกรรมเฉพาะที่จะต้องได้รับ อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเอาเฉพาะจากคำถามนะนี่เฉพาะที่เขียนมานะครับ บอกว่า มีความสามารถหาเงิน ฉลาดพอที่จะหาเงินได้ อันนี้ก็คือโอเคในเรื่องของสติปัญญา ในเรื่องของความสามารถหาเงิน ยืนยันว่า ได้เคยทำทานมามากพอที่จะหาเงินได้ แต่ในเรื่องศีลข้ออทินนาทาน ในอดีตนะไม่ใช่ปัจจุบันนะ มันถึงเวลาเผล็ดผล ทำให้ไม่สามารถรักษาทรัพย์สินไว้ได้

ทีนี้ในเรื่องของการรักษาทรัพย์สิน มันไม่ใช่แค่ยอม สักแต่แบบว่างอมืองอเท้า บอกว่าฉันยอมแล้ว โอเคนี่ฉันจะรับกรรม มันจะเสียหายยังไงก็ช่าง คือมนุษย์เนี่ย ในแต่ละชาติมีความสามารถที่จะศึกษาเหตุเฉพาะ แล้วก็มีความสามารถที่จะหาลู่ทางป้องกัน

ถึงแม้ว่าเราจะมีศรัทธาในแบบพุทธว่า ผลแห่งกรรมมีอยู่จริง วิบากกรรมมีจริง เราก็ต้องเชื่อต่อไปด้วยว่า ถ้ากรรมใหม่ของเราดีพอ ก็น่าจะช่วยได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรารู้แล้ว รู้กลไกของการให้ผลกรรมว่า อ๋อมันมาจากการที่เราเคยมีอทินนาทาน ซึ่งทุกน่ะมีแต่ว่าของเราเนี่ย มันประจวบเหมาะว่า จะต้องได้รับผล กรรมจะเผล็ดในชีวิตนี้ จังหวะนี้

ฉะนั้นเราก็กำหนดไวในใจเป็นแม่นมั่นเลยว่า เราจะไม่มีทางผิดศีลข้อ ๒ เป็นอันขาด เราจะไม่ทำอีก ชาติก่อนๆลืมไปแล้วช่างมัน มันไปย้อนกลับไปหาตัวตนเก่า แล้วก็บอกตัวตนเก่าไม่ได้แล้วว่า เฮ้ยมันจะได้รับผลแบบนี้นะ

แต่ตัวตนนี้ตอนนี้สามารถบอกได้ว่า เออเนี่ยถ้าเราศรัทธาในเรื่องวิบากกรรมที่พุทธศาสนาแสดงไว้ เราจะตั้งใจว่าตลอดชีวิตที่เหลือเนี่ย ไม่โกงใครอีกเด็ดขาด ไม่ขโมยใครอีกเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะคิดว่าจะหลอกลวงใคร เพียงเพื่อเอาเงินมา ตรงนี้มันก็กลายเป็นชุดกรรมใหม่

ที่เรียกว่า “ชุดกรรม” เพราะอะไร เพราะว่านี่เป็นหัวหอกที่จะให้ทำอะไรอีกหลายอย่าง เป็นข้อพิสูจน์ว่า เราตั้งใจจะไม่หลอกลวงใคร เพื่อเอาทรัพย์ของเขามาอีกเป็นอันขาด

คือชีวิตที่เหลือเนี่ย มันจะเจอเรื่องยั่วยุมากมาย เจอแรงบีบคั้นอะไรอีกหลายๆอย่าง แล้วแต่ละครั้งแต่ละหนเราจะยึดข้อเดิมคือ ไม่เอากับไอ้เรื่องของการหลอกลวง หรือว่าการช่วงชิงทรัพย์ของใครเขามาด้วยวิธีผิดๆ มันจะมีเหตุการณ์อะไรตามมาอีกเยอะเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้

แล้วยิ่งเราพิสูจน์ใจได้ว่า เราตั้งใจอย่างนี้จริงๆ แล้วทำให้ได้จริงๆ ในที่สุดมันกลายเป็นบารมีในเรื่องของการห้ามใจ ไม่เอาไม่ผิดศีลข้ออทินนาทาน แล้วตัวนี้แหละที่มันจะ .. ในทางลึกลับเนี่ยมาแบ่งเบามาช่วยบรรเทาของเก่า เพราะคนนะคือเวลาที่เส้นทางกรรมเดิมเนี่ย มันดิ่งตรงไปแบบนี้ เสร็จแล้วเราพยายามสร้างเหตุให้มันแตกต่าง อย่างบอกว่าแต่ก่อนเคยขโมยไว้มาก ตอนนี้ตั้งใจไม่ขโมยแล้ว มันจะทำให้ชีวิตของเรา ค่อยๆเบี่ยงออกเส้นทางทีละน้อย คือไม่ใช่ปุบปับฉับพลัน

ยิ่งเราพิสูจน์ใจได้มากขึ้นเท่าไหร่ว่า เราตั้งใจว่าจะไม่ผิดศีลของอทินนา มันจะยิ่งเบี่ยงเบนออกไป จนกระทั่งถึงวันนึงนะ จะกี่เดือน กี่ปีก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าย้อนมองชีวิตตัวเองอีกที อ้าวตอนนี้เราสามารถรักษาทรัพย์ไว้ได้แล้ว ไม่มีเหตุสุดวิสัยมาทำลายทรัพย์สินเราอีกแล้ว อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องตั้งความศรัทธาไว้ แล้วก็พิสูจน์ด้วยชีวิตของเราทั้งชีวิต หรืออีกหลายๆปี มันถึงจะเห็นว่าจริงหรือเปล่า

แล้วคนสมัยนี้เนี่ย ให้แนะนำแบบนี้นะ ไม่เอานะ (คุณดังตฤณยิ้ม) คือบอกว่าอีกหลายปีใช่มั้ย โอเคจบ ขอใช้วิธีแบบได้ด่วนทันใจก่อนก็แล้วกัน นี่จะเอากันแบบนี้นะ

ทีนี้นอกจากเรื่องบุญเรื่องกรรมแล้วเนี่ย วิธีที่จะรักษาทรัพย์ มันยังมีวิธีนึงที่ได้ผลมาเสมอคือ ง่ายๆเลยนะ กระดาษกับปากกา เอามาจดว่า รายรับรายจ่ายของเราเนี่ย มันรับมาได้เท่าไหร่ แล้วก็ต้องจ่ายออกไปแค่ไหน คือบางทีดูเหมือนกับเรื่องตื้นๆ ดูเหมือนกับเป็นภาระ แต่จริงๆแล้ว มันสามารถช่วยให้เกิดการแตกกิ่งก้านสาขาของไอเดียได้

เช่น เห็นรายรับเท่าเดิมอยู่ทุกเดือน เจ็ดหมื่น สามหมื่น หนึ่งหมื่นห้า อะไรของแต่ละคนเนี่ย ก็จะมีตัวเลขเป็นตัวตั้งของตนเองเนี่ยนะ แล้วก็บอกว่า ตัวเลขนี้เนี่ย มันต้องเป็นแบบนี้เสมอไปเหรอ จริงๆเนี่ยเราหาทางเพิ่มได้มั้ย มันจะมีแก่ใจคิดขึ้นมาว่า ภาพมันปรากฏชัดๆทางตา ภาพที่กระจ่างนั้นเนี่ย มันช่วยให้เราคิดอยากได้เงินเพิ่มอย่างถูกต้อง

แล้วก็รายจ่ายเนี่ย บางทีเราเห็นน่ะว่า ไอ้นี่เราไม่จ่ายไม่ได้ ของต้องเอาเข้าบ้าน โอเคเราผ่านไป แต่ของบางอย่างที่มันหลงเข้ามา มันจะทำให้เราคิด เอ๊ะไอ้นี่จริงๆมันไม่จำเป็นก็ได้นะ มันเบียดเบียน  มันมาเบียดบังตัวเลขที่เป็นตัวตั้งเนี่ย ให้มันร่อยหรอลงอย่างฉับพลันทันที

มันจะเกิดความคิดอะไรขึ้นมามากมาย แม้กระทั่งรายจ่ายแบบที่ไม่คาดฝัน ที่เหมือนกับเป็นอะไรที่ป้องกันไม่ได้ มันก็จะถูกนำมาสู่ในใจของเราอย่างชัดเจนนะว่า ไอ้ที่มันมาแบบไม่คาดหมายเนี่ย จริงๆแล้วเราสามารถป้องกันระวังในภายหลังได้รึเปล่า มันจะทำให้เราเกิดความคิดอะไรมากมาย

สรุปนะครับคำตอบ เพื่อที่จะระวังรักษาทรัพย์ไม่ให้เสียไปแบบไม่ควรจะเสีย เราทำบุญเพิ่มนะครับ ทำบุญไม่ใช่จ่ายตังค์เสมอไป บางทีเนี่ยมันเป็นความตั้งใจว่า เราจะไม่หลอกลวงใคร ไม่โกงใคร ไม่ขโมยใคร

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่ถือศีลได้สะอาดบริสุทธิ์  จัดเป็นผู้ที่ทำมหาทาน เพราะว่าทำตัวเองเป็นที่ตั้งของความปลอดภัยให้กับชาวโลก นี่เหตุที่ท่านเรียกว่าเป็นมหาทานเพราะอย่างนี้นะครับ เป็นความปลอดภัย ยกเว้นภัยไม่ให้เกิดขึ้นกับคนอื่นไม่เลือกหน้าไม่จำกัด เรียกว่าแค่ตั้งใจนี้ใจเดียวเนี่ย คนอีกมากมาย สัตว์อีกมากมายมหาศาลไม่รู้เท่าไหร่ ที่จะได้รับประโยชน์จากความตั้งใจนี้

แล้วก็นอกจากนั้น ก็หัดจดนะครับว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ที่เป็นรายรับและรายจ่ายนะครับ นี่ตอบยาวเป็นพิเศษ เพราะคำถามนี้เนี่ย มันอยู่ในใจของคนเป็นจำนวนมาก แม้แต่บอกว่ารายจ่ายของเราคือ ใจอ่อนอดให้เขายืมไม่ได้ แล้วมันเป็นเงินที่มันเกินตัวเรา อย่างนี้พอมันมาเห็นในใบบัญชีรับจ่ายเนี่ยนะ มันก็ทำให้เกิดความเข้มแข็งมากขึ้นได้นะ อันนี้เรารู้แล้วว่า เงินมันหายไปไหน อ๋อไปให้เขายืมแบบที่มันเกินตัวเรา แล้วให้เฉยๆไม่ช่วยให้คำแนะนำให้คนยืมรู้จักพึ่งพาตัวเอง นี่ก็คือความผิดของเราด้วย อะไรแบบนี้เนี่ย คนเป็นกันเยอะมากนะครับยุคเรา

---------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๒๗ มิถุนายย ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นคนที่หาเงินเก่งพอตัว แต่ทำไมถึงไม่สามารถ
                              รักษาทรัพย์สินนั้นได้ คือเป็นคนเล่นหุ้น เวลาได้ก็ได้ แต่ก็พร้อมที่จะเสีย 
                              ควรทำอย่างไรเพื่อรักษาทรัพย์ให้เสียน้อยกว่าได้ครับ?
ระยะเวลาคลิป           ๑๔.๒๕ นาที
รับชมทางยูทูบ                https://www.youtube.com/watch?v=D13WY4COdD8


** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น