ดังตฤณ : ถ้าฟังจากคำถาม เอาจากคำถามอย่างเดียวนะครับ
คือยังมองไม่เห็นนะว่า ตัวสภาวะ ณ ขณะนั้น จริงๆมันยังไง
แต่เอาเฉพาะคำถามอย่างเดียวเนี่ย คำว่า “เด่นดวง” เรามองว่า จิตมันขยายออก มีความเบ่งบาน มีความตั้งเด่นกว่าสภาวะทางอารมณ์
และสภาวะทางกาย มันถึงรู้สึกชัดขึ้นมาที่จิต
ซึ่งตามหลักการ การเจริญสติที่ถูกนะครับ
เมื่อภาวะไหนปรากฏเด่น ก็ให้จับรู้จับสังเกตุอยู่ที่ภาวะนั้น
มันจะตั้งอยู่นานแค่ไหนก็ให้รู้ไป จนกว่าภาวะนั้นจะแสดงความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะขาขึ้น
หรือขาลง ขาขึ้นคือเป็นสมาธิมากขึ้น ขาลงคือฟุ้งซ่านมากขึ้น
อย่างกรณีนี้เนี่ย
คุณบอกว่า มันไม่นิ่งสงบแต่มันเด่นดวง ภาวะนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ
คือตอนที่จิตเราเบ่งบานออกมา มันจะขยายออกมาเกินกว่าปกติ ปกติเนี่ยเราจะถูกครอบ
จิตของเราจะถูกเกาะกุมไว้ด้วยความฟุ้งซ่านเหมือนกับอยู่ในลูกตะกร้อในหัว
แต่ทีนี้พอจิตที่คุณบอกว่า
มันเริ่มเด่นดวงขึ้นมาเนี่ย มันเหมือนจิตมันหลุดออกมาเป็นอิสระจากอาการครอบของลูกตะกร้อในหัวแล้วล่ะ
แต่มันยังไม่ทรงตัว มันยังไม่นิ่ง เพราะอาจจะยังมีความฟุ้งซ่านคิดโน่นคิดนี่
หรืออาจจะมีความหวั่นไหว มีความลังเลสงสัย มีความวอกแวกอยู่ภายในที่เกิดจากความปรุงแต่งทางความคิด
อันนี้เป็นไปได้จริง
เวลาเกิดภาวะแบบนี้ให้ดูไปว่า
มันแยกออกเป็นสองเลเยอร์ (layer)
เลเยอร์นึงจิตมันเบ่งบานเกินกว่าปกติที่มันเคยถูกครอบไว้ด้วยความคิดนะครับ
อีกเลเยอร์นึงมันยังมีความคิดฟุ้งซ่านเปะปะได้อยู่
ถ้าคุณจับสังเกตได้เป็นสองเลเยอร์แบบนี้
เป็นสองชั้นแบบนี้ คุณจะพบว่า การรับรู้สภาวะที่กำลังปรากฏเฉพาะหน้าเนี่ย
มันง่ายขึ้นกว่าตอนที่กำลังฟุ้งซ่านกระเจิดกระเจิงแน่นอน รู้ยังไง
รู้ว่ามันมีความหวั่นไหวอยู่ข้างในมั้ย หน้าตาความหวั่นไหวเป็นยังไง
มันจะมีความกระสับกระส่าย หรือมีความซัดส่ายโยกเยก
ส่วนจิตที่คุณบอกว่าตั้งเด่นดวงเนี่ย
มันก็เบ่งบานของมันอยู่อย่างนั้น มันมีความชัดของมันอยู่อย่างนั้นว่า
เออเรารับรู้ว่าสภาวะทางใจของเรานะ มันขยายขอบเขตออกไป
รับรู้อยู่อย่างนี้เอาตัวนี้เป็นตัวตั้งนะ ใจมันขยายออกไป แต่ว่าไอ้ตรงใจกลางมันยังโยกเยกอยู่
รู้อย่างนี้ พอเห็นอย่างนี้ไปเนี่ย จะเริ่มรู้สึกว่าอาการโยกเยกเนี่ย โยกเยกน้อยลง
หรือไม่ก็โยกเยกมากขึ้น อย่างใดอย่างหนึ่งมันมีอยู่แค่นี้ โยกเยกน้อยลง
หรือโยกเยกมากขึ้น ถ้าหากว่ารับรู้ไปเรื่อยๆ จะพบว่าจิตที่เบ่งบาน
จิตที่เด่นดวงเนี่ย มันเด่นมากขึ้นทุกที แต่ถ้าหากไม่รู้อย่างนี้นะ
มันจะมีความรู้สึกสงสัยไม่เลิกว่า เอ๊ะจะทำยังไงต่อ
มันจะมีภาวะนึงที่เป็นตัวเราวันยังค่ำ
คือภาวะโยกเยกนี่แหละ ภาวะสงสัยนี่แหละ ทั้งๆที่เริ่มเห็นรางๆแล้วว่า
เออจิตเนี่ยที่มันเบ่งบาน ที่มันเด่นดวงออกไปเนี่ยนะ มันไม่ใช่เรา
มันเริ่มเห็นแบบระแคะระคาย
ทีนี้มันจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเราเห็นอาการโยกเยกนั้นน่ะ เป็นแค่ภาวะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวโยกเยกมาก
เดี๋ยวโยกเยกน้อย อาการโยกเยกนั้นจะไม่เป็นที่ตั้งของความรู้สึกในตัวตนเท่าเดิม
มันจะต่างไปตามที่เราเห็นความไม่เที่ยงของมัน
ถ้าเราเห็นความไม่เที่ยงของมันชัดมาก
ความรู้สึกในตัวในตนจะหายไปมาก จะเบาบางลงมาก หรือล่องหนไปเลยชั่วขณะนะครับ
----------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๓๐
พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม ตอนทำสมาธิ
ทำไมจิตตั้งเด่นดวงอยู่ตลอดเวลา มันไม่นิ่งสงบ
แต่เหมือนเด่นอยู่อย่างนั้นคะ?
ระยะเวลาคลิป ๕.๔๗ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=0fvKvE9svSE&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=12
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น