ดังตฤณ : ก็ดีนะครับ อนุโมทนาที่ตั้งใจแบบนั้น
เพราะว่าผมเห็นมาเยอะมากเลยนะ ที่ต้องใช้ยาเนี่ย แล้วก็ได้รับคำยืนยันจากหมอหลายๆท่านว่า
อย่าเลิกต้องใช้ไปเรื่อยๆ สำหรับบางคนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอาการหนัก ต้องใช้ไปตลอดชีวิตอะไรแบบนี้
แล้วพยายามที่จะ .. คือช่วยกันหารครึ่งนะ ไม่ใช่ว่ากระโดดมาภาวนาอย่างเดียวนะ
มาใช้วิธีสวดมนต์ มาใช้วิธีนั่งสมาธิหรือว่าเดินจงกรม แล้วปรากฏว่า สามารถลดยาได้ โดยมีหมอเป็นผู้สำรวจตรวจผล
ไม่ใช่นึกจะลดๆเองนะ ต้องให้หมอดู หมอจะทั้งฟังเราพูด แล้วก็ตรวจดูอาการ ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะวิชาชีพของท่านนะครับ
อันนี้บอกได้ว่า
หลายคนมากๆเลย ที่ผมเห็นมาแล้วสามารถลดยาได้จริง แล้วก็ไปถึงขั้นเลิกยาได้เด็ดขาดด้วย
เนี่ยถ้าใครยังไม่เคยจะลอง ไปดูที่นี่ก็ได้ www.เสียงสติ.com เป็นเทคโนโลยีทางเสียงที่ช่วยให้สมองถูกจูนให้ช้าลง
แล้วอาการซึมเศร้าเนี่ย มันเกี่ยวกันโดยตรงนะ ถ้าสมองช้าลง คิดอะไรได้แบบมีสมาธิมากขึ้น
โอกาสที่โรคซึมเศร้ามันจะทุเลาเบาบางลง มันสูงมากๆเลยนะครับ
บางคนเนี่ย
อยู่ในฟีดแบคที่อยู่ในหน้า เสียงสติ.com บางคนใช้แล้วหายเลยก็มีนะครับ
แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย มันขึ้นอยู่กับว่า เราใช้ชีวิตยังไง
แล้วก็เปลี่ยนวิธีคิดไปได้ท่าไหนด้วย
ผมให้ข้อสังเกตว่า
ถ้าหากว่าเราสวดมนต์ได้แบบมีความสงบ สงบอกสงบใจได้แล้วเนี่ย
เราจะสามารถเอาวิธีคิดแบบตอนสวดมนต์เนี่ย ไปใช้ในระหว่างวันได้ถ้าฝึกนะครับ
ทีนี้เรื่องของเรื่องก็คือ
คนส่วนใหญ่สวดมนต์กันผิด คนไทยนะครับ สอนกันมาตั้งแต่เด็กๆเลย
แล้วก็สอนกันในขณะที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา พูดกันง่ายๆ พูดกันตรงๆเลยนะ
แม้แต่ไปที่วัด ก็สอนให้สวดขอพร ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าพระศาสดาตรัสชัดเจนนะครับว่า
ตถาคตเลิกให้พรนานแล้ว
พระพุทธเจ้าไม่เคยให้พรใครเลยนะครับตลอดพระชนมายุที่พระองค์สั่งสอนโปรดเวไนยสัตว์อยู่ตลอด
๔๕ พรรษา เพราะว่ารู้ว่าการให้พร หรือว่าการขอพรเนี่ย มันมีส่วนทำให้จิตอ่อนแอ
มันทำให้เกิดจิตแบบผู้ขอขึ้นมา ซึ่งมันจะไม่เป็นไปตามคำสอนเรื่อง อัตตาหิ อัตโนนาโถ
ซึงเป็นคำสอนหลักนึงของพุทธศาสนานะครับ
การสวดมนต์ที่ถูกต้อง
และบทสวดที่ดีที่สุดเป็นอิติปิโส เพราะอะไร
เพราะว่าอิติปิโสเป็นการปรุงแต่งจิตให้มาถูกทาง คือสรรเสริญอย่างเดียว
สรรเสริญลูกเดียว ไม่มีการขออะไรทั้งสิ้นนะครับ สรรเสริญสดุดีคุณวิเศษของพระพุทธเจ้า
พระธรรมของพระองค์ แล้วก็อริยสงฆ์สาวกของพระองค์ว่า มีความพ้นทุกข์ได้
เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ แล้วถ้าหากว่า เราสวดมนต์ถูกต้องเนี่ยนะ
ตั้งใจแค่สวดอิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา ถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา
ไม่ตั้งใจขออะไรอย่างอื่น ขอแค่มีความสุขที่ได้พูดอะไรดีๆ พูดถึงแง่ดีของพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ เนี่ยแค่นี้เนี่ย ถ้ามาถูกทางการสวดมนต์ที่แท้จริงเนี่ย
จิตมันเกือบเป็นสมาธิตั้งแต่นาทีแรกแล้ว
แล้วถ้าคุณจำได้ว่า
อาการทางใจ ณ ขณะสวดมนต์ มันเป็นไปเพื่อที่จะให้จิตมันสบาย ให้ใจมันเปิดออก
ไม่เอาเรื่องเอาราวใคร ไม่จุกจิก ไม่คิดในทางขอเอาเข้าตัว มีแต่การเปิด มีแต่การแผ่ออกไป
มันจะมีภาวะของเมตตาจิตขึ้นมา
ซึ่งเมตตาจิตเนี่ย
พอเราจำเอาไปใช้ในระหว่างวัน มันก็จะเกิดความรู้สึกว่า แม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ก็เหมือนกับสวดมนต์ได้
อาการคล้ายๆเลียนแบบการสวดมนต์ เวลาพูดจากับใครเนี่ย พูดเหมือนกับพูดตอนสวดมนต์
พูดชัดถ้อยชัดคำ พูดเพื่อให้เกิดความรู้สึกดี พูดเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า ใจนิ่มนวลเป็นสมาธิ
อย่างนี้คุณจะพบว่า ตัวเองมีความสุขเอ่อขึ้น เอ่อขึ้น แล้วในที่สุด ถึงจุดหนึ่งนะ
จิตมีความนิ่มนวลเป็นสุขเป็นเมตตาได้เป็นปกติขึ้นมา
อาการซึมเศร้าเนี่ยมันแพ้ราบเลย คือไม่แพ้แบบหายไปทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้ยาอยู่เนี่ยนะ มันไปถึงสมองแล้ว มันลาม
เชื้อความซึมเศร้าเนี่ย มันกินสมองแล้ว
มันหลั่งสารอะไรที่มันไม่ดีออกมาเรื่อยๆแล้ว สารแห่งความทุกข์ สารแห่งความเจ็บปวด
สารแห่งการคิดทำร้ายตัวเอง มันต้องมีความสุขที่ต่อเนื่องยาวนานในแบบพุทธ
ในแบบสวดสรรเสริญ ในแบบที่จะให้จิตเนี่ย เปิดแผ่ออกนานพอสมควร
อาจจะกินเวลาอาทิตย์นึง เดือนนึง หรือบางคนอาจจะเป็นปี
แล้วคุณจะพบว่า
โรคซึมเศร้าที่เขาบอกว่า มันต้องใช้ยาตลอดชีวิต เพราะว่าคนซึมเศร้าส่วนใหญ่ ไม่มีความสามารถที่จะเป็นสุขขึ้นมา
จนเอาชนะความทุกข์ที่ท่วมท้นชีวิตได้แค่นั้นเอง
---------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๑๖
พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม ตอนนี้ใช้ยาแก้โรคซึมเศร้า
เวลาสวดมนต์หรือทำสมาธิจะง่วง
แก้ยังไงดีคะ อยากใช้วิธีนี้ช่วยรักษาโรคค่ะ
ระยะเวลาคลิป ๘.๒๒ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=6jpN5dF2ZmU&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=33
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น