ดังตฤณ : คนละอย่างกันนะ
คือจริงๆ แล้ว ผมพยายามย้ำว่า แอนิเมชัน หรือคลื่นปัญญา เป็นแค่ไกด์ไลน์นะ จริงๆ
ดูทุกวันได้นี่ ก็ดีเหมือนกันในช่วงเริ่มต้น เพราะว่าจะทำให้เราไม่หลงเข้ารกเข้าพงทางความฟุ้งซ่าน
คลื่นปัญญานี่
จุดเริ่มต้นมาจากการที่ ผมทราบความจริงโลกภายในของนักเจริญสตินี่นะ
จุดเริ่มต้นไม่ว่าจะทำอะไรมาได้แค่ไหนแล้วนี่ ถ้าหากว่าเรากำลังฟุ้งซ่านอยู่
แล้วนั่งหลับตาขึ้นมา จะหลงเข้ารกเข้าพงความฟุ้งซ่านทันที
เป็นป่าของความฟุ้งซ่านที่ไม่มีใครหนีออกมาได้ พูดง่ายๆ พอหลับตาไปแล้ว
ลืมว่าจะต้องภาวนาอย่างไร
แต่ถ้าหากว่าได้แอนิเมชันเป็นตัวไกด์ว่า เออ
ยังไม่ต้องหลับตานะ ดูก่อน ว่าให้ทำอย่างไร เช่น ให้หายใจให้ถูกต้อง
แล้วถ้าหากว่าเราหายใจได้อย่างถูกต้องตามลำดับ มันเกิดความรู้สึกว่า
มีสติเข้ามาในกาย รู้เข้ามาทางใจ ว่ากำลังมีภาวะเป็นอย่างไรอยู่
อันนี้ก็จะทำให้เราไม่หลงเข้ารกเข้าพงทางความฟุ้งซ่านทุกวัน
ทุกวันเราจะเข้าที่เข้าทางถูกต้องได้ อันนี้คือประโยชน์ของคลื่นปัญญา
นี้คือ
ไม่ใช่ว่า เราจะต้องดูตลอดเวลา คือถ้าหากว่ามันจำได้ มันขึ้นใจ
เราก็สามารถที่จะทำไปโดยไม่ต้องดูก็ได้ แต่ตัวคลื่นสมาธินี่ ไม่ได้ให้ปัญญานะ
อย่างอันนี้ผมก็เน้นย้ำมาตั้งแต่แรกเลย มันเป็นการจูนคลื่นสมองนะ ในย่านที่มันช้า
ที่วิ่งช้า ให้เด่นกว่าคลื่นย่านอื่นๆ
พูดง่ายๆ
ตามภาษาชาวบ้าน คิดแบบนี้ก็ได้ว่าคลื่นสมองจะช้าลง
จากที่หมุนจี๋อยู่เป็นความฟุ้งซ่านแบบคนปกติธรรมดาทั่วไปแบบที่หาเช้ากินค่ำนี่
พอช้าลง ก็พร้อมจะเป็นสมาธิ พอพร้อมเป็นสมาธิ
ก็พร้อมที่จะเจริญสติเห็นอะไรตามจริงโดยไม่มีความฟุ้งซ่าน
หรือมีความอยากอะไรไปล่วงหน้านะครับ นี่คือประโยชน์ของคลื่นสมาธิ
ทีนี้ ตัวที่จะทำให้เราเกิดปัญญาได้จริงๆ
นี่ คือการสังเกต แล้วขึ้นใจว่าเริ่มต้นขึ้นมา ที่จะเจริญสตินี่
เราต้องทำอย่างไรก่อนเป็นอันดับแรก อันนี้ผมถึงให้ความสำคัญ เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านให้ความสำคัญกับอานาปานสติ
ผมโชว์แอนิเมชันแบบนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่านี่นะ
ก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ อยากให้หายใจกันเป็น เพราะถ้าหายใจกันเป็น มีความขึ้นใจแล้ว
เราไม่ต้องอาศัยการดูคลิปคลื่นปัญญาก็ได้
คลิปต่างๆ
นี่จริงๆแล้วจะต่อยอดให้แอดวานซ์ขึ้นเรื่อยๆ นะ
มันมีความเข้าใจโลกภายในแบบถูกทิศถูกทางของมหาสติปัฏฐานสูตรนะครับ คือแทนที่เราจะต้องไปอ่าน
แล้วก็ทำความเข้าใจ ตีความมหาสติปัฏฐานสูตรด้วยตัวเอง ซึ่งผมเคยเขียนหนังสือมานะ
ทั้งเล่มเลย แต่ก็พบความจริงว่า ถ้านึกภาพไม่ออก หรือต้องตีความ
หรือต้องอาศัยความเชื่อ โน่น นี่นั่นอะไรเข้ามา มันทำตามยาก
แต่ถ้าหากว่าเอาแอนิเมชัน
มาเป็นตัวไกด์ไลน์แบบนี้ ไม่ต้องตีความ มันทำตามได้เลย
แล้วก็เห็นได้ด้วยตัวเองนะครับว่า มันมีประสบการณ์ภายในที่แตกต่างไปอย่างไร
สรุปนะ
ว่าตัวคลื่นสมาธิ กับคลื่นปัญญานี่ พอยต์มันต่างกัน จุดประสงค์คนละเรื่องกันเลยนะ
แต่ว่ามีความสืบเนื่องกันอยู่คือ ถ้าหากว่าคุณมีสมาธิได้ คลื่นสมองของคุณช้าลง
โอกาสที่จะรู้เห็นภาวะทางกาย และทางใจตามจริง ก็สูงขึ้น
พอใครมีสมาธิดีๆ
มาดูแอนิเมชัน ทีเดียวมันเก็ตเลยว่า อ๋อ อย่างนี้เอง ก็นี่คือพอยต์ที่แตกต่างกันนะครับ!
______________
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน ฝึกสติแบบไหนไม่ขี้ลืม?
วันที่
20 มิถุนายน 2020
คำถามเต็ม
: คลื่นปัญญา vs
คลื่นสมาธิ คือทุกวันนี้ ฟังคลื่นพร้อมนอนทุกคืน
ไม่ก็ปัดความฟุ้งซ่าน แต่คลื่นปัญญาจะดูเมื่อร่างกายพร้อมมากกว่าค่ะ
เพราะพอเพลียจะเผลอหลับ เพราะต้องจ้องหน้าจอ
เลยสงสัยว่าการที่เราฟังคลื่นสมาธิมากกว่าคลื่นปัญญา
จะทำให้การพัฒนาก้าวหน้าไม่ดีเท่าการฝึกคลื่นปัญญาทุกวันใช่ไหมคะ
ถอดความ
: เอ้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น