ดังตฤณ : ตัวความซาบซ่านคือลักษณะของปีตินะครับ
ปีติถ้าหากว่าเอาตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกให้ดูนะครับ
ก็คือดูว่ามันเที่ยงหรือไม่เที่ยงในแต่ละลมหายใจ ดูประกอบไปในแต่ละลมหายใจเลยนะว่า
ความซาบซ่านนั่นน่ะ มันมีขึ้นมีลงหรือเปล่านะครับ หรือว่ามีความสม่ำเสมอ
ถ้าสม่ำเสมอบอกว่า
โอ้โหเนี่ยเป็นชั่วโมงๆเนี่ยไม่ต่างกันเลย ก็ดูไปว่ามันมีความยาวนานได้หนึ่งชั่วโมง
แต่ชั่วโมงนึงผ่านไปมันยังซาบซ่านเท่าเดิมมั้ย ไม่มีทางหรอกนะครับ
คือมันต้องเปลี่ยน ถ้าไม่เปลี่ยนขาลง ก็ต้องเปลี่ยนขาขึ้น
คือขาขึ้นเนี่ยนะมันจะเย็น
เย็นเหมือนเราอยู่ในจักรวาลแห่งความเย็น ที่ไม่มีอะไรทั้งในตัวแล้วก็นอกตัวเลยซักกะเบียดนิ้วเดียวที่มันมีความร้อนนะครับ
ตรงนี้เรียกว่า
มันจะมีพัฒนาการของมันไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่าเราแค่รู้ตามจริง สังเกตตามตรงนะครับว่า
เกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการของการเกิดปีติ
ปีติพาเราไปรู้รสอะไรได้แค่ไหนในแต่ละลมหายใจ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสในอานาปานสติว่า
หายใจออกให้รู้ปีติ หายใจเข้าให้รู้ปีติ รู้เพื่ออะไร รู้เพื่อให้เห็นว่า
แต่ละลมหายใจมันต่างไปเรื่อยๆ จากปีติเป็นปราโมทย์ จากปราโมทย์เป็นสงบระงับอะไรอย่างนี้นะครับ
มันก็กลายเป็นสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ โดยอาศัยลมหายใจในแต่ละครั้งมาสังเกตมาจับจุด
------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๒๓
พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม เวลาภาวนา
มีความผ่อนคลาย รู้สึกตัวทั่วพร้อมลมหายใจหาย
และนานๆทีก็มีกลับมาทางจมูกนิดๆ แล้วก็รู้ธรรมเฉพาะหน้า
ไปเรื่อยๆ
มีความซาบซ่านทั่วร่างกายแทบจะตลอดเวลา
มีส่วนไหนที่ต้องทำเพิ่ม
.. ?
ระยะเวลาคลิป ๒.๒๕ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=6z5uY-oTEBY&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=16
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น