ดังตฤณ : อันนี้ทราบได้นะครับ เพราะว่า คนเนี่ยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้นะครับ
ในยุคที่มันเหมือนกับมีตาข่ายสีดำห่อหุ้มโลก แล้วก็คอยจะฉุดให้คนลงต่ำอยู่ตลอดเวลา
ต่อให้พยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นที่สูงเนี่ย มันก็จะมีอะไรบางอย่างมาฉุดขา มายื้อให้ลงเหวให้ได้
มันกำลังเป็นกันโดยมากเลย
ก็ขอให้พิจารณาว่า
จิตที่มันคิดไม่ดี จิตที่มันคิดร้าย จิตที่มันคิดหยาบคาย
มันก็มาจากเชื้อของการพูดการจาที่เรายังมีอยู่นั่นแหละ ถ้าวันๆเรายังพูดจาหยาบคาย
ยังเล่นหัวกับเพื่อนด้วยคำที่ด่าพ่อล่อแม่อะไรแบบนี้เนี่ย
นั่นน่ะมันก็เป็นเชื้อแล้วให้เกิดความคิดไม่ดีที่จะลบหลู่
คุณเคยมั้ย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายนะ ชื่อเพื่อนมีให้เรียกดีๆไม่เรียก เรียกชื่อพ่อชื่อแม่
แล้วก็ใช้คำที่มันเป็นของต่ำทางเพศมาแสดงความสนิทสนมกัน
ไอ้คำพวกนี้เราบอกว่าพูดเล่น ไม่ได้คิดอะไร มันสนิทกัน แต่แท้ที่จริงเนี่ย
มันไปฝังอยู่
พระพุทธเจ้าถึงตรัสบอกนะครับว่า
แม้แต่คำหยาบคาย แม้แต่คำที่มันมีความรุนแรงเนี่ยนะครับ อย่าพูดเลย
ไม่พูดเลยดีที่สุด ไม่พูดเลยก็ไม่เป็นมุสาวาท
มุสาวาทไม่ได้มีแต่โกหกอย่างเดียวนะครับ
มีพูดคำหยาบ มีพูดนินทาว่าร้ายประทุษร้าย หรือว่าพูดเพ้อเจ้อ พวกนี่เนี่ยคำพวกนี้มันมาฝังอยู่ในจิตในใจนะครับ
มันมาบันทึกอยู่ในระบบของสมอง
โหมดการทำงานของสมองมันจะสวิทซ์เข้าโหมดแบบตกต่ำ
อยู่ดีๆเนี่ยมันเอามาโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ไปคิดอะไรหยาบๆคายๆ
หรือว่าอะไรที่มันเหตุให้เกิดความทรมานใจ มันก็เพราะว่ามีพื้นอยู่
ถ้าหากว่าเราตั้งใจถือศีล
เราจะงดการพูดอะไรที่มันหยาบๆร้ายๆ อะไรที่มันระคายโสตทั้งหลายไม่เอาเลย
อันนี้ก็เป็นขั้นต้นแล้วที่จะให้เกิดการออกห่าง
ปลีกตัวออกห่างมาจากวิถีแห่งจิตที่มันพร้อมจะตกต่ำนะครับ
นอกจากนั้น
ก็ควรที่จะมีสติพิจารณาว่า แต่ละครั้งที่เกิดความคิดร้ายๆขึ้นมาในหัวเนี่ย
เราไม่ได้เชื้อเชิญมา แล้วเราก็ไม่มีความสามารถที่จะไปกำหนดด้วยว่า จงมา ณ
เวลาหกโมงเช้า จงออกไป ณ เวลาหกโมงหนึ่งนาที แบบเนี้ยมันไม่ได้
มันเข้ามาได้ก็เพราะว่ามันไม่ใช่เรา
มันไม่ได้อยู่ในอำนาจของเราที่จะเชื้อเชิญมันมา หรือว่าขับไล่มันไป
เราพิจารณาอยู่อย่างนี้แล้วเกิดสติว่า ตกลงเนี่ยความคิดร้ายๆมันไม่ใช่เรา
มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา อันนี้มันก็จะเกิดความสบายใจขึ้นมา
หรือพัฒนาขึ้นไปกว่านั้น
เรามองว่าเวลาเกิดคำอะไรที่มันหยาบๆ คายๆ ร้ายๆขึ้นมาในหัวเราในใจเรา เหมือนหนามที่ทิ่มตำให้เกิดความเจ็บที่จิตวิญญาณ
เสร็จแล้วไอ้หนามนั้นเนี่ย เราจะเลี้ยงไว้ด้วยความทรมานใจ เอามาทิ่มตำตัวเองต่อ
หรือจะมีสติเห็นว่า เออมันทิ่มแล้ว ถ้าเราไม่เอามากอดไว้ ไม่มานึกว่าเป็นของเรา
มันก็ทิ่มแป๊บนึง แล้วมันก็สลายตัวหายไป เห็นอย่างนั้นบ่อยๆได้ มันก็เกิดความรู้สึกว่า
เออไอ้ตัวธรรมารมณ์ หรือว่าความคิดอะไรหยาบๆ
ที่มันเป็นอกุศลดำมืดก็เป็นส่วนหนึ่งที่มาแสดงความไม่เที่ยง
แล้วจิตของเราเองมีความทุกข์เป็นปฏิกิริยาโต้ตอบออกมา ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งเป็นคนละข้างกันคนละส่วนกัน
แล้วก็แสดงความไม่เที่ยงเหมือนกันนะครับ
---------------------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๑๖
พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม จะมีจิตลบหลู่ครูบาอาจารย์
หรืออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือ
หรือทั่วไป ทำความรำคาญใจมากเลย ทำอย่างไรดีครับ?
ระยะเวลาคลิป ๕.๕๑ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=v94qJT8nb2M&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=29
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น