ดังตฤณ : อันนี้ก็เป็นคำถามมาอยู่เรื่อยๆนะครับ (ทวนคำถาม)
ยิ่งมาปฏิบัติธรรมยิ่งทำบ่อยๆ ก็รู้สึกว่า บางทีเหมือนมีกรรม หรือมีเหตุของกรรมที่ยังติดตัวมาให้เรามีทุกข์
คล้ายๆมารมาขวาง หรือว่าอุปสรรคมากั้น หรือว่ามีว่ามีของอะไรมาท้าทายลองใจพิสูจน์ใจ
คืออย่างบางคนบอกว่าตั้งใจถือศีล
คือตอนไปวัดเวลาที่พระบอกว่า ให้ตั้งใจสมาทานศีล แล้วท่านก็นำปาณาติปาตาเวรมณี
เราก็สวดตามเป็นนกแก้วนกขุนทองไปอย่างนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นชีวิตก็ยังดีๆ นั่นเพราะว่า
เรายังไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คือท่านให้ว่าตามยังไงเราก็ว่าตามไปอย่างนั้น ใจไม่ได้เอาด้วย
ความตั้งใจจริงๆที่ออกมาจากส่วนลึกก้นบึ้งเนี่ย มันแค่บอกว่า ท่านให้สวดเราก็สวด
แต่ตอนที่นอนๆอยู่นั่งอยู่
แล้วเริ่มกลัวบาปกลัวกรรมขึ้นมาแล้ว เริ่มเชื่อแล้วว่า ผลของกรรมมีจริง
แล้วก็ถ้าจะปฏิบัติภาวนาเพื่อให้พ้นทุกข์ได้ ต้องถือศีลให้สะอาด
แล้วเราเกิดมีกำลังใจ มีแรงบันดาลใจพอที่จะตั้งจิตอธิษฐานว่า
เราจะรักษาศีลให้สะอาดทุกข้อ ตัวนี้แหละมันเริ่มเข้าทางที่จะเป็นผู้อยู่บนเส้นทางสีขาวนะครับ
ผู้อยู่บนปากทางนิพพาน
สังสารวัฏเนี่ยเขาจะ
คือ มองได้สองแบบนะ คือสังสารวัฏเขาจะช่วยส่งเสริมให้เราได้สมคำอธิษฐาน
โดยการส่งแบบฝึกหัด หรือว่าบทพิสูจน์ใจมาให้ทำดูว่าจะผ่านมั้ย
หรือบางคนก็มองว่า
เนี่ยโดนแกล้งโดยมาทำให้เราต้องเป๋ เราต้องละล้าละลังลำบากใจ
แหมถ้ามันไม่ได้โกหกก็จะอดของที่ต้องการ หรือว่าคนที่อยากได้อะไรแบบนี้เนี่ยนะ
มันเหมือนเราเล่นเกม แล้วก็มาถึงจุด มาถึงด่านที่บอกว่า อยากผ่านด่านนี้ไปมั้ย
ถ้าผ่านด่านนี้ไปได้เดี๋ยวสบายแน่ แล้วสบายยาวๆเลย สบายแบบเป็นต่อ
อย่างตอนนี้พุทธศาสนายังมีอายุอยู่เนี่ยนะ ยังไม่สิ้นอายุพุทธศาสนา
เรามีสิทธิ์ที่จะขึ้นบันไดต่อไปได้เรื่อยๆถึงนิพพานเลยนะครับ
โดยธรรมชาตินะครับ
คำว่า “สังสารวัฏ” ก็คือแรงดึงดูดให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวังวนนี้
ทีนี้ถ้าเราบอกว่าเราจะออก เขาก็ส่งแรงดึงดูดมากระทำ จงอยู่ต่อ จงอยู่ต่อ
หรืออีกทางนึง อาจจะได้รับการส่งเสริมด้วยการพิสูจน์ใจให้ได้ก่อนว่า
เนี่ยจะออกไปใช่มั้ย ลองผ่านด่านนี้ก่อน ผ่านด่านของศีล
ถ้าเราตั้งใจรักษาศีล
เราสามารถทำได้มั้ย ถ้าทำไม่ได้นี่ คือที่มันจะยากยิ่งกว่านี้เนี่ย
คือไปถึงขั้นภาวนาแล้วก็ทิ้งกายทิ้งใจทิ้งอุปาทานว่ามีตัวตนในกายใจเนี่ย
มันยิ่งเป็นไปไม่ได้นะครับ มันอยู่ยอดเขาเลย อันนี้อยู่แค่ตีนเขาเฉยๆ
การให้ทานก็ดี
หรือว่าการรักษาศีลก็ดี หรือการปฏิบัติธรรมภาวนา มันอันเดียวกันนั่นแหละ คือ
การทิ้งของที่มันรกรุงรัง ของที่มันหนักอึ้ง ของที่มันมืด ของที่มันทำให้เป็นทุกข์
ของที่มันทำให้กระวนกระวายออกไป
ทีนี้ถ้าเราตั้งใจทำทาน
รักษาศีล แล้วเหมือนกับรักษาไม่ได้ หรือพอมีการปฏิบัติธรรมภาวนา
แล้วมีเรื่องยุ่งยากใจเข้ามา อดคิดไม่ได้ อันนี้ก็ขอให้ลองเป็นขั้นๆนะครับ
ทำทานเพื่อที่จะสละความตระหนี่
รักษาศีลเพื่อที่ห้ามใจให้อยู่ให้อยู่ แล้วก็ทิ้งความโลภโมโทสันที่มันเป็นของผิดๆออกไป
แล้วจากนั้นถึงขั้นที่จะภาวนาแล้ว ถึงมีเรื่องยุ่งยากใจอะไรเข้ามา
มีอะไรมากลุ้มรุมให้เกิดความฟุ้งซ่าน มันก็จะมีความรู้สึกขึ้นมาว่า เรามีของ
เรามีกำลังมากพอที่จะผ่านมันไปได้เป็นขั้นๆ เป็นเปราะๆ นะครับ----------------------------------------
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์ ๒๓
พฤษภาคม ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม ยิ่งมาปฏิบัติธรรมยิ่งทำบ่อยๆ
ก็รู้สึกว่าบางทีเหมือนมีกรรม
หรือมีเหตุของกรรมที่ยังติดตัวมาให้เรามีทุกข์และแก้ปัญหาบ่อยๆ
เหมือนล้างจิตใจหรือเปล่าครับ?
ระยะเวลาคลิป ๕.๑๒ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=aO6Cf0L8I88&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=11
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น