วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2564

02 พร้อมรู้ว่าไม่มีตัวตน : โพลที่ ๑ ระหว่างวัน รู้สึกถึงลมหายใจพร้อมอิริยาบถปัจจุบันแค่ไหน

ดังตฤณ : รบกวนช่วยทำโพลนิดหนึ่ง เพราะจะเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคืนนี้โดยตรงนะครับ โพลถามง่ายๆ เลยว่า

 

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวัน คุณรู้สึกถึงลมหายใจพร้อมอิริยาบถปัจจุบันแค่ไหน

- บ่อยมาก เป็นปกติ

- บ่อยกว่าเมื่อก่อน

- ไม่บ่อยนัก

- ไม่มีเลย

 

ไม่ใช่แค่ลมหายใจนะ ฟังคำถามดีๆ นะครับ

คุณรู้สึกถึงลมหายใจพร้อมอิริยาบถปัจจุบัน ที่กำลังเป็นอยู่นี้

ไม่ว่าคุณอยู่ในชีวิตประจำวัน ลืมตา ยืนเดิน นั่ง นอน อย่างไรก็แล้วแต่

 

มีความรู้สึกขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ เองไหมว่า

ลมหายใจนี้ เข้ามาในร่างแล้วก็ออกไปจากร่าง

ที่กำลังอยู่ในอิริยาบถ อยู่ในท่าทางนั้นๆ

โดยที่คุณไม่ได้คิดที่จะตั้งใจ ทำให้เกิดขึ้นนะ

 

ชอยส์แรกคือ บ่อยมากจนกระทั่งรู้สึกเป็นปกติ ที่จะเกิดความรู้สึกถึงลมหายใจพร้อมอิริยาบถ

ชอยส์ที่สอง คือบ่อยกว่าเมื่อก่อน

ชอยส์ที่สาม คือไม่บ่อยนัก

ชอยส์ที่สี่ คือไม่เกิดขึ้นเลย

 

เอาตามจริงนะครับ เพื่อที่เดี๋ยวเราจะได้มาคุยกัน

ในแง่ของพัฒนาการที่เกิดขึ้น

 

อย่างเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผมเคยถามไปทีหนึ่ง ตั้งคำถามเป็นโพลนะ

ว่าอยู่ๆ รู้สึกถึงลมหายใจขึ้นมาเองได้บ่อยๆ ไหม ในระหว่างวันนะครับ

 

ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณบอกว่า เราทำอานาปานสติมา

จนกระทั่งจิตเริ่มคุ้น เริ่มชินกับสติ ที่จะมารู้สึกถึงลมหายใจ

 

แต่วันนี้ เลื่อนขั้นขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง

เอาสิ่งที่ประกบติดเข้ามาพร้อมกับลมหายใจ

นั่นก็คืออิริยาบถ ที่กำลังเป็นภาวะปัจจุบันอยู่

 

ถ้าหากว่าบ่อยมากเป็นปกติ ตรงนี้ สติคุณเริ่มเป็นอัตโนมัติ

นี่แหละคือข้อแรกของโพชฌงค์ แต่เดี๋ยวเราจะมาลงรายละเอียดกัน

 

อันนี้พูดกันเพื่อทำความเข้าใจคร่าวๆ ก่อนนะครับว่า

สำหรับท่านที่รู้สึกถึงลมหายใจ ประกอบกับอิริยาบถที่กำลังเกิดขึ้นอยู่

ณ ขณะนี้ ที่กำลังตั้งอยู่ในท่าทางอยู่อย่างนี้

 

ถ้ารู้ได้บ่อยๆ รู้ได้รู้สึกเป็นปกติ อันนี้แหละ ที่เข้าทาง

ที่เริ่มมีชนวน แบบที่เป็นโพชฌงค์ เป็นสติสัมโพชฌงค์

 

แต่ถ้าหากว่า เอาแค่บ่อยกว่าเมื่อก่อน

ก็ถือว่าทำให้ตัวเราเองเห็นนะว่า เราคืบหน้ามาตามลำดับ

 

คำว่า บ่อยกว่าเมื่อก่อน อาจจะไม่มีปริมาณชัดเจน

แต่อาศัยความรู้สึกว่า เดิมที เราไม่ค่อยรับรู้เกี่ยวกับลมหายใจเลย

แต่ช่วงที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่รับรู้ลมหายใจอย่างเดียว

มีอิริยาบถที่กำลังเป็นที่ตั้งของลมหายใจ ณ บัดนั้น ปรากฏพร้อมไปด้วย

 

ซึ่งเป็นสัญญาณบอกนะ

 

ถ้ารู้สึกได้บ่อยขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้สึกเป็นปกติ

แต่นั่นแหละ ที่บอกเราแล้วว่า เราเดินมาตามทาง

แล้วเรากำลังจะถึงจุดที่ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรียกว่า

เป็นสติ แบบสติสัมโพชฌงค์

 

คือถ้าหากว่าเป็นอัตโนมัติ เป็นปกติขึ้นมาเมื่อไร

ตัวนี้ ที่เริ่มมีความพร้อม เริ่มมีองค์ที่จะเอื้อให้กับจิต

อยู่ในภาวะรู้ตามจริงว่า กายใจนี้ไม่ใช่ตัวตน

คือรู้จริงๆ รู้แบบออกมาจากความเป็นปกติของจิตเลย

 

ส่วนที่บอกว่าไม่บ่อยนัก คือรู้บ้าง

อย่างน้อยคุณก็จะยังมีมุมมอง หรือความรู้สึกเกี่ยวกับการปฏิบัติอยู่นะ

ว่า ระหว่างวัน บางทีก็รู้ขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าจะนานๆ ที

วันหนึ่งรู้ได้แค่ครั้งเดียว หรือว่าวันหนึ่ง รู้ได้แค่ 2-3 ครั้ง

แต่ในที่สุดแล้ว คุณจะเห็นว่า 2-3 ครั้งนั้นต่อวัน เป็นสะพานเชื่อม

 

ถ้าหากว่ากลับบ้าน แล้วคุณมีแก่ใจที่จะมานั่งสมาธิ หรือเดินจงกรม

จะเชื่อมโยงกัน กับสติในระหว่างวันได้นะ

 

2 - 3 ครั้งนั้น มีผลแล้ว ที่เวลาเราเริ่มมานั่งสมาธิ

เราจะรู้สึกว่าไม่ได้เริ่มต้น ด้วยความแปลกหน้ากับประสบการณ์ภายใน

ไม่รู้สึกแปลกหน้ากับโลกภายใน

แต่รู้สึกว่ามีอะไรแบบนี้มาก่อน

 

ส่วนที่บอกว่าไม่มีเลย ก็อาจจะเป็นท่านที่เพิ่งมาใหม่

 หรือว่าอาจจะทำๆ มา แต่ไม่จริงจังนัก เราก็ไม่ว่ากันนะ

 

ถ้าหากว่าเรารู้สึกถึง ลมหายใจพร้อมกาย ในระหว่างวันได้ ก็เป็นเรื่องดี

 

แต่ถ้าไม่รู้สึกเลย ไม่ได้หมายความว่า เราไม่มีสิทธิ์

แต่ต้องมีแก่ใจเพิ่มขึ้นนะ

 

สำหรับโพลแรกที่ออกมานะครับ ถือว่าใช้ได้นะ

 

บ่อยมากเป็นปกติ 15% ซึ่งจริงๆ แล้วถือว่าเยอะนะครับ

ถ้าเรามองว่า คนคนหนึ่ง ฝึกอานาปานาสติ ฝึกสติปัฏฐานมา

จนกระทั่งเกิดความรับรู้ได้เป็นปกติว่า

ลมหายใจประกอบกับร่างกาย ในท่าหนึ่งๆ กำลังปรากฏอยู่อย่างไร

 

จะเปลี่ยนความเคยชิน เปลี่ยนโลกภายในแบบเดิมๆ ที่รู้สึกว่า

มีตัวเราอยู่แน่ๆ กำลังคิด กำลังอ่าน

กำลังพยายามทำอะไรบางอย่างอยู่ในโลก อยากได้อะไร ไม่อยากได้อะไร

 

เปลี่ยนมาเป็นว่า กำลังมีกายนี้ ที่มีลมหายใจเข้าออก ปรากฏอยู่

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากในโลก

แต่อันนี้เกิดขึ้น 15 เปอร์เซนต์ จากพวกเรานะครับ ก็ถือว่าไม่น้อย

 

ส่วนที่บอกว่าบ่อยกว่าเมื่อก่อน 58%

ก็แปลว่ามีสัญญาณบอกกับคนส่วนใหญ่ในพวกแล้วนะว่า

มีความหวังเป็นไปได้จริง ที่จะไปให้ถึง

 

เพราะว่าการที่เรารู้สึกบ่อย คำว่าบ่อย .. บ่อยกว่าเมื่อก่อน

หมายความว่าเราก้าวหน้ามากกว่าแบบเดิมๆ ที่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

หลงวนอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้นะครับ

ตอนนี้ เรามาตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านปูไว้แล้วแน่ๆ

 

ส่วนที่บอกว่าไม่บ่อยนักก็ 20%

 

อยากที่บอกนะครับ ไม่บ่อยนัก

แต่ถ้าหากว่าเกิดขึ้นบ้างในระหว่างวัน

เราก็สามารถเอามาต่อติด กับตอนนั่งสมาธิเช่นกัน

 

สำหรับโพลล่าสุดนะ คือ 14 เปอร์เซนต์ ที่บ่อยมากจนเป็นปกติ

 

คุณน่าจะรู้สึกว่าตัวเองลงเป็นสมาธิได้ง่าย

แล้วพอเกิดสมาธิขึ้นมา คุณจะพบว่า

หายใจก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา

รู้สึกถึงท่านั่ง ก็รู้สึกว่าท่านี่ อิริยาบถนี่

สักแต่เป็นอิริยาบถนั่ง ไม่มีใครนั่งอยู่

 

พอรู้สึกเป็นสุขล้นหลามขึ้นมา ก็มีสิทธิ์ที่จะเท่าทันว่า

สุขล้นหลามนี้ เป็นแค่ภาวะปรุงแต่งทางใจชั่วคราว เดี๋ยวก็หายไป

 

จะไม่เกิดความติดใจ เหมือนเอากาวมาแปะ

อย่างคนอื่นๆ ที่ทำสมาธิแล้วเกิดสุขล้นหลาม

 

ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่โอเคมากๆ เลยนะ

กว่าครึ่งของพวกเรานี่ รู้สึกได้บ่อยกว่าเมื่อก่อนนะครับ

 

คืนนี้ถือว่า เราน่าจะมาเข้าเรื่องของโพชฌงค์ 7 กันได้

แบบที่ไม่เคอะเขิน ไม่รู้สึกว่า นี่เป็นเรื่องเกินเอื้อม

 

แต่ตรงข้ามนะครับ เป็นเรื่องที่คู่ควรกับเรา

ที่ได้มีวาสนาพอ จะพบกับคำสอนของพระพุทธเจ้า

แล้วก็ต้องขอบคุณตัวเองที่ได้ทำ

แล้วก็ได้ยืนอยู่ ตรงจุดที่ได้ทำนี่มานานพอนะครับ

 

เพราะถ้าหากว่าได้ทำ แต่ว่าทำแบบเหยาะๆ แหยะๆ แป๊บเดียวเลิก

ต่อให้มีวาสนาแค่ไหน โชคดี

หรือว่าบุญเก่ าบันดาลความพร้อมอะไรให้เต็มพิกัดแค่ไหน

ในที่สุด ก็พลาดไปนะ

___________________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน พร้อมรู้ว่าไม่มีตัวตน

- ช่วงโพลที่ 1

วันที่ 16 ตุลาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=o-lbvgKos_0

ผลโพล Final



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น