วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Q03เห็นความคิดผุดเกิดดับ ควรพิจารณาสภาวะอย่างไรให้ได้ประโยชน์

ดังตฤณ : ภาวะแบบนี้ เป็นเรื่องดี คือเราเห็นสังขารขันธ์ โดยความเป็นของไม่เที่ยง

 

แต่สังขารขันธ์มีอยู่หลายชนิด นี่เป็นชนิดหนึ่ง แค่เรารู้ เราเข้าใจว่าเรากำลังเห็นสังขารขันธ์ชนิดหนึ่ง แล้วเราจะไม่ปิดกั้นในการเห็นสังขารขันธ์ที่จะตามมา

 

ยกตัวอย่างเช่น เกิดปีติสุข เกิดความโล่งว่าง แล้วหลังจากนั้น มีอะไรมาแทนที่อีก ความโล่งความว่าง ความรู้สึกว่าดับหมด ความคิดไม่เหลือ ก็เป็นสังขารขันธ์ชนิดหนึ่งนะ เป็นอาการปรุงแต่งจิตชนิดหนึ่ง

 

คุณจะรู้สึกโล่งว่างแค่ไหนก็ตาม นั่นแหละสังขารขันธ์ทั้งสิ้นเลย เป็นอาการที่ปรุงแต่งจิตให้เห็นไป ให้รู้สึกไปว่าโล่ง ว่าว่าง

 

หลังจากนั้น สังขารขันธ์ชนิดไหนตามมาอีก ก็ให้ดูไป ส่วนใหญ่ พอโล่ง ว่าง หายไป จะรู้สึกเหมือน .. อ้าว ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว ไม่รู้จะดูอะไร เกิดความสงสัยขึ้นมา

 

ความสงสัยนั้นแหละ ที่มาแทนความโล่ง ความว่างแล้ว เป็นสังขารขันธ์ชนิดใหม่ ที่เข้ามาแทนที่สังขารขันธ์แบบโล่งว่างแล้ว

 

แต่คนทั่วไปรู้ไม่ทัน เพราะไม่ได้บัญญัติไว้ก่อน ไม่ได้จำไว้ก่อนว่าอย่างนี้ก็เรียกว่าสังขารขันธ์เหมือนกัน

 

พอเรามีความรู้ มีความเข้าใจทิศทางการภาวนาของเรา การดำเนินจิตขั้นต่อไปของเราก็จะตรงทางขึ้นไปอีก มีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นไปอีก

 

____________________

ทำสมาธิแล้วเกิดความคิดเป็นประโยคยาวๆพอรู้ก็ดับไป และเกิดขึ้นใหม่เป็นประโยคสั้นลง รู้แล้วดับไปเรื่อยๆจนเหลือคิดเป็นคำๆ  รู้แล้วดับ จนถึงความคิดยังไม่เป็นคำก็รู้แล้วดับไป ก่อนเห็นความคิดผุดขึ้นแล้วดับคล้ายๆฟองออกซิเจนในตู้ปลา จนดับหมด ว่างเปล่า เกิดปีติสุข แล้วออกจากสมาธิ คืนต่อมาเกิดขึ้นอีก คราวนี้ความคิดแสดงเป็นภาพ ยาวและสั้นลงตามลำดับเหมือนเดิม จนดับหมด โล่งว่าง เกิดปิติสุข สักครู่ก็ออกจากสมาธิ ควรพิจารณาสภาวะนี้อย่างไรถึงจะได้ประโยชน์ที่สุดครับ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน รู้จักอนัตตาในระดับของจิต

ช่วงถาม-ตอบ

วันที่ 9 ตุลาคม 2564

ถอดคำ: เอ้

รับชมคลิป: https://www.youtube.com/watch?v=i8fEpvV-gHo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น