ดังตฤณ : เรามาทำโพลกันก่อน คุณจะได้เห็นชัดนะครับ จะเชื่อมโยงกัน กับเรื่องของสัมมาทิฏฐินะ .. คำถามของโพลง่ายๆ นะครับ คือว่า
หลังจากเจริญสติปัฎฐาน 4 มาหลายเดือน ตอนนี้คุณรู้สึก..
- เชื่อมั่นว่าชีวิตนี้สามารถเห็นกายใจทะลุขาด
- ก้ำกึ่ง ไม่แน่ใจว่าบรรลุมรรคผลได้ไหม
- ไม่เชื่อว่าตัวเองจะบรรลุมรรคผลในชีวิตนี้
มีให้เลือกสามชอยส์นะครับ คือ เชื่อมั่นว่าชีวิตนี้สามารถเห็นกายใจทะลุขาดได้
พูดง่ายๆ เห็นว่า มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของคุณ มีความเชื่อมั่นขึ้นมาแล้ว
ชอยส์ที่สอง คือก่ำกึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะบรรลุมรรคผลได้ไหม
คือ พอยต์ในใจของคุณไม่ได้อยู่ที่เรื่องกายใจ แต่ไปฝากอยู่กับคำๆ
หนึ่ง .. คำว่าบรรลุมรรคผล นี่แหละ มีแต่ความลังเลสงสัย หรือมีความรู้สึกอยู่ในใจว่า
ชาตินี้ฉันจะมีสิทธิ์บรรลุมรรคผลได้ไหม
ถ้าหากว่าอยู่ในใจข้อไหน ก็ตอบข้อนั้นนะครับ
พอเราได้ผลโพลมา เราจะคุยกันเรื่องนี้ เชื่อมโยงกับเรื่องมรรคมีองค์
8 ได้นะ
ชอยส์ที่สาม ข้อสุดท้ายก็ถือว่า ไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะถึงมรรคผลในชีวิตนี้
แตกต่างจากข้อสองนิดเดียวนะ .. ข้อสอง นี่ยังก้ำกึ่ง
เหมือนบางทีมีความหวังรำไร
แต่ข้อสุดท้ายนี่คือ ไม่เชื่อเลย ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะมีสิทธิ์กับใครเขาได้
ถึงแม้ว่า จะได้มาปฏิบัติธรรมร่วมกันในไลฟ์นี้แล้วก็ตาม
ก็ขอให้ตอบตามจริงนะครับ ตอบตามความรู้สึกเลย เพราะเราจะได้คุยกันต่อนะ
หลังจากจากโพลออกมา
ระหว่างนี้ ผมมีคลิปสั้นๆ จะให้คุณดู น่าจะเกิดประโยชน์กับหลายๆ
ท่านที่ต้องการจะเช็คสภาพของตัวเองนะ
เราคุยกันเรื่องรู้กายใจโดยความเป็นสภาวธรรม
ขึ้นต้นมา ทำจิตให้ผ่องใส ไร้นิวรณ์ หลายคนก็มักจะถามกันมา
วนๆ นะครับว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า ณ ขณะหนึ่งๆ เรามีความพร้อมจะเห็นกายใจโดยความเป็นรูปนามแล้ว
พูดง่ายๆ จะยกระดับจากสมถะ ขึ้นมาเป็นวิปัสสนาได้
ด้วยความมั่นใจแบบไหน
เอาง่ายๆ เช็คแบบที่เป็นอุบายลัดนะครับ อันนี้ผมทำขึ้นมานะ
ให้คุณไปยืนอยู่หน้าผนัง ผนังเรียบๆ แล้วเอามือเกาะ
ถ้าเอามือเกาะอยู่เฉยๆ คุณก็จะรู้สึกว่ามีตัวของคุณยืนเกาะผนังอยู่
แล้วไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่านั้นนะครับ
แต่ถ้าหากว่าคุณลองสังเกต พอคุณยืนเกาะผนัง ถ้าหากว่าคุณกำลังฟุ้งซ่านอยู่ จะมีความรู้สึกเหมือนกับช่องว่างระหว่างคุณกับผนัง เต็มไปด้วยหมอกควันคละคลุ้ง แล้วก็สังเกตลมหายใจได้ยาก อันนี้ในแง่ที่กำลังฟุ้งซ่านอยู่นะ
แต่ถ้าหากว่า จิตใจของคุณกำลังปลอดโปร่ง แล้วก็แจ่มใสอยู่
จะมีความรู้สึกขึ้นมาอีกแบบหนึ่ง เหมือนมีช่องว่างระหว่างคุณกับผนัง ที่รู้สึกเลย
คือหลับตา แล้วทอดตามองผนังตรงๆ จะเห็นเหมือนช่องว่างระหว่างตัวคุณกับผนัง
มีความชัด มีความใส แล้วก็ภาวะทางใจแบบนั้นนี่แหละ ที่สามารถเห็นลมหายใจได้อย่างชัดเจน
มีลมหายใจเข้า มีลมหายใจออกอยู่
อันนี้เป็นเทคนิค เป็นอุบายง่ายๆ ที่จะเช็คนะว่าจิตของคุณ
มีความพร้อมที่จะรู้ลมหายใจได้แค่ไหน
ก่อนนั่งดูลมหายใจ ก่อนนั่งทำอานาปานาสติ คราวต่อไปลองอย่างนี้ดูก็ได้
ถ้าหากว่ายืนเกาะผนัง หลับตาแล้วก็ทอดตามองตรงๆ มีความรู้สึกเหมือนกับว่า
ไม่มีม่านหมอกระหว่างตัวคุณกับผนัง มีแต่อะไรที่ว่างๆ โปร่งๆ อยู่
นั่นแหละตอนนั้น จิตของคุณมีความพร้อม ที่จะเริ่มต้นรู้ลมหายใจได้อย่างแจ่มชัด
แต่ถ้าหากว่ามีหมอกควันอยู่ ตรงนั้นแปลว่า คุณต้องออกแรง
ถึงจะรู้สึกถึงลมหายใจได้ ซึ่งถ้าหากว่าจูนดีๆ ให้มีความรู้สึกโปร่ง มีความรู้สึกถึงช่องว่างได้เสียก่อน
แล้วค่อยไปนั่งทำอานาปานสติ
คุณจะพบว่า จุดเริ่มต้นมีความชัดเจน มีความแจ่มใส
มีสติ แล้วก็รู้สึกถึงลมหายใจได้ง่ายขึ้น แล้วจะมีผลให้เกิดกำลังใจ ที่จะรู้ลมหายใจได้ในขั้นต่อไปด้วยนะครับ
อันนี้ก็เป็นอุบาย เป็นเทคนิคนะ
สรุปให้ฟังง่ายๆ อีกครั้ง แค่ไปยืนเกาะผนังเรียบๆ
นะครับ
ถ้าหากว่าคุณกำลังฟุ้งซ่าน ก็จะเห็นนะว่า ช่องว่างระหว่างคุณกับผนัง
เหมือนกับมีหมอกควัน มีอะไรที่เป็นความคิดฟุ้งซ่าน วกวน แล้วก็บดบังทัศนวิสัย ไม่ให้เห็นลมหายใจได้ชัด
แต่ถ้าหากว่าใจของคุณกำลังใส กำลังมีความโปร่งอยู่
พอหลับตาทอดตามองผนังตรงๆ จะมีความรู้สึกเหมือนกับ เกิดช่องว่างระหว่างคุณกับผนังให้เห็น
ใสๆ นะครับ
แล้วถ้าหากว่าตอนแรกยังเหมือนกับทึบๆ ลมหายใจยังไม่ชัด
พอดูๆ ไปสักพักหนึ่ง แล้วรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างคุณกับผนังได้อย่างโปร่งใส อันนั้นแหละจิตของคุณถูกปรับแล้ว
ให้มีความพร้อมรู้ลมหายใจนะครับ
เรามาดูโพล แล้วก็เดี๋ยวพูดถึงกันเกี่ยวกับ ความพร้อมรู้ธรรม หรือว่ากายใจด้วยความเป็นอนัตตา หรือว่าเป็นรูปนามนี่นะ
ผมใช้คำนี้เพราะอะไร เพราะไม่อยากให้คุณไปผูกใจไว้กับคำยากๆ
เช่นมรรคผล หรือว่านิพพาน
แต่ถ้าคนที่ได้เพียรปฏิบัติ จนกระทั่งรู้สึกถึงกาย
รู้สึกใจนี้ขึ้นมา เวลามองเป้าหมาย จะไม่มองเป็นคำพูดลอยๆ แต่มองเข้ามาเป็นวัตถุ
ที่จับต้องได้ปรากฏชัดอยู่กับจิต ปรากฏชัดอยู่ในห้วงมโนทวารว่า ที่เราดูอยู่ เราดูกายนี้
ใจนี้ ให้เห็นว่าเป็นอะไร
ถ้าแน่ใจว่า เราดูให้เห็นเป็นอนัตตา ก็เกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาว่า
ยิ่งวัน สติยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วเห็นกาย เห็นใจชัดขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้น อยู่แค่เอื้อม อยู่แค่รำไรนี่ว่า
วันหนึ่ง ก็คงจะเห็นขาดทะลุไปจากกายใจนี้
กายใจนี่ เหมือนกำแพงขวางนิพพาน แต่หากว่าเห็นทะลุไปได้
ก็เจอนิพพาน ซึ่งก็คือได้บรรลุมรรคผลนั้นเอง
อีก 46 % ประมาณครึ่งหนึ่ง
ก็บอกว่าก่ำกึ่งอยู่ ลังเลอยู่ ไม่แน่ใจ ยังแคลงใจตัวเองอยู่ว่าจะทำได้จริงไหม
(ผลโพล) ขอให้ดูเพื่อศึกษานะ ไม่ใช่เพื่อมาซ้ำเติม
หรือว่ามาทำให้รู้สึกเหลิงหลงนะ
__________________
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
รู้ชาตินี้ได้ชาตินี้
- ช่วงโพลที่ 1
วันที่ 23 ตุลาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=rVFgD12n-S0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น