ดังตฤณ : ที่รู้สึกว่าว่าง คือว่างจากอาการฟุ้งซ่านนะ ไม่ได้ว่างหมด คือถ้าคุณยังฟังผมพูดรู้เรื่องนี่ ตรงนี้ไม่ว่างจริงแล้ว แต่ไม่ว่างในลักษณะที่สักแต่รู้
ไม่ว่าง แต่ว่าอยู่ในอาการสักแต่รู้
ถ้าหากว่าสักแต่รู้ สักแต่ดู จะเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
เธอจงเห็นสักแต่ว่าเห็น
ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน
คิดสักแต่ว่าคิด
อย่ายึดมั่นถือมั่น ว่ามันเป็นตัวเป็นตน
ด้วยต้นทุนที่กำลังเกิดขึ้น ณ บัดนี้
ให้ระลึกถึงพระพุทธพจน์บทนี้ไว้ ดูพาหิยสูตรก็ได้ หรือนอกพาหิยสูตรก็มี
ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แบบนี้อีกหลายแห่ง
คือสำทับซ้ำเข้าไป พอคุณดูสังโยชน์มาจนกระทั่งเข้าใจสังโยชน์แล้วว่า
เป็นแค่อาการยึด อาการลวง ลวงจิต ลวงโลก ไม่ได้มีสภาพที่ยึดไว้จริงๆ ไม่ได้มีตัวตน
ที่หลงยึดไว้มาชั่วกัปชั่วกัลป์
จะเกิดอาการว่างขึ้นมา แล้วเห็นว่าไม่ใช่ตัวตนแบบนี้ เราก็ต่อยอดด้วยการจำไว้ว่า
เวลาเห็นแล้วสักว่าเห็น
หน้าตาของจิตจะเป็นแบบนี้
ได้ยินสักแต่ได้ยิน หน้าตาของจิตจะเป็นแบบนี้
คิดสักแต่ว่าคิด หน้าตาของจิตก็จะเป็นแบบนี้
ไม่มีอาการยึด ไม่มีอาการทึกทัก
สำคัญมั่นหมายว่า นั่นเป็นตัวของเรา
____________________
จิตผมเงียบสงบไม่มีความคิดรบกวนไม่มีความฟุ้งซ่าน
แม้ในขณะที่อาจารย์กำลังตอบคำถามอยู่นี้ก็ว่างหมด
อย่างนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
รู้จักอนัตตาในระดับของจิต
ช่วงถาม-ตอบ
วันที่ 9 ตุลาคม 2564
ถอดคำ: เอ้
รับชมคลิป: https://www.youtube.com/watch?v=YcViwtBp-5o
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น