วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

พอเราอายุมากขึ้น เกี่ยวกันไหมคะ ที่อารมณ์ร้อนขึ้น หรือว่าเรามองเห็นสภาวะของอารมณ์มากขึ้น?

 ดังตฤณ :  ความหมายของคำถามก็คือ จริงๆแล้วอาจจะยังโกรธเท่าเดิม หรือว่าอาจจะโมโหเหมือนเดิม แต่ว่ามันเห็นชัดขึ้น มันเท่าทัน มันรู้ทันมากขึ้น

เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าหากว่าเจริญสติเจริญเมตตาในแบบที่พระพุทธเจ้าสอนไปเรื่อยๆ มันเท่ากับว่าเรายิ่งใช้เวลาในชีวิตไปกับการทำความเย็นให้เกิดขึ้นมากขึ้น มากขึ้น

คนทุกคนเกิดมาจากธาตุร้อนเหมือนๆกัน ธาตุร้อนทางใจ เห็นได้ว่าตั้งแต่เด็กๆเกิดอะไรขึ้นนิดขึ้นหน่อย ก็เป็นฟืนเป็นไฟกันหมด เกรี้ยวกราด เปรี้ยงปร้างกันหมด แต่ความเป็นผู้ใหญ่ที่โตขึ้นแบบมีขันติ ทำให้อารมณ์เปรี้ยงปร้างเหล่านั้น การแสดงออกที่มันดิบๆแรงๆแบบเด็กๆ มันค่อยๆลดน้อยถอยลง อันนี้จะเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ทีนี้สิ่งที่มองไม่ได้ด้วยตาเปล่าก็คือ อาการของจิตเราเองที่มันเป็นยังไงอยู่ ถ้าเรามาในทางของการมีสติ มาในทางของการให้อภัยเป็นทาน มาในทางของการแผ่เมตตาแบบที่พระพุทธเจ้าสอนจริงๆ แต่ละวันผ่านไป มันจะมีความรู้สึกว่า ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งนะ ที่เรามานั่งพัฒนาคุณภาพของจิต อย่างเช่นช่วงเวลาล็อกไว้เพื่อการสวดมนต์ หรือว่าเวลาที่ล็อกไว้เพื่อการนั่งสมาธิเดินจงกรม ช่วงนั้นช่วงแรกๆมันก็จะเป็นช่วงของการสำรวจจิต เผชิญหน้ากับมันจังๆว่า ใจของเรายังมีอาการฟุ้งซ่านซัดส่ายอยู่ไหม

อาการฟุ้งซ่านซัดส่ายนั่นแหละ คือตัวชนวนต้นตอของโทสะ ถ้ามีความฟุ้งซ่านซัดส่ายน้อยลง มีความสงบเยือกเย็นมากขึ้น เราจะเห็นเลยว่า วันต่อวันเนี่ย โทสะมันมีอาการกลมกล่อมมากขึ้น ถูกกล่อมเกลาลงมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ

คือมันยังมีอยู่ มันยังกระจายอยู่ มันยังฟุ้ง มันยังโป้งป้างอยู่ข้างในได้ แต่ไอ้ที่จะแสดงออก หรือว่าในแบบที่จะเกิดขึ้นแล้วดับยาก เป็นไฟกองที่ดับยาก เป็นไฟกองที่หาอะไรที่มาทำให้มันสงบลงได้ยาก อาการแบบนั้นมันจะค่อยๆน้อยลงน้อยลง กลายเป็นยังโป้งป้างอยู่ข้างใน ยังมีอาการเปรี้ยงปร้างอยู่ อยากคิด อยากจะพูดอะไรไม่ดี อยากจะทำอะไรไม่ดีออกมา แต่ว่ามันแค่มีอายุสั้นๆ มีอายุขัยแค่ชั่ววินาทีสองวินาที

ถ้าจะให้โทสะดับไปจากจิตอย่างถาวร ต้องบรรลุอนาคามิผลเท่านั้น นอกนั้นเราได้แค่แผ่เมตตาเจริญสติเพื่อให้โทสะมันถูกกล่อมเกลาลง จนมีลักษณะที่กลมกล่อม คือพอเกิดขึ้นวูบหนึ่งเหมือนกับไฟไหม้ฟางดับหายไปอย่างรวดเร็ว อันนี้คือสิ่งที่เราๆท่านๆจะทำกันได้ก่อนที่จะเป็นพระอนาคามีนะครับ

ที่ผมพูดแบบนี้เนี่ย มันก็จะได้ครอบคลุม ไม่ไปตัดสินหรอกว่า เอ๊ะ! ตกลงเราอายุมากขึ้น เราก็เลยยอมรับอารมณ์มากขึ้น แล้วเห็นอะไรที่ชัดขึ้นหรือเปล่า

มองเป็นอย่างนี้ก็แล้วกันว่า ถ้าเราเจริญสติมาถูกทาง เจริญเมตตามาถูกทาง ให้อภัยทานมาสะสมมาอย่างถูกทาง โทสะควรจะลดระดับลงอย่างเห็นได้ชัด มันจะรู้ในใจว่า โทสะที่มีอาการเหมือนไฟไหม้ฟาง มันมีการลุกพรึบขึ้นมา แล้วหายไปในชั่วระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งอึดใจ อันนี้ก็จะชัวร์กว่าชัดกว่าว่า เรากำลังอยู่เส้นทางการพัฒนาสติจริงๆนะครับ

อย่างไปเอาเรื่องอายุมาก หรือว่าอย่าไปมองว่าเป็นเพราะเรามีสติเห็นชัดเจนขึ้นหรือเปล่าอะไรแบบนั้น อย่างนี้มันไม่รู้จะเอามาตรวัดอะไร มาทำให้เกิดการตัดสินได้ว่า ตกลงถูกหรือผิดนะครับ

--------------------------------------------------

๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน แผ่เมตตาแล้วเครียดเกิดจากอะไร?

คำถาม : พอเราอายุมากขึ้น เกี่ยวกันไหมคะ ที่อารมณ์ร้อนขึ้น หรือว่าเรามองเห็นสภาวะของอารมณ์มากขึ้น?

ระยะเวลาคลิป    ๕.๒๗   นาที
รับชมทางยูทูบ    https://www.youtube.com/watch?v=m8ytMdqIy_g&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=7

ผู้ถอดคำ  แพร์รีส แพร์รีส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น