ดังตฤณ : ขอพูดในสองมิตินะครับ
มิติแรก คือมิติของการที่เราถูกวางไว้แล้ว ชีวิตถูกวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วจากวิบากของกรรมว่าจะให้ได้ดีหรือตกยาก จะให้ได้ประสบพบเจอคนที่เป็นมิตรหรือคนที่เป็นศัตรู วางหมากไว้เลยว่าชีวิตเคลื่อนไปถึงจุดไหน อายุเท่าไหร่ปีใด ถึงจะได้เจอเรื่องดีเรื่องร้ายที่เคยทำเอาไว้ กางแผนที่ออกมารู้เลยว่าชีวิตของเราถูกวางแผนไว้ประมาณใด
แต่ไม่ใช่ว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้นอย่างเดียวเสมอไป ขึ้นอยู่กับของใหม่ที่เราสร้างขึ้นมาด้วย กรรมเก่าเหมือนแผนที่ กรรมใหม่เหมือนกับเราเลือกที่จะไปทางลัดหรือทางตรง หรือทางอ้อม หรือทางที่มันวกวน วนเวียน
การที่ถามถึงเรื่องคู่ แล้วนึกว่ามีบุญอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่เราทำลงไปแล้วจะเป็นเหตุให้ได้พบคู่ครองหรือว่าเนื้อคู่ได้เร็วขึ้น อย่างหนึ่งคือเราต้องมองว่า เรากำลังไปผ่าตัดแผนที่ คือมองอย่างนี้ ถ้าเราเชื่อว่ามีคู่บุญของเราอยู่จริง เขาต้องเกิดมาในโลกนี้แล้ว อยู่ในโลกนี้พร้อมกับเราแล้ว ไม่ใช่ว่าเราอายุ ๒๐ ๓๐ แล้วเขายังไม่เกิดอะไรแบบนั้น มันเป็นไปไม่ได้นะ หรือถ้าเป็นไปได้ก็เป็นกรณีพิเศษเฉพาะคู่ที่จะต้องมีเนื้อคู่ที่อายุต่างกันมากๆ แต่โดยทั่วไปเขากำลังอยู่ในโลกนี้แหละ แต่ทำยังไงถึงจะเจอ นี่คำถามของคุณจะเป็นแบบนี้นะครับ
ประเด็นคือ ถ้าเป็นเนื้อคู่กันจริง มันต้องเจอกันในเวลาที่เหมาะสมที่จะมีความเข้าใจกัน ผูกกันได้ด้วยความรู้สึกที่ดี ถ้าไปเร่งรัดจะด้วยวิธีทำบุญ เปลี่ยนฮวงจุ้ย หรือว่าไปทำพิธีบนบานศาลกล่าวเจ้าองค์ไหน หรือจะไปผ่าตัดให้โหวงเฮ้งเปลี่ยอะไรเนี่ยนะครับ ทางลัดเหล่านี้เนี่ย สมมติว่ามันเกิดขึ้นได้จริงนะ มันเอาคู่เก่าของคุณมาเจอกันในเวลาที่ไม่เหมาะสม แทนที่มันจะดี มันอาจกลายเป็นเปลี่ยนคู่บุญให้กลายเป็นคู่เวรได้ง่ายๆเลย
ผมยกตัวอย่างนะครับ อย่างถ้าหากว่า คู่บุญของคุณคือคนที่จะเป็นชาวพุทธด้วยกัน มีศาสดาองค์เดียวกัน มีศรัทธาเหมือนๆกัน เสร็จแล้วคุณไปเร่งรัด บอกว่าขอให้ได้เจอคู่ที่เราเคยทำบุญมาด้วยกัน อุตส่าห์ไปบนบานศาลกล่าว ๗ วัด แล้วปรากฏว่ามาเจอกันจริงๆ ความปรารถนาของคุณมันสมใจ ไปดึงเอาเขามาในขณะที่เขาเป็นคนศาสนาอื่นที่มีความศรัทธาไม่ตรงกัน คราวนี้ก็เริ่มแล้ว คือขึ้นต้นมาอะไรๆก็ดียอมกันทุกอย่าง เธออยากไปบวช ฉันตามไปด้วย อะไรแบบนี้ แต่พออยู่ๆกันไป อ้าว!มันไม่ใช่แล้ว ไอ้ที่คล้อยตาม ไอ้ที่ตามใจอะไรกัน มันเลิกเกรงใจ แล้วก็บางทีมาแซวมาแซะครูบาอาจารย์ของเรา หรือว่าศาสนาของเรา หรือว่าศาสดาของเรา ตอนแรกๆก็แซวแบบเล่นๆ แต่ไปๆมาๆมันเริ่มหนักขึ้นหนักขึ้น กลายเป็นทิ่มตำให้เจ็บใจ หรือว่าพยายามเป็นหนามทิ่มแทงหัวใจของกันและกัน แบบนี้มันกลายเป็นคู่บาปไปเลย ถ้าไปเจอกันก่อนหน้า
ทีนี้ถ้าเรารอเวลา สมมติว่าเขาเป็นคู่บุญของเราจริงๆ มันจะต้องเจอกันโดยวิถีทางแห่งบุญนะครับ เรารอเวลาจนกระทั่งถึงเวลา เป็นยังไง? เขาอาจจะมีการเปลี่ยนใจของเขาเอง มาเข้าทางพุทธ ศรัทธาแบบพุทธ แล้วแถมมาเจอกันในที่ๆมีครูบาอาจารย์ท่านเดียวกัน แล้วก็มีความเห็นที่ตรงกัน แบบนี้เจอกันในเวลาที่เหมาะสม มันก็เกื้อกูลกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย อันนี้แค่ยกตัวอย่างเฉยๆนะ เพราะว่าเรื่องศาสนานั้นจับต้องได้ง่าย เวลาที่คนเราเห็นไม่ตรงกันมันก็ขัดแย้ง แต่ถ้าเห็นตรงกันมันกลมกลืน มันมีความรู้สึกแสนดีราวกับว่า พอเข้าใกล้กันแล้วเหมือนกับสวรรค์เลยอะไรแบบนี้นะครับ
ฉะนั้นคำตอบคือ อย่าเข้าใจว่าเรื่องคู่บุญจะเร่งรัดกันได้ ถ้าเป็นคู่บุญจริงจะต้องเจอกันในเวลาที่เหมาะสมที่จะสร้างบุญกันต่อ สานบุญกันต่อนะครับ
(มิติที่สอง) ทีนี้ถ้าในอีกทางหนึ่ง ตั้งโจทย์แบบนี้ดีกว่าว่า จะเตรียมตัวอย่างไรที่จะเจอคู่บุญที่พร้อมพอจะต่อบุญกันด้วยการเป็นสุข เห็นได้ชัดเลยว่า เหมือนสวรรค์ตั้งแต่อยู่บนโลก เหมือนสวรรค์ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็คือทำให้จิตของคุณมีศรัทธาในทางดี ในศาสดาที่นำทางดี มีน้ำใจ เพราะน้ำใจเป็นความชุ่มชื่นที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว อย่ารอน้ำใจจากคนอื่น เพราะว่ามันไม่แน่ว่าจะได้หรือเปล่า แต่ให้น้ำใจกับคนอื่นก่อน เพราะอันนี้ชัวร์ที่สุดว่า เราทำให้ความชุ่มชื่นจากน้ำใจมันเกิดได้กับตัวเองก่อนชัวร์ๆนะครับ
เมื่อเจอกันกับคนมีน้ำใจด้วยกัน มันก็ยิ่งทวีความรู้สึกเป็นสุข มีความชุ่มชื่นเป็นสองเท่า สามเท่าทวีคูณ แล้วก็พยายามรักษาศีลให้มีความสะอาด นี่เตรียมไว้ก่อนว่าเรารักษาศีลได้ทุกข้อ ข้อหนึ่งที่สำคัญก็คือศีลข้อ ๓ เราจะไม่เป็นคนนอกใจ เราจะไม่ไปผิดลูกเขาเมียใครสามีใคร อันนี้พอเราเจอกับคู่ที่มีศีลเสมอกัน เราก็จะรู้สึกได้ว่าใจสะอาดเสมอกัน ความสะอาดนั่นแหละ ความหอมหวนนั่นแหละที่จะทำให้รู้สึกว่า เหมือนไม่ต้องมาทนกลิ่นตัวที่เหม็นๆของใครนะครับ อันนี้ก็เปรียบเทียบกับทางกายนะ
แล้วก็ในเรื่องของการพูดจา
ถ้าเราฝึกไว้ก่อน เตรียมไว้ล่วงหน้าที่จะพูดจาให้รู้เรื่อง ไม่ใช้อารมณ์
เอาเหตุผลเป็นที่ตั้ง แล้วก็เอาอารมณ์เป็นเครื่องปรุงเหตุผลให้มันมีคุณภาพ
ให้มีหัวใจด้วย คือไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ไร้หัวใจ แต่เป็นเหตุผลที่มีหัวใจนะครับ
อันนี้เรื่องของอารมณ์มันไม่ใช่ว่าขาดได้ มีเหตุผลแล้วก็ต้องมีอารมณ์ด้วย
แต่เป็นเหตุผลที่ดีและอารมณ์ที่ได้นะครับ มันถึงจะไปด้วยกัน
----------------------------------------
๑๗
ตุลาคม ๒๕๖๓
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน แผ่เมตตาแล้วเครียดเกิดจากอะไร?
คำถาม : ต้องทำเหตุอย่างไรเพื่อให้ได้พบคู่บุญที่เกื้อกูลกันในชาตินี้คะ?
ระยะเวลาคลิป
๘.๑๔ นาที
รับชมทางยูทูบ https://www.youtube.com/watch?v=1VljIKOuweY&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=1
ผู้ถอดคำ แพร์รีส แพร์รีส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น