วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563

แม่อายุมาก ขี้บ่นมาก จะรับมืออย่างไร

ถาม : (41.26) มีคำถามสองข้อ ข้อแรก พ่อแม่อายุมากแล้ว คุณแม่ 70 กว่า คุณพ่อ 83 เมื่ออายุมากขึ้น เรื่องความหลงลืมนี่ ก็เข้าใจ แต่ในเรื่องความขี้บ่นของแม่ มันกลับทวีคูณขึ้น จะรับมืออย่างไรดี

 

ดังตฤณ : ตั้งโจทย์ผิด ว่าทำอย่างไรเราถึงจะไม่รู้สึกแย่ๆ หรือเกิดความคิดไม่ดี กับสิ่งกระทบ

 

จำไว้ว่า สิ่งกระทบไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีบุพการี ไม่มีผู้มีพระคุณ สิ่งกระทบก็คือสิ่งกระทบ ธรรมชาติธรรมดาของสิ่งกระทบ ที่ก่อให้เกิดทุกขเวทนา จะบีบให้รู้สึกแย่เสมอ ธรรมชาติธรรมดาของสิ่งกระทบที่ดี ที่เป็นที่สบาย จะทำให้เรารู้สึกดี หรือคิดดี นี่คือธรรมชาติ มองแยกอย่างนี้ก่อน

 

ทีนี้พอพูดว่า ทำอย่างไร ถึงจะเลิกคิดไม่ดีกับผู้มีพระคุณของเรา ทีนี้เราพิจารณาอย่างนี้ สิ่งกระทบ ถ้ามันไม่ดีอย่างไร ใจก็ไม่ดี วันยังค่ำ ทีนี้ถ้าเป็นพ่อเป็นแม่ ถ้าเป็นผู้มีพระคุณ ตรงนี้เราก็จะเริ่มแยกว่าเป็นคนละเคส

 

คือเวลามีเรื่องกระทบ ยังไงๆ ใจก็ต้องลุกเป็นไฟขึ้นมา เมื่อมีไม้ขีด มาสี นี่คือดูโดยความถูกต้องก่อน ส่วนโดยความเป็นลูก โดยความเป็นผู้รู้ธรรม ตรงนั้น เดี๋ยวค่อยมาต่อ

 

คือพอเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาแล้ว เป็นธรรมดา เกิดทุกขเวทนาขึ้นมาแล้ว เป็นธรรมดา ก็ให้มองว่า ความรู้สึกตรงนี้ที่มันแย่ เราจะควบคุมไม่ให้มันลามเลยไปเรื่อยๆ ไม่หยุด นี่คือที่ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ เป็นอันดับแรก นะ

 

อันดับแรกเลย คือยอมรับตามจริง คือไม่ใช่ไปกดตัวเองไว้ว่า นี่เป็นพ่อเป็นแม่นะ ทำไม่ดีแค่ไหนเราก็ต้องทำเป็นยิ้ม ทำเป็นมีความสุข แบบนี้ผิด โจทย์แบบนี้ ไม่มีทางที่เราจะทำได้ เพราะว่า สิ่งกระทบบอกแล้วว่า ไม่มีพ่อไม่มีแม่นะ สิ่งกระทบคือสิ่งกระทบ อย่างไรก็ทำให้เกิดความทุกข์วันยังค่ำ นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ได้ผิด

 

แต่ส่วนที่เราจะทำให้ถูก คือ ความเป็นผู้รู้ธรรมว่า เวทนาที่เกิดจากคุณพ่อคุณแม่นี่ เป็นทุกขเวทนาที่เสี่ยงต่อบาป นี่คือเริ่มมีบทบาทของความเป็นผู้รู้ธรรมเข้ามาแล้ว เริ่มมีความพิจารณาอย่างฉลาดขึ้นมาได้ว่า เสี่ยงต่อบาปมากเลยนะ ถ้าเรามีทุกข์จากพ่อจากแม่นี่

 

ทีนี้ ถ้าหากว่าเราตั้งไว้ในใจ ว่า ความเป็นผู้รู้ธรรมของเรา เราจะทำให้สติ เจริญขึ้น ทำให้บุญมากขึ้น ก็ทำจากตรงนี้แหละ แทนที่เราจะปล่อยให้ทุกขเวทนานั้น เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะเอาทุกขเวทนานั้น มาพิจารณาว่า มันไม่เที่ยง

 

เห็นไหม พลิกมุมมองนิดเดียว องศาเดียวที่ต่างไป ใจเรารู้สึกดีขึ้นมาทันที  จะเห็นข่องแล้วว่าจะทำอย่างไร จะเปลี่ยนวิกฤต ให้เป็นโอกาส วิกฤตบาปให้กลายเป็นโอกาสบุญ นี่ บุญจะเจริญขึ้นทุกครั้ง ที่เรามีความทุกข์ แล้วเห็นความทุกข์นั้นไม่เที่ยง

 

ทบทวนนะ อันดับแรก อย่าเข้าใจว่า เป็นพ่อเป็นแม่แล้วเราจะต้องแกล้งทำเป็นรู้สึกดี แล้วคิดดีตลอด ถ้าความคิดไม่ดี เกิดขึ้นจากการกระทบที่แรงๆ ที่ไม่ดี นั่นไม่ใช่ความผิดเรา แต่เป็นธรรมชาติของการกระทบ

 

ส่วนที่จะเป็นบุญของเราจริงๆ เกิดขึ้นตอนที่เราเห็นว่า ความคิดไม่ดีเกิดแล้ว ความรู้สึกแย่ๆ เกิดแล้ว แล้วเราจะเห็นว่า นี่คือทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น ทุกขเวทนานั้นไม่เที่ยง จำคำว่าไม่เที่ยงไว้คำเดียวก็ได้ แล้วจะเห็นเลย ว่า ทุกครั้งที่บาปเกิดขึ้น กลับจะกลายเป็นโอกาสพลิกเป็นบุญ เป็นบุญใหญ่ด้วย

 

ยิ่งวันจะยิ่งมีสติมากขึ้น ยิ่งวันบุญจะยิ่งทบทวีขึ้น จนเรารู้สึกว่า ขอบคุณนะ แม่ ที่ทำให้เราโกรธ ขอบคุณนะ ที่ทำให้เราได้แบบฝึกหัด ที่ทำให้เราเกิดปัญญาแบบที่เป็นพุทธิปัญญาขึ้นมาได้ ตรงนี้ จะได้หลายชั้น ได้หลายเด้ง ตอนที่เราขอบคุณแม่ด้วยใจจริงว่า แม่ทำให้เราได้เห็นความไม่เที่ยงของทุกขเวทนา นั่นเป็นบุญใหม่มหาศาล

 

คือแค่พ่อแม่ทำอะไรไม่ดีใส่เรา แล้วเราให้อภัยได้ เราได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ให้อภัย บุคคลผู้ที่สมควรได้รับการให้อภัยที่สุดในชีวิตแล้ว

 

แล้วถ้าหากว่า เรามาต่อยอดเป็นบุญในการเจริญสติอีก นั่นก็คือว่า เอาบุพการีที่ให้กำเนิดเรา มาเป็นที่กำเนิดใหม่ทางจิตวิญญาณของเราด้วย

 

ถ้ากดไว้ มันระเบิดแน่ แต่ถ้าเราตั้งเข็มไว้ ตั้งใจจริงๆว่า เราจะดูความไม่เที่ยง ไม่เท่าเดิมของทุกขเวทนา นับลมหายใจไปกี่ลมหายใจ มันถึงเสื่อมลง ทุกขเวทนานั้นถึงหายไป ตัวนี้แหละที่จะทำให้เราไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในใจอีกเลย

________________

รายการดังตฤณวิสัชนา ณ ศูนย์เรียนรู้วรการ คลิปที่ 2

วันที่ 11 ตุลาคม 2563

ถอดคำ / เรียบเรียง : เอ้

รับชมคลิปเต็ม : https://www.facebook.com/watch/?v=434789157611672

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น