วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ขอวิธีบาลานซ์การใช้ชีวิตทางโลกและทางธรรม

ถาม : (18.27) ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาอยู่กับโลก ทุ่มเทให้กับงาน แล้วเมื่อเร็วๆ นี้มีเหตุการณ์ทำให้รู้สึกว่าหลายๆ ครั้งมีทุกข์ทางใจแล้วเอาตัวรอดไม่ได้ รู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาบาลานซ์ชีวิต ระหว่างทางโลกกับทางธรรม อยากขอคำแนะนำว่าทำอย่างไรให้สามารถทำงานไปด้วย แล้วก็ปฏิบัติไปด้วยในเวลาเดียวกัน

 

ดังตฤณ : ชีวิตเราผ่านมาเป็นลูกคลื่น เคยสุขขึ้นมา โยนขึ้นไปสูง แล้วก็ตกแป้กลงมา เสร็จแล้วเมื่อมาเจอสุขอีก ก็ลุ่มๆ ดอนๆ อีก มองเป็นภาพใหญ่ ภาพรวมแบบนี้ จะได้เห็นเป็น timeline ว่าทั้งสุขทั้งทุกข์ ไม่เที่ยงในสเกล (scale) ใหญ่ ในสเกลของความเป็นชีวิตเรา

 

พอเรานึกออก นึกภาพออกแบบนี้ ให้นึกต่อไปว่า เราจะทำความเคยชินเสียที ว่าทั้งสุขทั้งทุกข์นี้ อยู่ได้เป็นช่วงๆ ไม่ได้อยู่เกาะชีวิตเราตลอดไป พอเราเริ่มเห็นแบบนี้ แล้วทำใจได้แบบนี้นี่ เราจะเริ่มมีอุเบกขา แบบไม่ใช่ชาชินนะ

 

ชาชินนี่ เหมือนกับใจเราตายด้าน ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับทั้งสุขทั้งทุกข์ ซึ่งอันนั้นไม่ดีแบบหนึ่ง คือจะทำให้เราใช้ชีวิตแบบคนที่ไม่รู้จะคิดอะไรดี

 

แต่ถ้าหากเรามี อุเบกขา เราจะ คิดเป็น คำว่า อุเบกขา มาพร้อมกับการคิดเป็น คิดว่าอะไร คิดว่าทั้งสุขทั้งทุกข์นี้ มันมาซ้ำแล้วซ้ำอีก เราควรจะเคยชินกับมันเสียที

 

คือไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว เรื่องการงานก็ตาม ไม่ว่าจะเรื่องที่เราตั้งเป้าไว้ แล้วได้ หรือไม่ได้ก็ตาม ไม่ว่าเรื่องที่เราเห็นว่าเป็นบทเรียน ที่เราได้เรียนรู้ หรือเป็นการลงโทษก็ตาม

 

ระหว่าง บทเรียน กับ การลงโทษ ต่างกันตรงไหนรู้ไหม ต่างกันตรงที่ใจเรามอง

 

เวลาที่เรามองว่ามันเป็นความทุกข์ที่สาหัส หรือว่าเป็นความทุกข์ที่ไม่อยากจะทน ไม่อยากจะเจออีก นั่นคือบทลงโทษ แต่ถ้าเมื่อไหร่เรามองว่าใจของเรานี่ พัฒนาขึ้นไปแค่ไหนแล้วในแต่ละครั้งที่ผ่านด่าน ผ่านบททดสอบ นั่นแหละจะกลายเป็นบทเรียน

 

เห็นไหม ขึ้นอยู่กับว่าองศาการเล็งของเราจะเล็งไปที่ไหน เล็งไปที่ความอยาก ก็จะกลายเป็นบทลงโทษ เล็งไปที่การสำรวจตัวเอง ก็จะกลายเป็นบทเรียน

 

พอตั้งจิตไปอย่างนี้นะ แล้วเราก็ใช้ชีวิตต่อไป ในแบบที่เห็นว่า ... ของเราน่ะ คือ น่าจะเริ่มอ่านเกมชีวิตออกแล้วว่า ชีวิตมันน่าเบื่อ ชีวิตนี่จริงๆ นะ ไม่ว่าจะดีขนาดไหนนี่ ก็ไม่ได้น่าเอา ทีนี้ อยู่ๆ เราจะทิ้งสิ่งที่เราเบื่อไปเฉยๆ นี่ ทำไม่ได้ ต้องทำแบบที่พระพุทธเจ้าสอน คือให้เห็นว่า เห็นเข้ามาในรายละเอียดของกายของใจ ค่อยๆ เห็นไป

 

สเกลใหญ่เราเห็นมาแล้ว คราวนี้เรามาเห็นสเกลที่เล็กลงบ้าง มาดูลมหายใจบ้าง แต่ก่อนเราฝึกไปอย่างนั้นๆ ตอนนี้จะมีแก่ใจมากขึ้น จะเริ่มมีความรู้สึกว่า ชีวิตเข้ามาถึงจิตวิญญาณของเรา หัวใจของเรา ที่เป็นก้นบึ้งความเป็นเรา โคตรเหง้าความรู้สึกในตัวตนของเรามากขึ้น

 

ใช้ตรงนี้เป็นโอกาส เป็นบทเรียน เป็นบันได ที่จะทำให้เราเติบโตขึ้นทางจิตวิญญาณ อย่าให้มันเป็นแค่บทลงโทษซ้ำๆ

________________

รายการดังตฤณวิสัชนา ณ ศูนย์เรียนรู้วรการ คลิปที่ 2

วันที่ 11 ตุลาคม 2563

ถอดคำ / เรียบเรียง : เอ้

รับชมคลิปเต็ม : https://www.facebook.com/watch/?v=434789157611672

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น