ดังตฤณ : คราวนี้ เราจะมาผนึกกำลังความสุขร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง โดยตั้งต้นจากการพนมมือขึ้นมา เพื่อที่จะให้เกิดการรับรู้ว่า อันนี้เป็นสัมผัสที่เรารู้สึกได้จริง เป็นสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมว่า นี่คือธาตุดิน เป็นธาตุดินที่แฝงไว้ด้วยไออุ่น
ก็รู้สึกได้ว่าเป็นสัมผัส ที่ฝ่ามือมาประกบกัน
แล้วเกิดความรู้สึกแบบนี้ ซึ่งก็จะมีร่วมกับกัลยาณมิตรอื่นที่ได้ทำสมาธิร่วมกันมากับเรา
การที่เราเข้าถึงความรู้สึกอันเป็นกองกลางได้
จะเริ่มมาจากตรงนี้ เรารู้สึกถึงการร่วมมือกัน อันนี้เป็นมือจริงๆ ที่ประกบกันอยู่
และเบื้องหลังของฝ่ามือที่ประกบกันนี้ก็คือใจ ที่มีความสว่าง ที่มีความเบา
ที่มีปีติ ที่มีความสุข
เมื่อกี้เราเพิ่งร่วมบุญกัน เป็นการร่วมบุญ ในการช่วยจิตวิญญาณดวงหนึ่ง
ที่อาจกำลังไร้เรี่ยวแรงอยู่ ที่อาจกำลังหลงทางอยู่ ให้มีความสว่างขึ้น
ให้พบทางที่เป็นบุญเป็นกุศล ให้เขาสามารถมีกำลังที่จะระลึกได้ว่า เคยทำบุญอะไรมา
แล้วบุญนั้น อย่างน้อยที่สุดก็จะช่วยให้เขาเกิดความรู้สึกดีขึ้นกับตัวเอง
ในโลกที่เขาไปอยู่
การที่เรามีส่วนร่วมในการช่วยให้เขาได้มีความรู้สึกดีขึ้น
ก็คือการสร้างความสามารถให้ตัวเอง ช่วยเหลือบุคคลอันเป็นที่รัก
หรือแม้กระทั่งตัวของเราเอง ในเวลาที่ตกระกำลำบาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำไป
อันเป็นบุญ เป็นกุศลในโลกนี้ ระหว่างมีชีวิตอยู่นี่ ไม่หายไปไหนนะ
จะติดตามเราไปเป็นเงาตามตัวเสมอ
แล้วกองบุญ ที่เราร่วมสร้างกันขึ้นมา
มีความเป็นใหญ่ มีความสว่าง มีความเบา มีความคงที่ซึ่งสามารถสัมผัสได้ ถ้าเราสามารถสัมผัสได้ว่า
ความสุขความเบาแบบนี้ ไม่ได้มีอยู่ในเราคนเดียว แต่มีแผ่ออกไปเป็นพันเท่า
ตัวนี้แหละ ที่จิตของเราเข้าถึงกองกลางแล้ว
เพียงอธิษฐานว่า
ขอให้ทุกคนที่เข้าร่วมแผ่เมตตาอยู่นี้ จงสมปรารถนาในสิ่งที่สมควรแก่ตนเอง
นี่ก็จะเป็นการประจุเอาพลังในส่วนของเรา
และคนอื่น เข้าไว้ด้วยกัน ว่าให้พลังความบริสุทธิ์ ความสว่าง ราวกับทะเลเมตตานี้
ได้มีความศักดิ์สิทธิ์เฉพาะตน
เราสามารถน้อมเอาไปอธิษฐานในทางที่ถูกที่ควร
ได้ตามปรารถนา เช่น บุคคลอันเป็นที่รักของเรา จะล่วงลับไปแล้วก็ตาม
หรือว่าสถานการณ์ที่ยากลำบากของเราก็ตามถ้าหากว่า ได้ส่วนแห่งความสุขนี้
ได้ส่วนแห่งพลังนี้ ก็จงเกิดความสดชื่น จงเกิดความสว่าง จงเกิดความมีพลังในแบบที่จะฟื้นตัวขึ้นใหม่
ต่อไปนี่ แค่นึกออกว่าเราได้ร่วมประจุพลังสมาธิ
พลังความสุข พลังเมตตาเข้าไว้ที่กองกลางนี้ พอนึกถึงกองกลางขึ้นมา
เราก็สามารถอธิษฐานได้ ราวกับว่า ได้รับการช่วยเหลือจากกัลยาณมิตรเป็นพัน
ที่ได้อธิษฐานร่วมกันอยู่
ถ้าหากว่าใครนึกถึงองค์พระ
แล้วนึกถึงความสุขขึ้นมาได้ทันที นี่ก็เป็นการเข้าถึงทะเลเมตตา
หรือพลังที่เราประจุร่วมกันในกองกลางได้ง่ายๆ
คือพอนึกถึงองค์พระปุ๊บ
แล้วมีความรู้สึกเหมือนกับความสุขแผ่ออกไปเป็นพันๆ เท่า จากตัวของเรา
อันนี้ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะปลุกให้จิต เชื่อมเข้ากับกองกลาง บุญอันเป็นกองกลาง
มวลรวมของบุญอันเป็นกองกลางนี้
พูดง่ายๆ ว่า ถ้านึกถึงองค์พระ ยกมือไหว้ท่าน
กราบท่าน แล้วรู้สึกปีติขึ้นมา ตรงนั้น เราสามารถอุทิศส่วนกุศลที่เกิดขึ้นอย่างใหญ่นี่ให้ใครก็ได้
ที่ล่วงลับไปนะครับ
หรืออธิษฐานว่า ขอให้ใจของเรา จงมีความนิ่ง
ความเย็น ความสว่าง มีความพร้อมพอที่จะต่อสู้กับอะไรๆ ที่กำลังรุมเร้าอยู่
ขอให้จิตของเราไม่เป็นที่ตั้งของความฟุ้งซ่าน อธิษฐานได้หมด ในทางที่เป็นกุศล
ในทางที่ถูกที่ควร ในทางที่สมกับอัตภาพของตัวเองนะ
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
ร่วมอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ
- ช่วงแผ่เมตตาหลังนั่งสมาธิ รอบที่ 2
วันที่ 11 กรกฎาคม 2564
ถอดคำ
: เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=RVkRchHg9a4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น