วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Q25จะเห็นจิตได้อย่างไร ต้องรู้กายขยับพร้อมกับเห็นจิตไหม

ดังตฤณ : ถ้าเอาตามมาตรฐานอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ในอานาปานสติ ท่านให้ทำสมาธิก่อน คือรู้ลมหายใจเข้าออก

 

รู้ว่าเข้า รู้ว่าออก รู้ว่ายาว รู้ว่าสั้น เห็นความต่างของลมหายใจไปเรื่อยๆ และรู้ว่าที่กำลังหายใจเข้าหายใจออกอยู่นี่ หายใจเอาความสุขเข้ามา หรือว่าหายใจเอาความทุกข์เข้ามานะครับ

 

พอเรารู้ภาวะทางกาย ภาวะทางเวทนา หรือว่าความสุขความทุกข์ไปเรื่อยๆ มากเข้า จนกระทั่งเหลือแต่ความสุขอย่างเดียว ในที่สุดภาวะทางกาย ภาวะทางใจ จะเหมือนกับปรากฏเป็นสิ่งถูกรู้ แล้วจิตจะมีความตั้งมั่น จะมีฐานที่ตั้ง ที่ไม่คลอนแคลน ตรงนั้นแหละที่พระพุทธเจ้าสอนในอานาปานสติ ให้รู้จักมองเห็นจิต

 

พูดง่ายๆ ว่า ท่านให้เริ่มมองจิต เห็นจิตจากตอนที่จิตมีความตั้งมั่นก่อน

 

แต่ถ้าเรายังทำไปถึงตรงนั้นไม่ได้ ก็ให้เห็นจิตผ่าน .. ในจิตตานุปัสนา พระพุทธเจ้าท่านสอนนะ ถ้ามีราคะ ให้รู้ว่าจิตมีราคะ มีราคะอยู่ในจิต .. นี่คือสำนวนท่านนะ มีราคะอยู่ในจิต

 

ถ้ามีโทสะ ก็ให้รู้ ณ ขณะนั้น รู้ตามจริงว่าโทสะอยู่ในจิต

 

ถ้ามีโมหะครอบงำจิตอยู่ ก็ให้รู้ว่ามีโมหะครอบงำจิต รู้สึกหลงตัวก็ตาม รู้สึกตุ่นๆ หดหู่ก็ตาม เป็นโมหะหมดนะครับ

 

รู้ไปทำไม? รู้กิเลสแบบนี้รู้ไปทำไม

 

รู้เพื่อให้เห็นว่า อย่างตอนโกรธจะเห็นง่ายที่สุด โกรธขึ้นมาแบบหงุดหงิด โกรธขึ้นมาแบบเป็นฟืนเป็นไฟเล็กๆ เห็นว่ามีโทสะอยู่ในจิต มีความร้อนขึ้นมาอยู่ในจิต แป๊บหนึ่ง ความร้อนนั้นจะหายไปจากใจ หายไปจากจิต

 

สิ่งที่เหลืออยู่นั่นแหละ คือจิต เห็นไหม

 

คือพระพุทธเจ้าท่านสอนแบบง่ายๆ เลย พอมีโทสะอยู่ในจิตใช่ไหม แล้วพอโทสะหายไป เหลืออะไร ก็เหลือจิตที่ไม่มีโทสะ พูดง่ายๆ เหลือแต่จิตให้เห็น เราก็จะได้ประสบการณ์เห็นจิตขึ้นมาเป็นครั้งแรก .. อ๋อ จิตหน้าตาเป็นแบบนี้ มันมีความรู้อยู่ มีความว่างอยู่

 

แล้วพอเห็นสภาพจิตแปรไปเป็นต่างๆ เป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง สว่างบ้าง มืดบ้าง เห็นบ่อยๆ จนกระทั่งเกิดความสามารถที่จะเปรียบเทียบ แยกแยะได้ ตัวนี้ ก็จะเกิดข้อสรุปขึ้นมาว่า .. อ้อ! จิตไม่ได้ตั้งอยู่ในสภาพใดสภาพหนึ่งอย่างเดียวนะ ไม่ได้มีความตั้งมั่นอย่างเดียว ไม่ได้มีความว่างจากกิเลสอย่างเดียว เดี๋ยวก็กลับมามีกิเลสได้

 

เห็นจิตสภาพต่างๆ ไปมากๆ เข้า ตัวนี้ ก็เกิดปัญญา รู้ว่าจิตดวงหนึ่งๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับเราในขณะนี้ อย่างตอนนี้ จิตว่างๆ อยู่ เราก็จะเห็นว่า จิตว่างๆ นี้ เป็นแค่จิตดวงหนึ่ง ในจิตอีกหลายดวง

 

จิตที่ไม่ว่างก็มี จิตที่ฟุ้งซ่านซัดส่ายก็มี จิตที่มีราคะก็มี จิตที่มีโทสะก็มี จิตที่มีโมหะก็มี ไม่ใช่แค่มีจิตอย่างนี้อย่างเดียว

 

ข้อสรุปตรงนี้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่า นี่เป็นจิตหนึ่งที่เกิดขึ้นในอีกหลายๆ จิต ที่ดับไปแล้ว และที่จะเกิดขึ้นตามมา ก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นว่านี่เป็นจิตของเรา .. เดี๋ยวนี้เลย เห็นเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยว่าจิตนี้ไม่ใช่ของเรา แต่แปรไปตามเหตุปัจจัยนะ

___________________

ทำอย่างไรถึงจะเห็นจิตคะ ต้องรู้กายขยับไปพร้อมๆ กับเห็นจิตไปด้วยไหมหรือ ควรทำอย่างไร?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน คลายเครียดใน ๓ นาที

วันที่ 24 กรกฎาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป: https://www.youtube.com/watch?v=tfuSzLKK4X4

 

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น