ดังตฤณ : ที่เป็นบ้า
ส่วนใหญ่เพราะนั่งสมาธิไปด้วย แล้วมีโทสะผุดโพลงไปด้วย มีตัณหา
มีภาวะที่อยากได้โน่นอยากได้นี่ แล้วก็อาจเหมือนกับ จิตมีกำลังมาก
คนเรา ถ้าจิตมีกำลังมาก และฟุ้งซ่านมากพร้อมกัน จะดันให้ความฟุ้ง
ระเบิด แล้วก็ทำให้สมองปั่นป่วนรวนเร ฟังก์ชันอะไรสับกันมั่ว ผิดไปหมด
เห็นได้ชัดว่าคลื่นสมองจะมั่วนะ
ทีนี้ ที่เราจะไม่เป็นแบบเขาก็คือว่า เมื่อไหร่ที่เรามีกำลัง
เมื่อนั้นเราจะเอามาพิจารณานะครับว่า ความคิด ความฟุ้งซ่าน
เป็นแค่ภาวะชั่วคราวที่เข้ามากระทบใจ ไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่เป็นตัวของเรา
หรือว่าเป็นสมบัติของเรา หรือว่าเป็นภาระของเราที่จะต้องไปจัดการผลักไสไล่ส่ง
เรามีหน้าที่แค่ดูว่า มันเป็นภาวะชั่วคราว กระทบแล้วหายๆ ..
นี่ตัวนี้ ไม่เป็นบ้าแน่นอน
ส่วนคนที่เป็นร่างทรงส่วนใหญ่ ที่เคยเห็นมา
หนึ่ง คือเคยมีสัญญาผูกพันกันมาตั้งแต่ก่อนเกิด
สอง คือ อยากหาเรื่อง อยู่ดีไม่ว่าดีไปผูกพันกับพวกนี้เข้ามา
ก็แค่เราไม่ตั้งใจไป หรือเราไม่โชคร้าย เคยเป็นบริวารใครเขามา แล้วเขาใช้เราลงมาเกิด
เพื่อที่จะให้เป็นประตูมาบำเพ็ญบารมีอะไรแบบนี้ ไม่เคยเป็นขี้ข้าใครมา
แบบนี้ก็ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลแล้ว
เราทำสมาธิไป เพื่อที่จะเอามาดูกายใจโดยความเป็นของไม่เที่ยง
ไม่ใช่ตัวตน ตามแบบที่พระพุทธเจ้าสอน รับรองว่าไม่หลงไปให้เป็นร่างทรงของใคร
ถ้าจะเป็นร่างทรงของใคร ก็เป็นร่างทรงของพระพุทธเจ้า ที่ทรงจำ
และพูดบอกว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างไรนะครับ
เอาหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากพระไตรปิฎก ไม่ใช่คิดเอาเอง
หรือไม่ใช่ฟังจากใครมา ตรงนี้แหละที่เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ถ้าหากว่าเราจะอยากได้ความปลอดภัยนะครับ ไม่พลัดหลงเข้ารกเข้าพงแบบคนอื่นๆ
เขา ก็คือศึกษาพระไตรปิฎกให้เกิดความเข้าใจและเกิดความรู้จริงๆ
ว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อย่างไร เราจะได้เป็นร่างทรงของพระพุทธเจ้านะ ที่ไม่มีวิญญาณไหนเข้ามาแทรกนะครับ
ทำไมบางคนนั่งสมาธิแล้วเป็นบ้า
หรือกลายเป็นร่างทรง เค้าไปน้อมรับอะไรมาเวลานั่งหรือเปล่าคะ จะได้ไม่เลียนแบบ
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน จุดชนวนสมาธิด้วยพลังศรัทธา ช่วงเกริ่นนำ
วันที่ 3 กรกฎาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=0r0SY7EPSwI
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น