ดังตฤณ : คือประเภทที่เรายังไม่เคยเห็นหน้า แต่สัมผัสแล้วมีอาการขนลุกหรืออะไรก็ตาม เอาร่องรอยเท่าที่เราสามารถรู้สึกได้ตามจริงนั่นแหละ มาเป็นตัวตั้ง
ยกตัวอย่างเช่น พอเราสัมผัสแล้วรู้สึกขนลุก
ถ้าเกิดขึ้นเป็นประจำ จะนึกออก เวลาที่ไปนึกถึงสิ่งนั้นนะครับ หรือว่าเขาคนนั้น
ว่ามีความขนลุกขึ้นที่ไหนก่อน มีอาการวูบ หรือว่ามีอาการเย็นๆ เยือกๆ
ที่อวัยวะส่วนไหน เอาร่างกายซึ่งจับต้องได้ของเราเป็นตัวตั้งในการนึกถึงก่อน
เพราะว่าถ้าเราไปนึกถึงอะไรที่เป็นนามธรรมมากๆ จะมั่ว
จะไม่มีทิศทาง แต่พอเรานึกออกว่าเกิดขึ้นที่อวัยวะส่วนไหน มีความขนลุกมากหรือขนลุกน้อยประมาณใด
พอเราจับตรงนี้เป็นที่ตั้ง ก็จะได้แล้วว่าเวลาเขามา การปรากฏของเขา
จะกระทบให้เกิดปฏิกิริยากับเราประมาณนี้
ปฏิกิริยานั่นแหละ พอเรานึกถึงว่า .. อย่างสมมติ ขนลุกที่คอ
ขนลุกวูบๆ เหมือนกับอยู่ๆ เราผ่านเข้าไปในสนามพลังอะไรสักอย่างที่เต็มไปด้วยประจุฟ้า
ที่ทำให้ขนลุกวูบวาบ
ก็ระลึกถึงอาการปะทะ แล้วเกิดความวูบวาบนั้น
จากนั้นก็ตั้งจิตให้ใจมีความโล่ง มีความเบา แล้วก็แผ่เมตตาไป
ให้กับความรู้สึกนั้นของเรานั่นแหละ
ถ้าหากว่า อาการขนลุกของเรา กลายเป็นอาการสบาย ขนสงบลง
มีอาการแผ่ๆ สบายๆ กว้างๆ ออกไป แค่นึกถึงว่าความสุขตรงนั้น
จงได้กับผู้ที่เข้ามากระทบให้เรารู้สึก เขาจะตั้งใจรับ หรือไม่ได้ตั้งใจรับก็ตาม
ถ้าหากใจของเรามีความเต็ม ใจของเราจะใหญ่กว่าเขา
แต่ถ้าใจเรายุบ ไม่เต็ม มีความพร่อง เรายังเกิดความกลัว
เรายังเกิดความหวาดเสียวแบบนี้ ใจของเขา อาการปรากฏตัวของเขายังใหญ่กว่าสติของเรา
ก็แผ่ไปบ่อยๆ หลายๆ ครั้ง
ยิ่งบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งชินนะ คือจะจับทิศจับทางได้
จะเกิดความชำนาญมากขึ้นว่า พอขนลุกแล้ว เราแผ่ออกไป มีความเบ่งบานออกจากใจ
กลางใจของเรามีความเบา กลางใจของเรามีความสว่าง และถ้าเมื่อไหร่ใหญ่กว่าอาการขนลุก
นั่นแหละ ตรงนั้น ที่เราแผ่เมตตาสำเร็จ
จะถึงหรือไม่ถึงเขา ด้วยกำลังของเราไม่ต้องไปตัดสิน
เพราะยังไม่สามารถรู้ได้ แต่เราจะรู้ด้วยตัวเอง รู้อยู่ในใจว่า เราหายกลัวแล้ว
เราเลิกกลัวแล้ว ซึ่งนั่นสำคัญมากกว่าที่จะไปคาดคั้นว่า ถึงหรือไม่ถึง
เขาได้รับหรือไม่ได้รับ ตรงนั้นไม่สำคัญเท่ากับใจของเรานะ ที่เลิกกลัวนะครับ
__________________
คำถามเต็ม : พอเข้าสมาธิ เห็นเป็นทางเดินลมหายใจพุ่งเข้ามา
และหายใจออกรู้สึกสงบ ได้แผ่เมตตาให้พ่อแม่ที่ล่วงลับ
นึกถึงภาพที่ท่านทำบุญแล้วมีความสุขยิ้มออกมาเองค่ะ
นอกจากนี้ตอนแผ่ให้คุณคนที่ล่วงลับ
กลับเห็นภาพศัตรูที่คอยทำร้ายเราขึ้นมาด้วย ก็เลยแผ่เมตตาให้เขามีสุขไปเลยค่ะ
เพิ่มเติมคือได้แผ่กระแสให้สิ่งที่มองไม่เห็น เพราะช่วงหลังมีภาพและเสียงที่ไม่มีที่มาปรากฏบ่อยๆ
ในที่ทำงาน (ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญและเก่าแก่)
มีเพื่อนร่วมงานรับรู้สิ่งที่ไม่มีที่มาพร้อมกัน จึงได้แผ่ให้เขาเหล่านั้นด้วย
แต่ไม่ทราบหน้าตาว่าเขาเป็นใคร (หลังๆมาบ่อยค่ะ)
รบกวนพี่ตุลย์แนะนำ วิธีแผ่เมตตาให้เขาเหล่านั้นให้ถูกต้องได้ไหมคะ
แต่เบื้องต้นเท่าที่ทำ ก็คิดว่าได้รับกระแสเย็น มีขนลุก
เมื่อนึกเอาและแผ่เมตตาให้เขาที่คิดว่าอาจจะอยู่รอบตัวเราก็ได้ค่ะขอบพระคุณค่ะ
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน
ร่วมอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ
- ช่วงคำถามและฟีดแบ็คท้ายรายการ
วันที่ 11 กรกฎาคม 2564
ถอดคำ
: เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=3yXXuO0s6pI
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น