วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

16 คุยกับหมอบี : อยากเลิกยึดติดทางใจ ต้องทำอย่างไร

ดังตฤณ : เข้าใจว่า หมายถึงการยึดติดทางอารมณ์มากกว่า

 

อารมณ์หลง ปล่อยวางบางสิ่งบางอย่างไม่ได้

จะเป็นความพิศวาสก็ตาม ความพยาบาทก็ตาม

ความติดหลงบางอย่างก็ตาม

รู้ทั้งรู้ แต่ไม่สามารถปล่อยออกไปได้ และรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ

ก็เลยมีคำถามว่า จะแผ่เมตตาให้จิตใจของตัวเองเข้มแข็งขึ้นได้ไหม

 

จริงๆ แล้ว คนยังเข้าใจกันผิดว่า แผ่เมตตาคือทุกสิ่ง

แผ่เมตตาจะเป็นน้ำใส สะอาด ที่ชะล้างสิ่งสกปรกออกไปได้หมด

 

แต่แท้ที่จริงแล้ว การแผ่เมตตา

จุดเริ่มต้น .. อย่างที่ผมย้ำบ่อยๆ ..

จุดเริ่มต้นของการแผ่เมตตา ไม่ใช่ตั้งใจจะแผ่เมตตา

ไม่ใช่ตั้งต้นด้วยการกล่าวว่า สัพเพสัตตาฯ

 

แต่ตั้งต้นด้วยความสุขที่มีอยู่จริง

จะเป็นสุข อันเกิดจากความดีงามที่เราได้ทำบุญมา แล้วรู้สึกว่าผ่องใส

หรือ เป็นความสุข อันเกิดจากการที่จิตมีความนิ่ง

หัวมีความโล่งว่าง ตัวมีความเบาสบาย

แล้วเอาความสุขนั้น ตั้งเป็นสมาธิ แผ่ออกไปตามทิศต่างๆ

อย่างที่ผมเคยบอก

 

ถ้าหากว่าเรามีสมาธิ

แล้วเรารู้สึกถึงความเป็นกาย ที่ตั้งตรงอยู่ในท่านั่งแบบนี้

เรารู้สึกถึงพื้นที่ว่างรอบตัวได้  

จะเป็นพื้นที่ด้านหน้า หรือด้านข้าง

หรือถ้าจิตเต็ม จะรู้สึก 360 องศาเลย เพราะสมองถูกปลดล็อค

 

สมองส่วนที่ควบคุมทิศทาง ทำให้เกิดความรู้สึกเกี่ยวกับทิศทาง

ถ้าถูกปลดล็อกออกแบบสมบูรณ์ ก็จะรู้สึกว่า

ไม่มีทิศเบื้องหน้า หรือด้านข้างอะไร

มีแต่ความว่าง ไม่จำกัด 360 องศา

 

ซึ่งตรงนั้น ถ้ามีกำลังถึงขนาดนั้น ไม่ต้องแผ่เมตตายังได้

คือแค่ให้ความสุขแผ่ออกไป

จิตจะเข้มแข็งอยู่โดยตัวเองอยู่แล้ว

ไม่อย่างนั้นจะตั้งในลักษณะแผ่แบบนั้นไม่ได้

นี่คือการแผ่เมตตา

 

แต่ในคำถามของคุณ ถ้าเราแค่ตั้งใจว่าจงมีความสุข

หรือว่าพยายามเอาความสุขเล็กๆ น้อยๆ มาแผ่ให้ตัวเอง

แล้วนึกว่าจะมีกำลัง อันนั้นไม่ใช่

 

เพราะเราจะแกล้งมีความสุขเป็นส่วนใหญ่

เราจะแกล้งนิ่ง แกล้งเข้มแข็ง หรือว่าทำให้ตัวเองรู้สึกดี

เป็นครั้งๆ แบบชั่ววูบ

 

ทีนี้ ถ้าจะให้มีความเข้มแข็งได้จริง ก่อนอื่นเลย คือ

ต้องมีความเข้าใจ มีปัญญา

อย่างที่หมอบีบอกว่า ถ้ามีปัญญาแล้ว จะเหมือนเปิดจุก

ทำให้พลังออกมาแบบถูก unlock ไม่จำกัด จะรู้สึกถึงความแรง

 

ทีนี้ เราต้องพิจารณาว่า

อะไรที่เราจะต้องทำความเข้าใจ

อะไรที่เราจะต้องทำให้เกิดปัญญา

 

อย่างสิ่งที่เราติดใจอยู่ รู้อยู่แก่ใจว่า ติดเรื่องอะไร

แล้วทำอย่างไร คิดอย่างไร โดยแยบคาย

หรือว่าพิจารณาอย่างไรโดยความไม่เที่ยง

แต่ต้องเห็นความไม่เที่ยงในตัวก่อนนะ

ไม่อย่างนั้นคุณไม่มีสิทธิ์เห็นความไม่เที่ยงนอกตัว

 

ตรงที่มันจะเกิดปัญญาขึ้นมา วัดได้ตอนที่คุณรู้สึกจริงๆ

ว่ามันไม่ใช่ของคุณ แต่เป็นแค่ .. นี่ มองเข้ามา

เวลาที่คุณจะปลดล็อคจากอะไรก็แล้วแต่ ..

มองเข้ามาที่อาการทางใจ ว่ามีความเหนียวแน่นอยู่กับสิ่งนั้นแค่ไหน

แล้วดูความไม่เที่ยงของอาการเหนียวแน่นนั้น

เหมือนดูสายโซ่ ว่าวันหนึ่ง เหนียวแน่นมาก

อีกวันเบาบางลง อีกแป๊บหนึ่งกลับหนา กลับเหนียวแน่นขึ้นมาใหม่

 

เห็นได้เรื่อยๆ อาการทางใจ ในที่สุดจะปลดล็อคเอง

เมื่อจิตมีความฉลาด ถึงจุดที่ยอมรับได้จริงๆ ว่า

ที่ยึดติดอยู่ จริงๆ ไม่มีตัวตน เป็นแค่ภาวะทางใจ ที่ยังไม่ฉลาด

 

หมอบี : ขอเสริมในเรื่องของความสุข ที่คุยกันนี่ครับ

จะมีความเข้าใจผิดบ้างในบางท่าน

 

อยากให้แยกชัดเจนว่า

ความสนุกอาจไม่ใช่ความสุขที่ก่อให้เกิดสมาธิ

หรือก่อให้เกิดปัญญาได้  

 

ด้วยความที่ในโลกๆ บางที เราเข้าใจว่า

เราทำอะไรสักอย่างเพื่อสนองกิเลส แล้วคิดว่าสิ่งนั้นคือความสุข

เช่น เราหิว เราก็กิน แล้วก็อิ่ม รู้สึกมีความสุข

 

หรือคนมีความทุกข์มากๆ แล้วไปดื่ม ไปเที่ยว ไปเล่น

แล้วคิดว่าสิ่งๆ นั้นคือความสุข

 

นั่นไม่ใช่ความสุข แต่อาจเป็นความสนุก

ปลดเปลื้องได้ชั่วคราว แต่จะไม่เกิดประโยชน์

จะไม่สามารถทำให้เรามีกำลังพอ ที่จะแผ่เมตตาใดๆ ได้

___________________

การตั้งใจจะเลิกยึดติดทางใจ ต้องทำอย่างไรดีคะ แผ่เมตตาให้ตัวเราเองจิตใจเข้มแข็ง จะช่วยได้ไหมคะ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน รู้จักขันธ์ ๕ จากสมาธิจิต

- ช่วง คุยกับหมอบี

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=8QNxaP4Srd8

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น