ดังตฤณ : ตอนนี้เราก็มีผู้ร่วมสวดมนต์กันประมาณ พันคน นะครับ ขอให้ทำความรู้สึกว่า ฝ่ามือที่ประกบกันอยู่นี้จริงๆ แล้วมีความรู้สึก มีสัมผัสแบบเดียวกันอีกพันเท่า
พันเท่าของความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในเรา ณ
บัดนี้ ไม่ว่ามือของคุณจะประกบด้วยความรู้สึกอย่างไร เป็นความรู้สึกที่ดี
เป็นความรู้สึกที่อบอุ่น เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับได้สร้างนิมิตของดอกบัว
บูชาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ คุณจะรู้สึกอย่างไรอยู่ก็ตาม ตอนนี้มีความรู้สึกแบบเดียวกันนั้น
สว่างโอฬาร เพิ่มขึ้นเป็นพันเท่า เพราะว่าเราสวดมนต์ร่วมกัน สวดพร้อมกัน ซิงค์กัน
เป็นไปพร้อมกัน
แล้วก็เราอยู่กับองค์แทนรูปนิมิตของพระพุทธเจ้านะครับ
ซึ่งสร้างมาจากไม้ศรีมหาโพธิ์วงที่ ๔ คือรุ่นที่ ๔
ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับพระพุทธเจ้าตรัสรู้
เมื่อเราได้รับรู้ถึงกระแสร่วมที่ พนมมือร่วมกัน
สวดมนต์ร่วมกัน ถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชาด้วยกัน
แล้วก็มีใจที่มีความสว่างอันเกิดจากศรัทธาในองค์พระพุทธเจ้าร่วมกัน ตรงนี้
จะเกิดพลังอย่างใหญ่ขึ้นมาแล้ว พลังร่วมกันที่ไม่ได้มีความรู้สึกต่างคนต่างอยู่ แต่เป็นความรู้สึกว่า
เราอยู่ในที่เดียวกัน ถึงแม้ว่าในทางกายภาพ เราอยู่ห่างกันมาก
บางคนอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร หรืออยู่ห่างออกไปคนละมุมโลก
แต่ว่าในทางจิตวิญญาณ
ในทางความรู้สึกที่ไม่มีขอบเขต พรมแดนหรือว่าระยะทางนะครับ ถ้าหากว่าใจเสมอกัน
มีความใกล้เคียงกัน ก็เท่ากับได้อยู่ด้วยกันแล้ว อยู่ในอีกจักรวาลหนึ่ง
ที่สร้างขึ้นมาด้วยความรู้สึกทางใจเป็น Universe ทางจิตวิญญาณ
ซึ่งถ้าเราร่วมรับรู้ได้ถึงพลังที่เรามาผนึกกัน
ในทางดี ในทางที่เป็นกุศล เราก็จะรู้สึกได้เช่นกันว่า
สามารถเอาไปใช้อะไรในทางดีได้เช่นกัน
คืนนี้นะครับ เราเชิญภรรยาของผู้ตายมาคุยด้วยกัน
ดังตฤณ : สวัสดีครับ คุณนุ่น อยู่ในสายหรือเปล่าครับ
คุณนุ่น : กราบสวัสดีค่ะอาจารย์
ดังตฤณ : ทุกคนที่อยู่ร่วมรับชมรายการอยู่
มีความเต็มใจ มีความพร้อมใจที่จะมาอุทิศส่วนกุศลให้กับ
อดีตสามีผู้ล่วงลับของคุณนุ่น เห็นได้จากการที่ใน status
คุณนุ่นก็คงจะเห็นแล้วนะครับว่า คนไปให้กำลังใจกันมาก
แล้วก็เป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์จริงๆ แต่ละคนอยากช่วยคุณนุ่นทั้งนั้น
แล้วพอผมบอกว่า
จะมาอุทิศส่วนกุศลร่วมกันในคืนนี้ ก็มียอดไลค์ทะลุพัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
กำลังใจของพวกเราที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หลังจากที่ได้ทำอะไรดีๆ
ร่วมกันมาทางจิตทางใจ มีความพร้อม แล้วก็ตัวคุณนุ่นเอง ก็บอกเล่าให้ฟังนะครับ
คือผมได้พูดคุยกับคุณนุ่นบ้างแล้ว ก็คือว่า ได้ร่วมแผ่เมตตากับพวกเรามานานพอสมควร
ใช่ไหมครับนุ่น
คุณนุ่น : ใช่ค่ะ
หนูติดตามอาจารย์มาเป็นปีแล้วค่ะ
ดังตฤณ: คราวนี้เราเริ่มกันอย่างนี้นะครับ
อยากให้คุณนุ่นช่วยเล่าให้ฟังนิดหนึ่ง ตอนนี้เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งใช่ไหมครับ
(ใช่ค่ะ) ช่วงนี้ลำบากไหมครับ
คุณนุ่น : ก็มีอยู่ค่ะ
ผ่อนบ้านอยู่กับลูกสองคน สามีก็ไปๆ กลับๆ เป็นคนขับรถบรรทุก
ดังตฤณ : คือไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้ง
๗ วันนะ มาแล้วก็ต้องเดินทาง ทีนี้อยากให้เล่าเกี่ยวกับสามีนิดหนึ่ง .. ชื่อคุณชู
(ชื่อเล่น) ที่รับรู้มา อยากให้เล่านิดหนึ่งว่า คุณชู ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
เป็นอย่างไร เพื่อให้พวกเราได้รู้จักคุณชูบ้าง
คุณนุ่น : อายุ
๕๒ ปีนี้ค่ะ มีรุ่นน้องรักใคร่ สอนงานเขาทุกวัน
ทุกคนก็เสียใจแล้วก็สงสัยว่ามีปัญหาอะไรถึงผูกคอตาย หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ
ดังตฤณ :
แม้แต่ภรรยาก็ยังไม่เข้าใจนะ ทีนี้คือก่อนที่จะตัดสินใจผูกคอ ก็ทราบจากนุ่นว่า
เขามาขอคืนดี ถูกไหม
คุณนุ่น : ค่ะ
เขาขอจะมาอยู่ด้วย ก็บอกว่า ถ้าจะมาอยู่ด้วยก็ให้ทำตัวดีๆ ตั้งใจทำมาหากิน เขาก็บอกว่า
งานช่วงนี้ไม่ค่อยมี ก็ทะเลาะกันบ้างค่ะ
ดังตฤณ : ก็เกิดเหตุขึ้นมาด้วยความน้อยใจใช่ไหม
คุณนุ่น : เขาเดินเข้าห้องไป
ห้องนอนค่ะ หนูก็ได้ยินเขาเรียกลูกสองครั้ง หนูทำกับข้าวอยู่ก็ไม่ได้สนใจ
แล้วเขาก็อ้วก หนูก็นึกว่าเขาเมา แต่เขาก็เมามาจริงๆ วันนั้น .. หนูก็ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไร
แล้วสักพักก็ไปเรียกลูกให้มากินข้าว พอเข้าไปลูกก็บอกว่า แม่มาดูพ่อหน่อย
พ่อทำอะไรไม่รู้ หนูก็เข้าไปดู ก็เห็นเขาสิ้นใจแล้วค่ะ
ดังตฤณ : เท่าที่ผมฟังมา
อันนี้เป็นการที่เราทำความเข้าใจร่วมกันไปด้วยนะครับ เพราะว่าผู้ตาย
ไม่ได้มีวี่แววว่าจะคิดสั้น แต่มีร่องรอยคือ ความน้อยใจ คุณนุ่นก็คงจะน้อยใจเขา
เขาก็คงจะน้อยใจคุณนุ่น เพราะความน้อยใจเกิดขึ้นได้กับคู่ผัวตัวเมียทุกคู่
แต่เท่าที่ฟังดู คุณชู
น่าจะไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตายจริง เพราะว่าเรียกลูกเข้าไปดู แล้วคน ..
เท่าที่ผมเคยเห็นมา ถ้าฆ่าตัวตายจริง จะไม่เรียกใครไปดู
อย่างตอนแรกพอได้ทราบเรื่องจากคุณนุ่น ว่าเขาเรียกลูกชายไปดู
ก็นึกนิดหนึ่ง ชะงักนิดหนึ่งว่า ทำไมทำแบบนั้น เป็นการเอาภาพที่ไม่ดีไปให้ลูกดู
หรือว่าทำให้ลูกเสียขวัญ ทำให้ลูกติดตากับอะไรที่น่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คนเป็นพ่อตัวเอง
แต่วินาทีเดียวผ่านไป ก็คิดขึ้นมาได้ว่าจริงๆ
คุณชู (ผู้ตาย) อาจไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น คิดว่าลูกคงจะวิ่งมาบอกแม่ด้วยความตกใจ
แล้วก็ไปช่วยทัน อาจฉิวเฉียด ดูหนังมาว่า ผูกคอกว่าจะตาย จะต้องดิ้นอยู่พักหนึ่ง
แต่ในทางปฏิบัติเท่าที่ผมทราบมา จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ผูกคอด้วย
คือถ้าน้ำหนักตัวมาก
หรือว่าลงท่าไหนที่จะเข้าล็อค .. กริ๊กเดียวนี่ไปเลยนะ ถ้าหล่นลงมาจากเก้าอี้
และน้ำหนักตัวกระชากให้เชือกกระตุก ถ้าผูกไว้เหมาะๆ จะไม่ใช่ต้องดิ้นแบบในหนัง
แต่นิดเดียวคอหักตายเลย
ฉะนั้นเข้าใจว่า นี่เป็นอุบัติเหตุมากกว่า
ไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตายจริง
คุณนุ่น : เขาใช้เสื้อที่ใส่มา
เสื้อแขนยาว แขวนกับบานหน้าต่าง ตอนหนูเข้าไปเขานั่งคุกเข่า
ดังตฤณ : แขวนกับบานหน้าต่างด้วยนะ
ก็จริงๆเป็นเรื่องน่าเสียดาย คือคนตาย ไม่สามารถกลับมาพูดได้ว่าตั้งใจจริงๆ
อย่างไร แต่เท่าที่รู้จักกับคนมาเยอะๆ ถ้าหากเป็นการฆ่าตัวตาย
พยายามฆ่าตัวตายครั้งแรก ส่วนใหญ่จะไม่เอาจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีนี้
เรียกลูกเข้าไป เพราะฉะนั้น ตัวของเจตนาจริงๆ อาจไม่ใช่อัตวินิบาตกรรม
เพราะฉะนั้นที่พูดมาทั้งหมด จะบอกว่า กรรม
หรือที่เราเรียกกันว่าบาป อาจไม่ได้หนักแน่นมาก ไม่ได้รุนแรงมาก
คืออาจเป็นความผิดคาด เป็น
accident ในการที่ว่า กะอย่างหนึ่ง แต่ผลออกมาไม่เป็นไปตามที่คาด
คือคุณนุ่นอาจเข้าไปช้ากว่าที่เขาคิด กว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
ทีนี้จะบอกว่า ในกรณีแบบนี้ เคสแบบนี้
ช่วยไม่ยาก เพราะว่าตัวผู้ตายไม่ได้มีความอยากจะฆ่าตัวตายซ้ำๆ
ไม่ได้มีความยืดเยื้อในการที่จะปลิดชีวิตตัวเอง
เพราะฉะนั้น ลักษณะของความเศร้า
หรือว่าลักษณะของจิตที่มีความหนักแน่นในทางอกุศลที่จะฆ่าตัวตาย ก็จะไม่มาก
ฉะนั้นตรงนี้ ที่เชิญคุณนุ่นมาร่วมให้ข้อมูลกับพวกเราโดยตรง
ก็เพื่อปูพื้นให้ใจคุณ รู้สึกถึงความมีชีวิตของเขาตอนเป็นมนุษย์
รวมทั้งได้รู้สึกถึงคนคนหนึ่ง ความเป็นคนคนหนึ่ง ก่อนจะฆ่าตัวตาย
จะมีเหตุปัจจัยที่หลากหลาย
อย่างกรณีประเภทที่ติดโควิด แล้วไม่ได้เตียง
รู้สึกว่ามีความทุกข์ เกินกว่าที่จะทนได้
ตรงนั้นก็จะมีลักษณะความยืดเยื้อของความโศกเศร้า หรือความคิดไม่ดี
ความคิดที่เป็นอกุศลค่อนข้างนาน ยืดเยื้อกว่าในกรณีแบบนี้นะ
เท่าที่ทราบ
ถ้าหากว่าติดโควิดแล้วไม่มีโรงพยาบาลรับ แล้วถ้าหากว่าไอเป็นเลือดด้วย จะใจเสีย
แล้วก็จะมีความรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่กับตาย จะพอๆ กัน เท่ากัน
จิตใจเลยอาจมีความหมกมุ่น อยู่กับเรื่องการตายไปให้พ้นๆ
ทีนี้ถ้าเรามาอยู่ตรงนี้แล้ว ถึงจุดนี้แล้ว
เราไม่ได้อยู่ๆ มามโนเอาแล้วว่า ขอให้ส่วนบุญไปถึงคุณชู .. ที่เรารู้จักชื่อเล่นของเขาแล้ว
เราทำความรู้จักกับภรรยาผู้ตาย
แบบที่มนุษย์จะทำความรู้จักกัน คือพูดคุยกัน มีการแนะนำตัว มีการบอกเล่าว่า ปัจจุบันชีวิตเป็นอย่างไรในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
แล้วก็พูดถึงความเป็นมาของคุณชู
ที่เรียกคุณชูๆ ไม่เรียกชื่อ-นามสกุลจริง ..
จริงๆ แล้วก็จะสื่อด้วยว่า ชื่อที่เราเรียกกันบ่อยที่สุด ชื่อที่ใช้เรียกกันจริงๆ
บางทีในโลกวิญญาณ จะสื่อได้มากกว่าการเรียกอย่างเป็นทางการ
จริงๆ
คุณนุ่นก็ให้บัตรประชาชนของคุณชูมาด้วยซ้ำนะ แต่เราจะรู้จักคุณชู ว่า ..
เราจะเรียกว่า คุณชู นี่แหละ เพื่อที่จะให้ความรับรู้ของเราตรงกัน ไม่ต้องจำเป็นชื่อจริง
ที่มีความซับซ้อน .. เป็นชื่อเดี่ยวๆ ให้ใจเราคิดถึงคุณชูได้เดี่ยวๆ ได้ง่ายๆ
นะครับ
เชิญคุณนุ่นแนะนำตัวนิดหนึ่งนะครับ
คุณนุ่น : ชื่อพิมญาดา
อายุ ๔๑ ค่ะ มีลูกชายคนหนึ่ง อายุ ๑๐ ขวบ กำลังเรียนอยู่ ป.๕
ดังตฤณ : ลูกชายกำลังน่ารักเลยนะ
ก็รู้สึกอยากช่วยจริงๆ ถ้าเรามารวมกำลังใจกัน รวมความสุขด้วยกัน
เราจะมาช่วยคุณชูกันในคืนนี้ได้อย่างไร
คุณนุ่น : หนูอยู่หมู่บ้าน
แต่ไม่ค่อยมีคนอยู่ บ้านชั้นเดียวธรรมดา แล้วเพื่อนก็พูดให้กลัว หนูก็จิตตก
ลูกก็กลัว
ดังตฤณ : เพื่อนที่พูดให้กลัว
จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ผมและพวกเราทุกคนในที่นี้
อยากให้คุณนุ่นพ้นความกลัวไปแน่ๆ
ซึ่งคืนนี้
ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะรวมเอามวลความสุข รวมเอามวลของบุญ ของคนพันคน
มาอยู่ด้วยกัน เพื่อคนคนเดียวเลย อุทิศให้คุณชู .. เดี๋ยวเรามาดูกันว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกกับคุณนุ่นเองนะครับ
ทุกคนก็คงอนุโมทนาสาธุการร่วมกับนุ่นนะครับ
คืนนี้เราจะนั่งสมาธิกันสองรอบนะ รอบแรก ๑๖ นาที
เป็น workshop ที่จะมาอุทิศแบบเจาะจงให้แก่สามีของคุณนุ่น
รอบสอง ๘ นาที จะเป็นการอุทิศให้บุคคลอันเป็นที่รักของแต่ละคน
โดยที่เราจะมีเทคนิคนิดหนึ่งในรอบสอง ๘ นาที เพื่อที่จะให้กำลังบุญ
กำลังความสุขของพวกเราเบ่งบาน แล้วพร้อมที่จะนำไปใช้อธิษฐานอย่างไรก็ได้
ตามแต่ใจของคุณ
อย่างเช่น คุณอาจเห็นบุคคลในข่าวที่น่าสงสาร
ที่เขาฆ่าตัวตาย แทนที่จะรู้สึกแย่ รู้สึกเจ็บปวดแทน
หรือรู้สึกว่าโลกกำลังจะดับไปพร้อมๆ กัน คุณเปลี่ยน .. พลิกเลย กลายเป็นว่า
อธิษฐานเอากองบุญที่เราสร้างมา แบบมีจุดประสงค์เฉพาะ เป็นกองบุญเฉพาะกิจ
มาอุทิศให้
แล้วก็มีความรู้สึกว่า คุณมีแบ็คอัพ
มีกองทัพของความสุข มีกองทัพของบุญอยู่เบื้องหลัง ที่เราสามารถจะเอาไปต่อยอดอย่างไรก็ได้
ไปอุทิศส่วนกุศลให้กับใครเขา รู้สึกว่า มีกำลัง และสามารถไปได้ถึงจริงๆ
นี่คือจุดประสงค์ของการร่วมไลฟ์คืนนี้นะครับ
ในรอบแรก จะทำกันได้ หรือไม่ได้อะไรอย่างไร
อย่าเพิ่งไปพะวง เพราะจะมีรอบแก้ตัวรอบสอง ซึ่งเดี๋ยวพอเราทำ workshop กันในเคสของสามีคุณนุ่นนี่นะ จะมีโพล เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า
ประสบการณ์ของเราเอง กับประสบการณ์ของเพื่อน กัลยาณมิตรร่วมพันคน ที่ได้ร่วมอุทิศส่วนกุศลด้วยกัน
work แค่ไหนเดี๋ยวจะได้เห็นนะ แล้วเราทำกันแบบเป็นรูปธรรม
จริงๆ แล้วนี่ พอไปทำส่วนตัว อาจเห็นผลไปอีกอย่างนะ
แต่ถ้าเราทำพร้อมกัน หนึ่งพันคน จะมีบางสิ่งบางอย่างนะครับที่ช่วยอยู่
แล้วก็เสริมกันอยู่
คืนนี้ เรามาเริ่มกัน
คุณนุ่นพร้อมนั่งสมาธิไปด้วยกันนะ
_________________
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน ร่วมอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ
- ช่วงกล่าวนำเข้าแผ่เมตตาหลังสวดมนต์
วันที่ 11 กรกฎาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=6VPFAeD40os&t=906s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น