ดังตฤณ : เวลาผมดูคลิปของหมอบี ผมรู้สึกอย่างหนึ่ง
ทั้งชีวิต
ผมก็รู้จักคนที่เก่ง คือสามารถรู้เรื่องหลังความตายได้มาเยอะ
คนยุคนี้ยังเถียงกันอยู่ว่า
ความตายพอเกิดขึ้นแล้ว
มีอะไรเกิดต่อหรือเปล่า
หลังจากนั้นมีอะไรเกิดขึ้น
เถียงกันอยู่ทั้งโลก
เถียงกันมาทุกยุคทุกสมัย
แม้แต่พระพุทธเจ้า
ท่านก็ตรัสว่า
จะต้องเถียงกันไปเรื่อยๆ
นั่นแหละ ไม่มีที่สิ้นสุดหรอก
ตราบเท่าที่สังสารวัฎยังอยู่
เบื้องหลังความตายนี่
เพราะว่าธรรมชาติเขาปิดกั้นไว้
เขาจงใจปิดกั้นไว้
ถ้าขืนเปิดเผยนะ
คนไปนิพพานกันหมด
ทีนี้ประเด็นคือ คนที่เห็นเรื่องหลังความตายนี่ มีหลายประเภท
ประเภทที่
รู้แล้วไม่อยากพูด ไม่อยากพูดเลย
ปิดปากสนิท
แบบนี้ก็ว่ากันไม่ได้
คือไม่อยากวุ่นวาย
อย่างนี้ก็มี
ก็คือได้ประโยชน์เฉพาะตน
กับอีกประเภทหนึ่ง
รู้แล้วอยากพูด
อยากบอก อยากประกาศ
อยากให้คนทั่วไปทั้งหลายได้เข้าใจ
ว่าเรื่องจริงเป็นแบบนี้
ซึ่งการมาบอก
มาประกาศ
ก็จะพาความวุ่นวายมาสู่ชีวิตตัวเองชัดๆ
คือได้ประโยชน์กับคนอื่น
แต่พาความวุ่นวายมาสู่ตัวเอง
เพราะคนนี่
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องถามว่า
จริงหรือเปล่า
เอาอะไรมาพิสูจน์
อยากได้ข้อพิสูจน์แบบวิทยาศาสตร์
ถ้าแน่จริง เรียกผีมาคุยตัวต่อตัว อะไรแบบนี้
คนที่ประกาศว่ารู้
จึงมักจะเจอเรื่องวุ่นวายในชีวิตทำนองนี้
ความขัดแย้ง
หรือเสียงด่าว่าหรืออะไรต่างๆ จากใครต่อใคร
แล้วก็ยังมีแบ่งแยกย่อยออกไปอีกนะว่า
ที่ทำไป
เพื่อช่วยคน หรือหวังอะไร
จะมีย่อยๆ
ออกไปซับซ้อน
นี่เรายังไม่พูดถึงประเภท 18
มงกุฎนะ ที่ไม่เห็น แต่บอกว่าเห็น
หรือว่าไม่ได้รู้จริง
แต่ว่าพูดว่ารู้
รู้อยู่คนเดียว
คนอื่นรู้ผิดหมด
อย่างหมอบี
ที่ผมมองอย่างหนึ่ง
คือ
พอฟังเรื่องหลังความตายจากหมอบีแล้ว
เกิดความรู้สึกขึ้นมาอย่างหนึ่งนะ
ว่า
รู้สึกว่าเข้าใจ
แล้วก็ไม่กลัว
ความเข้าใจนี่แหละ
ที่จะมาแทนที่ความกลัว
ความเข้าใจนี่แหละ
ที่จะทำให้เราตั้งสติ อยู่ในจุดที่ถูกต้องได้
ความเข้าใจนี่แหละ
ที่จะทำให้เราไม่ประมาท
นึกว่าทำๆ
ไป อยากทำอะไรก็ทำ
ตรงนี้
เรียกว่าเป็นคุณค่า เป็นคุณประโยชน์
เป็นหน้าที่ที่คนคนหนึ่ง
เกิดมาแบบนี้
.. แบบหมอบี
จะทำประโยชน์เท่าที่จะทำให้กับโลกได้
หมอบีมีคำแนะนำ
หรือว่าหลักการอะไรไหมที่แบบว่า
จะช่วยให้คนที่ยังกลัวผีอยู่
ได้เกิดความรู้สึกว่า
ต้องทำอย่างไร
ตั้งจิตไว้อย่างไร หรือว่ามีความเข้าใจอย่างไร
ถึงจะหายกลัวได้
โดยไม่ต้องเจอหมอบี
หมอบี : สำหรับผม
ผมนิยามคำว่า ผี คือการยึดติดในขันธ์บางขันธ์
สำหรับผมนะ
ผมนิยามแบบนี้
ผีไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง
ที่ลอยออกมาจากร่างกาย แล้วก็ไปทำอะไรผู้คนได้ โดยธรรมชาติเขาไม่ได้มีรูปขันธ์อยู่แล้ว
เขาทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วครับแต่เป็นใจ ที่ยึดติดกับอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องเชื่อหรือไม่เชื่อ
แต่อย่างน้อยเรารู้ว่าเรามี ร่างกาย มีจิตใจอยู่อย่างนี้
ดังตฤณ
: เมื่อกี้ที่หมอบีพูดมานี่ เป็นคีย์เวิร์ดที่สำคัญมาก แล้วก็ทำให้คนนี่น่าจะได้คิด
น่าจะได้ฉุกใจคิด
คือการที่ตายไปแล้ว
ตายไปพร้อมกับความยึดติดอะไรบางอย่าง
ซึ่งถอนไม่ได้
แก้ยาก และเป็นสังขารขันธ์ที่ยึดติดอยู่อย่างนั้นตั้งแต่เกิด
แล้วถ้าเรามองมาเปรียบเทียบกับตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่
เราก็ยึดติดอยู่กับอะไรบางอย่างเหมือนกัน
หลายๆอย่างเลย
แต่ว่าของโลกวิญญาณนี่
จะเรียบง่ายกว่าถูกไหม หมอบี
คือยึดอยู่กับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นก้อนเบ้อเริ่มจริงๆ
เป็นอะไรที่เหนียวแน่น
เป็นกาวตราช้างประจำชาติของเขา
จิตวิญญาณของเขา
หมอบี
: ใช่ครับ ใช่ คือ ยึดอะไรบางอย่างที่แน่นมาก
แบบบางคนก็ยึดไนคนรักมากๆ
บางคนก็ยึดในที่ดินของตัวเองมากๆ
ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีความซับซ้อนมาก
ก็จะมีแค่อย่างหนึ่ง หรือ สอง อย่างแค่นั้น ที่เขายึด
ดังตฤณ
: ยึดในที่ดินมากๆ ก็จะเหมือนเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์หรือเปล่า
หมอบี
: ประมาณนั้นครับ คือเขายึดว่านี่คือทรัพย์สมบัติของเขา เขาหวงจะไม่ให้ใคร
ก็เป็นความยึดติดในสิ่งนั้นของเขา เพราะเขาคิดว่าสิ่งๆ นั้นคือของเขา เขาจำได้ว่าเป็นของๆเขา
ก็อาจจะเป็นสัญญาขันธ์อันหนึ่งว่า
นี่คือของเขา มีเวทนาอยู่กับสิ่งๆ นั้นว่า
เขาชอบ
เขารัก เขาหลง และก็มีสังขารเพิ่มด้วยว่า นี่คือของของเขา
ก็จะยึดอยู่แบบไม่กี่อย่างจะไม่มีความซับซ้อนเท่าไหร่
ไม่เหมือนมนุษย์ที่
ยังมีความซับซ้อน แล้วก็มีทั้งอารมณ์ และมีความรู้สึกในแต่ละวัน แต่ละช่วง แต่ละชั่วโมง
แต่ละนาที ที่เปลี่ยนแตกต่างกันไปตลอดเวลา
ดังตฤณ
: เพราะคน พอได้สมบัติอะไรมานี่ จะมีสิ่งหนึ่ง ที่เรียกว่าความเบื่อ มาเป็นเครื่องวัดความไม่เที่ยง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คนที่ได้อย่างใจมาทั้งชีวิต ทุกอย่างที่คิดว่าอยากจะได้ ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสิ่งของ
อย่างนี้นี่จะเป็นคนขี้เบื่อ
แต่ผีนี่
เบื่อไม่เป็น ถูกไหม หมอบี
หมอบี
: ครับ ถ้าจินตนาการง่ายๆ จะเหมือนเขามีอารมณ์เดียว เขารู้สึกอยู่อย่างเดียว
แล้วก็ยึดอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
ดังตฤณ
: นั่นแหละ ตรงความยึดติดแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเหมือนมนุษย์นี่นะ จริงๆแล้ว
ไม่ใช่ความน่ากลัว
ถ้าเรามองเห็นความยึดติด
หรือว่าอุปาทานที่ติดตามตัวเขาไปในโลกวิญญาณนี่ จะไม่แตกต่างจากเรา
แตกต่างแค่ในแง่ที่ว่า
เราซับซ้อนกว่า เรายังน่ากลัวกว่า เพราะหมอบีพูดบ่อยๆ บอกว่าผีจริงๆไม่น่ากลัวนะ ยึดติดอยู่อย่างเดียวเรียบง่าย
ถ้าถอนได้
เขาก็หลุดจากความเป็นอย่างนั้น
แต่มนุษย์นี่
ถอนเรื่องหนึ่ง ไปยึดอีกเรื่องหนึ่งต่อ
หรือว่าพยายามที่จะปล่อยวางเรื่องนี้ได้แล้ว สำเร็จแล้ว อีกปีหนึ่ง กลับมายึดใหม่
และอาจยึดรุนแรงกว่าเดิม ด้วยความปรุงแต่งไปแบบพิสดารมาก
ก็เห็นตามหมอบีนะว่า
โลกมนุษย์นี่จริงๆแล้ว น่ากลัวกว่าโลกวิญญาณเป็นไหนๆ เพราะความซับซ้อนในชาติของความเป็นมนุษย์
มากกว่า โลกวิญญาณมากมาย
มนุษย์นี้น่ากลัวกว่าจริงๆ
________________________
วันนี้รู้สึกมีความปีติที่ได้ฟังเรื่องราวหลังความตาย
และการประพฤติตัวของคนในปัจจุบัน ที่ได้ฟังจากหมอบี เรื่องรูปขันธ์
จะไม่รู้สึกกลัววิญญาณต่างๆอีกแล้ว และการอธิบายการรู้จักขันธ์ ๕
อย่างละเอียดมากจากคุณตุลย์ ถือว่าต้องฝึกตัวเองไปตลอดๆ
ดีใจที่มีร่างกายเพื่อจะปฏิบัติเจริญสติ เพื่อปรับเปลี่ยนตัวเอง
เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม ดีในที่มีร่างกายเพื่อปฏิบัติสมาธิเจริญสติค่ะ
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน
ตอน รู้จักขันธ์ ๕ จากสมาธิจิต
- ช่วง คุยกับหมอบี
วันที่ ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๖๔
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=_m4j1jEieQU
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น