วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Q17แผ่เมตตาไม่มีประมาณ ผู้รับจะได้น้อยกว่าแผ่แบบเจาะจง จริงไหม

ดังตฤณ : คนที่พูดแบบนี้ เขายังไม่เคยมีจิตเป็นสมาธิเลยด้วยซ้ำนะ เข้าใจผิดพลาดมาก

 

การแผ่แบบไม่มีประมาณที่แท้จริง คือจิตแบบที่เมื่อกี้คุณเรียนรู้กันไป ว่าสามารถรับรู้ทิศทางเบื้องหน้า หรือด้านขวางได้ หรือถ้าใครมีจิตเต็มดวง 360 องศาเลย ไม่มีทิศเลย รู้พร้อมกันหมดทุกทิศทุกทาง เพราะสมองถูกปลดล็อคจากการมารับรู้ทางหู ระบบการทรงตัวจะอัพเกรดใหม่เลย เป็นอีกแบบหนึ่ง

 

จิตที่แผ่แบบไม่มีประมาณ เป็นจิตที่มีพลังสูงมาก มีอานุภาพสูงมาก ยิ่งแผ่ออกไปได้กว้างมากขึ้นเท่าไหร่ บางคนไปได้เท่าจักรวาลเลย .. ความรู้สึกนะ ความรู้สึกจะเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ใหญ่มาก เป็นจิตแบบเดียวกับพรหม

 

เวลาที่จิตมีพลังแบบนั้น มาทุ่มใส่ใครในทางเมตตา คนนั้นที่ได้รับ จะมีความรู้สึกเหมือนราวกับว่าได้ลอยขึ้นสวรรค์ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย

 

ประเภทบอกว่า แผ่แบบไม่มีประมาณแล้วจะต้องแจกให้ทุกคน นี่ก็เป็นความเข้าใจผิด

 

แผ่แบบไม่มีประมาณนี่ ไม่ได้ตั้งจิตคิดถึงใครเลย แต่คิดแค่รวมๆ ว่า ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกก็ตาม หรือเทวดาก็ตาม ขอให้ได้ทั่วหน้ากัน แล้วจิตที่แผ่ออกแบบมีพลัง ไม่มีประมาณ เวลาไปถึง ถ้าอย่างสมมติมีเปรตที่คอยรับอยู่ข้างๆ เรา เขาจะรู้สึกเหมือนกับว่า มีสึนามิ ของความสุข สึนามิของแสงสว่างที่ท่วมทับตัวเขา

 

เปรตบางตัว ถ้าเป็นเปรตมีบุญ เป็นพวกมีบุญ แต่ว่าตอนจะขาดใจตาย ตายไม่ดีแล้วไปเป็นเปรต พวกนี้บางทีเลื่อนขั้นเลย เพราะระลึกได้ว่าบุญเป็นอย่างไร แล้วตัวเองทำบุญอะไรมาบ้าง แล้วขาดใจจากความเป็นเปรตนั้นไป

 

แต่เปรตส่วนใหญ่ไม่ใช่อย่างนั้นนะ .. ยาก .. โอกาสที่แผ่เมตตา หรืออุทิศส่วนกุศลไปแล้วจะได้เลื่อนขั้น ได้ไปดี จะยาก ไม่ใช่ไปกันง่ายๆ

 

ส่วนใหญ่ก็แค่ รู้สึกมีกำลังมากขึ้น มีความสดชื่นมากขึ้น และถ้าได้รับความสดชื่นมากขึ้นๆ เป็นปีๆ อย่างนั้นถึงจะเลื่อนขั้นได้

 

แต่ประเภทที่ฆ่าตัวตาย แล้วเราแผ่เมตตาไป เขาจะไปดี .. แบบนี้ไม่ใช่นะ

 

การที่จะได้แบบกระเส็นกระสาย หรือได้แบบโฟกัส ขึ้นอยู่กับกำลังของจิต แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง เท่ากันเสมอกัน กำลังเสมอกัน ไม่ใช่กระเส็นกระสาย

 

คนพูดนี่คือคนที่ไม่เคยมีสมาธิจริงๆ เลยด้วยซ้ำ แล้วบางทีก็ยาก ความรู้อะไรพวกนี้ พูดมาจากใครก็ไม่ทราบ แล้วบางที พูดขึ้นมาเหมือนจะแกล้ง อย่างเช่นบอกว่า อย่าไปอุทิศส่วนกุศล ในแบบให้จนหมด เดี๋ยวบุญเราหมดไปด้วย

 

บุญ เหมือนกับแสงไฟที่เปลวเทียน เอาไปต่อกัน ยิ่งต่อยิ่งสว่าง ของเดิมก็ไม่ได้หายไปไหน ความสว่างเดิมยังอยู่กับที่ แต่คนที่ไม่รู้ ก็ไปพูดบั่นทอนกำลังใจ แล้วทำให้เกิดการปฏิบัติผิดๆ บาปกรรมมหันต์เลย

 

บางคนบอกว่า อย่าไปบริจาคดวงตา เดี๋ยวชาติหน้าจะตาบอด .. นี่นะ ประเภทไม่รู้เรื่องแล้วมาให้คำแนะนำแบบนี้ จะเป็นผู้มีสภาพอาภัพบุญนะ ไม่รู้จริงแล้วไปพูด

 

คนบริจาคดวงตา เกิดใหม่ตาดี มีหลักฐานในพระไตรปิฎกเลย ที่พระพุทธเจ้าท่านบริจาคดวงตา เกิดใหม่ ตาท่านเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง เห็นได้มาก เห็นได้ดี เห็นได้ชัดกว่าคนทั่วไป ตาสวยด้วย

 

แต่พวกไม่รู้ก็บอกว่า บริจาคดวงตาแล้วชาติหน้าจะตาบอด

 

ถ้าจะมีภูมิคุ้มกันนิดหนึ่งก็ดี ศึกษาที่พระพุทธเจ้าท่านสอน จะเป็นภูมิคุ้มกันอย่างดีนะครับ เวลาที่เราฟังอะไร จะแยกแยะได้ออกนะ ว่าที่เขาพูดๆ กันอยู่ แม้กระทั่งต่อให้เหมือนกับมีชื่อเสียงมากๆ นี่นะ ก็ไม่แน่ว่าจะพูดตรงความจริงหรือเปล่า

___________________

เคยได้ยินมาว่า การแผ่เมตตาแบบไม่มีประมาณ จะเหมือนสาดน้ำแบบกระจายไป ซึ่งผู้รับก็จะได้คนละนิด แต่ถ้าแผ่แบบเจาะจง ผู้รับจะได้รับมากกว่า เหมือนได้รับเป็นแก้ว อย่างไหนดีกว่ากันคะ?

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน คลายเครียดใน ๓ นาที

วันที่ 24 กรกฎาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป: https://www.youtube.com/watch?v=ENQkFm9GBJs

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น