วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2564

04 นับหนึ่ง – สมาธิวันแรก : รวมฟีดแบค

- ว่างนิ่งมากค่ะ ตอนทำมืออังตามส่วนต่างๆ รู้สึกมีพลังแม่เหล็ก อุ่นๆ ดูดขึ้นมาเลย ประหลาดมากเลยค่ะ

 

ดังตฤณ : ไม่ได้ประหลาดอะไรเลยนะ คุณถามทุกคนได้ ร่วมทำกันพันคน ก็ได้ผลตรงกัน แสดงว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของกาย เรื่องธรรมชาติของจิต

 

ที่ผมตั้งชื่อว่าเป็นคลื่นชีวะ ไม่ใช่เพราะจะตั้งให้เท่ๆ อะไรนะ แต่ไม่ใช่แค่ธาตุไฟ ไม่ใช่แค่พลังชนิดต่างๆ ที่เขาตั้งชื่อกันไว้ แต่ต้องอาศัยใจของเราประกอบด้วย คือมีการตั้งใจเล็งด้วยว่า จะให้เกิดอะไรขึ้น

 

ยกตัวอย่างเช่น พอให้ประสานฝ่ามือที่ท้ายทอยอย่างนี้ แล้วทำความรู้สึกว่า พอฝ่ามือ สิ่งที่เกิดจากฝ่ามือไปกระทบท้ายทอยแล้ว เกิดความว่างไหม เหมือนกับชี้นำไว้ ตั้งธงไว้

 

แล้วทุกคนก็จะพบความจริงเดียวกันว่า ว่าง เหมือนศีรษะหายไป พอศีรษะหายไปนั่นแหละ คือจังหวะที่สมองส่วนหลังทำงานดีขึ้น และสามารถที่จะรับรู้ทิศทางเบื้องหลังได้ด้วย

.

.

- รู้สึกว่าง สลับตันทึบแน่น ตอนว่างก็ไปไม่ถึงเพดานและท้องฟ้าค่ะ

 

- สงบมากครับ ขนาดลืมตามมากดโพล คอมเมนท์ จิดยังจดจ่อลมหายใจได้เลย

 

- ปีติสุขมากแบบไม่อยากออกมากดโพลเลยค่ะ

.

.

- รู้สึกสบายครับ ..โดยเฉพาะการวางฝ่ามือบนหัว.. รู้สึกหัวด้านบนโล่งขึ้นจริงๆครับ

 

ดังตฤณ : ถ้าคุณทำจนชิน ใช้เวลาแค่ครึ่งนาที คุณจะรู้สึกหัวหายไปเลยนะ

.

.

- วันนี้ได้ผลดีมากที่สุดนับตั้งแต่ร่วมนั่งปฏิบัติมาเลยครับอาจารย์ รู้สึกว่าง โปร่ง แม้จะไม่ได้ใสเบานิ่ง แต่ถือว่าดีที่สุดสำหรับผมเลยครับ

.

.

- เวลาส่งเมตตาไม่มีประมาณ ตรงอกรู้สึกแน่นค่ะ แต่เหมือนเวลาหายใจออกแล้วคลายออก

 

ดังตฤณ : ถ้ารู้สึกแน่น เดี๋ยวพอย้อนทำใหม่ ทำบ่อยๆ ทำหลายๆ รอบ จนคุ้นทาง อย่างสมองส่วนหน้าให้ลดการทำงานลงชัวร์ๆ ก่อน ให้มีความรู้สึกอุ่น แล้วข้างหู มือจะโยกหน้าโยกหลัง หรือขึ้นลง ขอให้มีความรู้สึกว่าฝ่ามือหนึ่ง กับอีกฝ่ามือหนึ่ง มีแรงกระทำต่อกัน เอาให้ตรงนี้ แต่ละขั้น ไปเรื่อยๆ เลย พอประสานมือที่ท้ายทอย รู้สึกว่าข้างหลังว่าง ข้างบนรู้สึกกระหม่อมว่างไปหายไป พอมาที่หน้าอก คุณจะรู้เองว่า จะทำแบบสบายๆ อย่างไรให้เกิดความรู้สึกที่ดี

 

และตอนต้นสุดเลย ข้อสำคัญคือ ฝ่าเท้า ฝ่ามือต้องสบายนะ

 

- ตอนที่มืออังหู รู้สึกถึงความอุ่น นั่งแล้วรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจเหมือนตัวโล่งๆ แต่ใจเต้นแยกออกมา ตอนท้ายๆ รู้สึกอึดอัดนิดๆค่ะ

 

ดังตฤณ : พอรู้สึกอึดอัดนิดๆ ให้หายใจยาวๆ สบายๆ ไม่ต้องตั้งใจ

คือที่ไกด์เรื่องแผ่เมตตา เพื่อที่จะให้คุณเข้าใจได้ง่ายที่สุด ว่าจะเปิดจิตเปิดใจออกสู่ทิศต่างๆ ได้อย่างไรนะครับ

 

ถ้าอึดอัด ค่อยย้อนกลับมาทำใหม่ก็ได้

 

- ตอนนำมืออังกลางอก เหมือนใจกลางอกดีดตัว แยกออกจากกันดังเป๊าะแล้วใจโล่งเบา จิตโล่งสว่างไม่หนักค่ะ รู้สึกเหมือนจิตเปิดกว้างขึ้นจริงๆค่ะ แล้วเห็นตัวเราชัดแต่เล็กลงค่ะ

 

ดังตฤณ : ที่ผมพูดไป ไม่ใช่การสะกดจิต แต่ว่าเป็นการให้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริงนะ เมื่อเราทำตามลำดับขั้น

 

จะยากตรงที่ทำอย่างไรจะรู้ลำดับขั้น ว่าจะเปิดออกได้รอบ 360 องศานะ

 

นี่ก็ถือว่าเป็นบุญที่ผมนึกขึ้นมาตอนนั่งสมาธิ ว่าอยากช่วยให้คนได้ผ่อนคลายความตึงเครียด และจะมีวิธีไหนได้ ก็ไปเจอ sequence นี้ คือลำดับขั้นตอนตรงนี้ ซึ่งหวังว่า 100% ขอสัก 80% เพื่อว่าประเทศไทยเราคงดีขึ้นนะครับ อะไรๆ คงผ่อนคลายไปได้บ้างนะ เพราะตอนนี้ ทุกคน เห็นข่าวอ่านข่าวแล้ว ไม่มีใครหรอกที่จะไม่เครียด

 

หลังทำสมาธิ 5 นาทีร่วมกัน (โพลรอบ 2)

 

- พอทำต่อเนื่องไปรู้สึกหายใจยาวขึ้นและลมละเอียดมากขึ้นครับ

 

- รู้สึกว่า ลมหายใจกับมือจะเหมือนเป็นอันเดียวกัน

 

ดังตฤณ :  นี่คือสิ่งที่ผมให้สังเกตนะ คือพอเราทำมือกอบลม หงายขึ้นมา จะมีความสัมพันธ์กับการรับรู้ทางใจ เพราะมือหงาย จะเหมือนอาการดันขึ้นใช่ไหม และถ้าลมหายใจสัมพันธ์กันกับอาการดันขึ้นไปมากๆ ก็จะเหมือนกับมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างมือกับลม

 

เป็นการรับรู้ทางจิต เป็นการสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาด้วยสัญลักษณ์

 

การหงายขึ้น ก็คือการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับลมเข้า

การคว่ำลง ก็คือ ลากลมออก ดึงลมออก เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

และ การเอาวางมือสงบลงกับหน้าตัก ตรงนี้ผมย้ำนะว่าสำคัญที่สุดเลย ถ้าคุณวางมือลงกับหน้าตัก แล้วใจไม่ไปไหน รู้สึกถึงฝ่ามือที่นิ่งกับหน้าตักได้ ตรงนั้น คุณจะรู้จังหวะในการเอาลมหายใจเข้าออก อย่างถูกต้อง ตามธรรมชาติของกายนะครับ

 

(ต่อ) รู้สึกหายใจได้ยาวขึ้น แต่ก็มีบางครั้งเหมือนหายใจสุดแล้วเหมือนจะกลั้นก่อนหายใจออก ถือว่าผิดไหมคะ

 

ดังตฤณ : ไม่ใช่ผิดหรือถูก อย่าเพิ่งไปเอาผิดเอาถูก ขอให้สังเกตว่าเราหายใจแบบไม่มีข้อบังคับ พูดง่ายๆ หายใจส่งเดชมากันทั้งชีวิต

 

ทีนี้พอมาเริ่มมาแนวทางที่จะหายใจแบบรู้จังหวะจะโคน ก็จะเหมือนกับไม่เคยชิน หรือว่าแตกต่างจากที่คุ้นเคยมา

 

จังหวะที่หยุดเข้า คุณสังเกตได้นะ เดี๋ยวฝ่ามือคุณจะราวกับเป็นพี่เลี้ยง ราวกับเป็นติวเตอร์ คอยมากำกับว่าคุณหายใจถูกจังหวะอยู่หรือเปล่า

 

คือพอมีความผูกโยงกันระหว่างฝ่ามือกับลมหายใจนี่ ฝ่ามือจากเดิมที่เป็นผู้ทำหน้าที่คอยติดตาม จะกลายเป็นผู้นำขึ้นมา

 

ตอนที่คุณเอามือมาเหมือนพนมมือครึ่งซีก แล้วรู้สึกว่ากลั้นหายใจ พอดีหรือไม่พอดี มือของคุณจะช่วยไกด์ว่า นี่นานเกินไปแล้ว กลั้นนานเกินไปแล้ว

 

หรือพอมาถึงตรงนี้แล้วถึงจังหวะที่รู้สึกว่า สามารถออกได้อย่างสบาย ก็เอาจังหวะนั้น เลือกจังหวะนั้น ฝ่ามือของคุณ .. เดี๋ยวลองสังเกตนะ คุณจะทำทั้งวันก็ได้ ไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน เพราะใช้แค่ความเคลื่อนไหวทางร่างกายนะครับ

 

แล้วถ้าคุณยิ่งทำบ่อยมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเห็นผล ยิ่งเข้าใจ เหมือนกับฝ่ามือฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เดิมเป็นเหมือนกับหุ่นยนต์โง่ๆ แต่พอคุณให้มีความสัมพันธ์กับลมหายใจ นานเข้าๆ จะกลายเป็น AI ขึ้นมา มีความฉลาดขึ้นมา มันจะไกด์คุณราวกับว่าเป็นอีกคนหนึ่งมาช่วยสอน แต่ไม่ใช่ช่วยสอนแบบเทพมา เป็นมือมนุษย์นี่แหละ ที่คุณสร้างความสัมพันธ์กับลมหายใจขึ้นมา

 

และก่อนทำ ขอแนะนิดหนึ่ง ว่าแผ่เมตตาก่อน ตามแบบที่นั่งกันมาช่วงต้น ที่ใช้มืออังส่วนต่างๆ เพราะว่าถ้าสมองของคุณถูกปรับให้มีการทรงตัวดี แล้วมาฝึกสมาธิ โดยอาศัยมือช่วยไกด์ด้วย ก็จะเป็นการเริ่มต้นอานาปานสติ ที่ดีแบบสมบูรณ์เลย

 

คือตั้งต้น จิตกับสมองคุณมีความพร้อมที่จะตั้งตรง แล้วพอเริ่มฝึกอานาปานสติ คุณมีอุบาย มีไกด์ที่จะช่วยให้จิตมีความสามารถรู้ลมหายใจได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา

 

อันนี้จะสมบูรณ์เลยนะครับ จะได้วิตักกะ และวิจาระ สมบูรณ์แบบ 100% ภายในเวลาไม่นาน

 

จริงๆ ถ้าผมจะให้คุณเข้าถึงอุปจารสมาธิ ผมให้เวลาคุณต่อไปอีกสักครึ่งชั่วโมง หรือ 45 นาที หลายๆ คนจะถึงเลยนะ มีปีติ มีสุขอันเกิดแต่วิเวก เพราะว่าพวกเราใช้เสียงสติช่วยจัดระเบียบสมองกันมานาน คลื่นสมองดีขึ้นเรื่อยๆ มี pattern ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

 

และพอมาได้แนวทางที่แน่นอนว่าเราจะรู้ลมหายใจได้อย่างชัดเจน ก็เหมือนกับเสริมกัน เหมือนเสือติดปีก

.

.

- รู้สึกลมหายใจชัดตลอดค่ะ รู้สึก ๕นาทีผ่านไปไวมาก รู้สึก amazingมากค่ะพี่ตุลย์

 

ดังตฤณ : สมาธิ จะทำให้เวลาทางความรู้สึกหายไปเสมอ เพราะในธรรมชาติความจริง เวลาไม่มีตัวตน มีแต่การเคลื่อน มีแต่การเปลี่ยนไปของขันธ์ทั้ง 5 และถ้าหากว่าขันธ์ทั้ง 5 เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยอาการที่เป็นสมาธิมีความใหญ่ของจิต ก็จะรู้สึกว่า แป๊บเดียว

 

อย่างพอคนทำสมาธิได้ถึงฌาน ไปเรื่อยๆ ทำได้ถึงฌานแบบเป็นปกตินี่นะ จะรู้สึกเลยอยู่ทุกขณะจิตว่า 1 ชีวิตมนุษย์ 1 ชาติ แป๊บเดียว แสนสั้น และมองกลับมาว่าผู้คนวุ่นวาย เดือดร้อนอะไรกันทั้งชีวิต เพื่อหาอะไรก็ไม่ทราบ ก็จะรู้สึก .. เออ อยากให้คนอื่นๆ ได้มีความเข้าใจนะครับ

 

ทีนี้ ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ หลุดพ้นแล้ว ถึงได้กลับมาโปรดพวกเรา บางคนหาว่า ยังไม่หมดกิเลส กลับมาสอน ที่แท้ไม่ใช่นะ .. ท่านสงสาร และกลับมาสอน

.

.

- หายใจเข้าได้เต็มปอด โล่งค่ะ แต่หายใจออกยังแน่นๆ อึดอัด..ไม่สมูธ

 

ดังตฤณ : เอาอย่างนี้แล้วกัน ในขั้นต่อไป เวลาลากมือลงมา ให้ทำความรับรู้ว่า ฝ่ามือเป็นเครื่องพยุงความสบายลงมาจนสุด

และพอวางมือสุด สำคัญ ให้รับรู้ถึงฝ่ามือที่วางนานจนกว่าร่างกายจะหิวลม แล้วก็เรียกเอาลมใหม่เข้าเอง ฝ่ามือถึงทำงานต่อ

ตรงนี้ ที่จะช่วยให้การหายใจออกสบายขึ้น โล่งขึ้นเรื่อยๆ นะครับ

 

ย้ำอีกทีนะ ตอนวางมือ สำคัญมาก ถ้าจิตของคุณอยู่กับมือที่วางสนิท โดยไม่มีอาการกระสับกระส่ายได้ ตรงนี้ในที่สุดคุณจะจับจังหวะของการหายใจทั้งเข้าและออก ได้ในเวลาไม่นานเลย

 

คือครั้งเดียวคุณอาจโล่งเลยก็ได้

.

.

- ได้รู้ถึงลมหายใจเข้ายาวหรือเข้าสั้นและลมหายใจออกก็รู้ตลอด การหายใจมีความรู้สึก มีพลังค่ะ

 

ดังตฤณ : เพราะว่าการหายใจอย่างมีสติ คือการหายใจแบบที่ชีวิตเกิดความสมดุลออกมาจากตรงกลาง ถึงได้มีพลังนะ

 

- ดีมากคะ เบาสบายคะ เมื่อก่อนฝึกหายใจเข้า ออก จะรีบ อึดอัด จนเลิกทำ แต่ครั้งนี้ดีมาก จะฝึกต่อคะขอบคุณมากค่ะ

.

.

 

- เพิ่งเข้ามาทำครั้งแรกรู้สึกหนักๆไปที่ลิ้นปี่ค่ะ

 

ดังตฤณ : อาจเพราะเราอัดลมเข้าไปด้วยความเคยชิน ลองดูครั้งต่อๆ ไป ทำอย่างที่ย้ำ และจะย้ำอีกที คือตอนวางมือบนหน้าตัก ให้ทำความรู้สึกคอตั้งหลังตรง สำรวจฝ่าเท้าฝ่ามือทุกครั้งเลยได้ยิ่งดี เพื่อที่จะได้เกิดความรู้สึกว่า นั่งเฉยๆ โดยไม่ต้องมีลมเข้าไม่ต้องมีลมออก ก็สบายดี

ทำได้อย่างนี้เรื่อยๆ ในที่สุด จะเกิดความผ่อนคลายขึ้นมาทั้งตัว

 

ความผ่อนคลายนี้ จะทำให้เกิดสัญชาติญาณรู้ขึ้นมาเองว่า หายใจอย่างไรถึงพอดี ไม่หนักเกินไป ไม่ทุ่มแรงเกินไป

 

- ลมหายใจจากหยาบๆค่อยๆเบาลงค่ะ จนเหมือนลมหายไปแต่ยังรู้ว่ามีลมเข้าออกอยู่ค่ะ

 

- รู้สึกเหมือนหายใจได้เต็มที่ ลมหายใจชัดขึ้นค่ะ

เป็นเรื่องปกติเลยนะครับ

.

.

- ช่วงแรกๆยังติดขัดอยู่ พอผ่านไปสักพักจะโล่งโปร่งเบาสบายๆหายใจเข้าออกได้มากกว่าช่วงแรกค่ะ

 

ดังตฤณ : เพราะหายใจได้เต็มปอดขึ้น ต่อให้เป็นภูมิแพ้นะ ถ้าใช้วิธีนี้ อุบายนี้ คุณจะรู้สึกว่าธรรมชาติของกายปรับตัวดีขึ้น มีความสามารถที่จะรับลมได้มากขึ้น และในที่สุด ภูมิแพ้จะแพ้ไปนะ

 

- นั่งนิ่งๆโดยไม่ยกมือ จะสงบ นิ่ง ลมหายใจสั้น เหมือนแทบไม่ได้หายใจครับ

 

ดังตฤณ : ลองยกดูด้วยก็แล้วกันนะ ผมไม่แน่ใจว่า หมายความว่าไม่ได้ยกมือตลอด หรืออย่างไร

คือถ้าเหมือนแทบไม่ได้หายใจ หรือหายใจสั้น ก็แปลว่าไม่ได้ใช้มือช่วยไกด์นะ

 

- วันนี้เปลี่ยนท่านั่งมานั่งบนเก้าอี้ด้วยค่ะ รู้สึกสบายขึ้นมาก รู้สึกถึงลมหายใจชัดตลอด มีเร็วและช้า แต่แปลกใจตรงความสว่างที่ปกติเคยแค่ดำกับขาวแต่วันนี้มีดำ ขาว ชมพูเหลือง ด้วยค่ะ แต่ตกใจตอนอาจารย์บอกเวลา

 

ดังตฤณ : นั่งเก้าอี้เหมาะกับคนเริ่มนั่งสมาธิ ตอนยังไม่มีปีติ ไม่มีสุข นั่งเก้าอี้ นี่ดีที่สุดเลย ขอรับประกันตรงนี้

ทุกวันนี้จริงๆ ผมก็นั่งขัดสมาธินะ ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะ แต่ส่วนใหญ่ไม่เลือก อย่างนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ (เก้าอี้ที่ใช้นั่งขณะ Live) ผมก็นั่งสมาธิอยู่เรื่อยๆ นะ ก็ได้ผลเหมือนกัน

 

บอกจากคนที่นั่งทั้งสองแบบ ทั้งนั่งเก้าอี้ และนั่งขัดสมาธิ ไม่ได้มีอะไรต่างกันเลยนะ เข้าสมาธิได้เหมือนกัน มัวแต่ไปนั่งทรมานตัวเอง บางคนนี่ จะขัดสมาธิให้ได้ กลัวจะผิด ปรากฏว่าเลยเป็นเครื่องรบกวนเสียครึ่งชีวิต สมาธิไม่ไปถึงไหน

 

มานั่งเก้าอี้ เอ๊ะ ก็นั่งได้ไม่เห็นจะเป็นอุปสรรคขัดขวาง หรือผิดพิธีกรรมอะไรนะ ไม่มีหรอก พิธีกรรมว่านั่งสมาธิจะต้องอยู่ท่าไหน ถึงจะดีที่สุด work ที่สุด

 

ท่าที่สบาย ท่าที่เอื้อให้ลมหายใจเดินสะดวก นั่นแหละ เหมาะกับอานาปานสติที่สุดนะครับ

 

ส่วนที่บอกว่าความสว่างมีสีอื่นปนเข้ามาก็ช่างเถอะ จะสีอะไรมีความหมาย มีความสำคัญแค่ให้สังเกตว่า ตอนนี้มีภาวะแบบนี้เกิดขึ้น แล้วภาวะแบบนี้ จะหายไปเมื่อไหร่ในลมหายใจไหน

 

ต่อไปอาจมีสีม่วง สีเขียว หรือ สีมลังเมลืองอะไรก็แล้วแต่ ให้ตีค่าไว้เหมือนกันหมด ว่ามาให้ดูว่าเกิดขึ้นที่ลมหายใจไหน และหายไปที่ลมหายใจไหน

 

เมื่อคุณเห็นว่า เกิดขึ้นแล้วต้องหายไปเป็นธรรมดาทั้งหมด ในที่สุดคุณจะตีค่าทุกภาวะที่กำลังเกิดขึ้นก็ตาม หรือเกิดใหม่เอี่ยมก็ตาม ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนในชีวิตเลย คุณจะตีค่าเท่ากันหมด เหมือนกับลมหายใจที่เข้าแล้วต้องออกมาเป็นธรรมดา

 

ตรงนี้แหละที่เรียกว่า เข้าทาง .. เข้าทางสู่มรรคผลจริงๆ คือเข้าทางที่จะทิ้งอุปาทาน ว่าเป็นตัวของคุณ หรือคุณต้องให้ความสำคัญอะไรกับมัน

.

.

 

- เหมือนเจอวิธีนั่งสมาธิที่เหมาะกับตัวเองแล้วค่ะ อยู่กับลมหายใจได้ตลอด แต่ลมหายใจออกจะยาวกว่าหายใจเข้า

 

ดังตฤณ : จะอันไหนยาวกว่าไม่เป็นไรนะ สำคัญที่ว่าคุณสังเกต .. อย่างพอได้เครื่องสังเกตเป็นฝ่ามือ คุณบอกถูกว่า ตอนขาออกนี่ ยาวกว่าขาเข้า ตรงนี้คือไม่ใช่สาระ

 

สาระอยู่ตรงที่ว่า คุณรู้ .. ถ้ารู้ว่าลมหายใจออก ยาวกว่า นี่ก็เรียกว่าเป็นขั้นต้นของอานาปานสติแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสมา ยกที่เป็นตัวตั้งขึ้นมา ให้รู้ว่ากำลังหายใจเข้า ให้รู้ว่ากำลังหายใจออก และรู้ว่าหายใจยาวอยู่ หรือว่าหายใจสั้นอยู่

 

ท่านแยกเป็นลมเลยนะ ว่าลมหายใจเข้ายาว ลมหายใจออกยาว หรือว่าลมหายใจเข้าสั้น ลมหายใจออกสั้น ท่านแยกเป็นตัวๆ เลย

 

แล้วพอเรารู้ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ในที่สุดจิตจะตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ดู แยกออกไปดูเป็นต่างหากอยู่เบื้องหลัง ตัวนี้ที่จิตผู้รู้เริ่มเกิดขึ้น

.

.

- ช่วงแรกๆพอมือวางลงตักแล้วอึดอัด รู้สึกว่าต้องหายใจต่อเลยแบบรีบๆค่ะ แต่สังเกตตัวเองได้ว่านั่งงอหลัง พอปรับท่านั่งเป็นหลังตรง ก็รู้สึกว่าหายใจดีขึ้นเลย ไม่อึดอัดแล้วรู้ลมหายใจเข้าออกได้ดีเลยค่ะ

 

ดังตฤณ : ตอนแรก ไม่แปลกหรอกถ้าหากว่าคุณวางมือลงแล้วจะเกิดความอึดอัด เพราะว่าความเคยชินเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนั่งสมาธิ คนเรามักะสั่งตัวเองให้หายใจเข้าทันที จะเจืออยู่ด้วยความโลภ เจืออยู่ด้วยความไม่เข้าใจ เจืออยู่ด้วยการไม่รู้ตามธรรมชาติ ไม่มีสติตามธรรมชาติ

 

แต่พอคุณเริ่มที่จะจับจุดถูกว่า เวลาที่เราวางมือลงบนหน้าตักเฉยๆ ตัวจะยังนิ่ง คอตั้งหลังตรงอยู่ได้สบายๆ ไม่เห็นต้องรีบอะไรเลย พอจิตเข้าจุดนี้ได้ จับจุดตรงนี้ได้ถูกว่า ไม่เห็นต้องรีบร้อน นี่แหละ ที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด คุณจะรู้สึกอย่างที่บอกนี่แหละ ปรับท่านั่งเป็นคอตั้งหลังตรงแล้วก็ไม่อึดอัด และต่อจากนี้ ถัดจากนี้ไป สมาธิคุณจะมีแต่ดีกับดี ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้ายังคงรักษาความเข้าใจ และเห็นว่าจะต้องทำอย่างไรกับสติของคุณอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะครับ

.

.

- บางครั้งหายใจสั้น บางครั้งหายใจยาว ครั้งนี้รู้สึกสงบมากสุด กว่าทุกๆครั้งที่ทำมาก่อน ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

 

ดังตฤณ : ทำไปเรื่อยๆ นี่คือคำแนะนำที่ดีที่สุด วันนี้คุณแค่ทำ 5 นาที แต่เดี๋ยวพอจบรายการ ทำต่ออีก และทำเรื่อยๆ ทำทุกวัน ทำทั้งวันเท่าที่มีโอกาส ในที่สุดแล้วคุณจะไม่จำเป็นต้องอาศัยฝ่ามือช่วยก็ได้นะ จะรู้ลมหายใจขึ้นมาเองเป็นอัตโนมัติ และระบบการหายใจของคุณจะเปลี่ยนไปหมดเลยนะ จะเข้ายาวออกยาวได้เป็นปกติขึ้น

 

และสติ จะมีเหมือนตัวหล่อเลี้ยงมาค้ำจุนให้ตั้งอยู่ได้นานขึ้น ตรงนี้ ที่จะเป็นจุดเปลี่ยน จุดต่างของชีวิตการภาวนาของคุณเลยนะครับ

 

เดี๋ยวพอทำแอนิเมชันเสร็จ คุณจะรู้ครบวงจรกันมากขึ้นนะ ตรงนี้เอาเป็นขั้นๆ ก่อน คืนนี้เอาแค่วิตักกะ กับวิจาระให้ได้ ซึ่งได้แล้ว และน่าพอใจ

.

.

- รู้สึกเห็นแขนที่เคลื่อนไหว ขึ้นลงตามลมหายสัมพันธ์กัน รู้สึกลมหายใจเข้า ออก ชัด เวลาผ่านไปเร็วมาก จิตเบา สบาย ระหว่างทางจะเกิดปีติมากบ้างน้อยบ้าง เห็นการเกิดดับเป็นระยะๆ คะ

 

ดังตฤณ : เยี่ยมเลยนะครับ เป็นฟีดแบคที่บอกตัวเองอยู่แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นนะครับ

 

- ตามรู้ลมหายใจได้ตลอดชัดเจนและรู้สึกร้อนแผ่วๆ คล้ายเหงื่อซึมออกมาที่กาย แต่ใจสบายค่ะ

 

ดังตฤณ : ไม่มีความหมายหรอก ตรงที่ร้อนบ้างอะไรบ้าง มีอุปสรรคอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าจุดสำคัญ แก่นกลางเลย สาระอยู่ตรงที่ว่า คุณรู้ลมหายใจได้ตลอด เดี๋ยวจะเห็นอะไรมากกว่านี้อีก ที่มาขัดแทรก มาเป็นคลื่นรบกวน หรือมาทำให้ไขว้เขวไป แต่ถ้าเรายังสามารถรู้ลมหายใจได้อย่างต่อเนื่อง มีวิตักกะ มีวิจาระ อย่างสมบูรณ์ ในที่สุดแล้วสมาธิคุณจะพัฒนาไปเรื่อยๆ ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ จิตจะมีความประณีตมากขึ้นเรื่อยๆ

.

.

- ตอนขยับมือขึ้นลงรู้สึกชัดตลอดพอลองหยุด แล้วตามแค่ลมหายใจก็จะหลุด มีเสียงความคิดแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่ถึงขนาดฟุ้งตามไป เหมือนจิตมีกำลังกว่าปกติ

 

ดังตฤณ : เป็นธรรมดานะ พอเรามีวิตักกะ และมีวิจาระได้ระยะหนึ่ง แค่นาที สองนาที ในที่สุดแล้ว ก็เป็นสมาธิอ่อนๆ ขึ้นมา แล้วก็สมาธิอ่อนๆ จะเพิ่มกำลังให้กับจิต เหมือนมีสติมากขึ้น เหมือนมีความสามารถจะกระทำการอะไรมากขึ้น นั่นเป็นเรื่องปกตินะครับ

 

การใช้มือไกด์ ถ้ายังไม่รู้สึกว่า รู้ลมหายใจได้เป็นอัตโนมัติ ใช้ไปเรื่อยๆ เถอะ แต่ถ้ารู้เป็นอัตโตมัติได้แล้ว ลองหยุดดู แล้วค่อยมาสังเกตลมอย่างเดียว อย่าเพิ่งรีบปล่อย

______________________

รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน นับหนึ่ง – สมาธิวันแรก

- ช่วงรวมฟีดแบค

วันที่ 31 กรกฎาคม 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=sL5WcIUZmB0&pp=sAQA

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น