ดังตฤณ : การขอต่อหน้าพระประธานอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าขอแล้วจะได้นะ ต่อให้มีความมุ่งมั่น จะเอาให้ได้อย่างใจก็ไม่ใช่ว่าเราจะได้มา
เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปกลัว
เอาเป็นว่าการอธิษฐานครั้งนั้นของคุณไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงนะครับ
คือถ้ามีเหตุให้จิตจะเห็น
มันก็เห็นของมัน แต่ถ้าไม่มีเหตุ ก็ไม่เห็นนะ เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า
คนอยากขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าทำชั่ว ก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ คนอยากลงนรก แต่ว่าทำแต่ความดี
ก็ไม่ได้ลงนรก เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เป็นไปตามคำขอนะ
นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้
เพราะฉะนั้น
ตรงนี้คือ เอาแค่ว่าต่อไปเราตั้งจิตไว้ อยู่ในทิศทางที่มีสติตามจริงนะครับว่า
จะเห็นอะไรก็เห็นไป เห็นแล้วเราจะรู้ว่ามันไม่เที่ยงก็แล้วกัน
พอเห็นว่ามันไม่เที่ยงบ่อยๆ
อะไรๆ ไม่เที่ยงภายในภาวะของกายใจนี้ ในที่สุดก็เกิดสติปัญญาแบบพุทธ รู้ว่า
ไม่ใช่เราจริงๆ ด้วย แม้กระทั่งวินาทีนี้ เรานั่งฟังอยู่ หรือผมนั่งพูดอยู่
ก็มีแต่อารมณ์ที่เป็นสุขเป็นทุกข์ ที่ดึงเราไปยึดว่าภาวะอย่างนี้คือตัวคือตนของเรา
แต่จริงๆ มันไมใช่ตั้งแต่ตรงนี้เลย
เพียงแค่เราทำความรู้จัก
ทำความรับรู้ความไม่เที่ยงและเห็นความไม่เที่ยงนี้ไปเรื่อยๆ
จะได้ข้อสรุปขึ้นมาเองว่า ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในกายใจนี้
ไม่เคยมีอะไรเป็นตัวเป็นตนเลยนะ
_____________________
ถ้าเราเคยอฐิษฐานต่อหน้าพระประธานในสถานที่ปฏิบัติธรรมว่าขอไม่เห็นทุกอย่างที่ธรรมชาติปิดกั้นไว้
ในระหว่างการฝึกวิปัสสนา เพราะความกลัว
โดยไม่ทราบว่าการมองเห็นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรม
จะเป็นการปิดกั้นความก้าวหน้าในการฝึกมั้ยคะ และแก้ไขอย่างไรคะ ขอบคุณค่ะ
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน นับหนึ่ง –
สมาธิวันแรก
- ช่วงตอบคำถาม
วันที่ 31 กรกฎาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=8Q_oqwQu-68&pp=sAQA
** IG **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น