ดังตฤณ : นี่ก็เป็นคำถามเชิงอภิธรรม ซึ่งในมุมมองของผม ไม่มีประโยชน์กับการปฏิบัติเท่าไหร่
เอาเป็นว่าคุณคิดง่ายๆ
อย่างเราขับรถไป เรารู้ทั้งมือที่ขยับพวงมาลัยใช่ไหม รู้ว่าเรากำลังใช้เท้าเหยียบคันเร่ง
รู้ว่าเรากำลังมองเห็นสิ่งกีดขวางชนิดใด .. พร้อมกันหรือต่างกัน ทีละอย่าง
หรือรู้พร้อมกัน เอาไปลองตรองดูนะ
พระพุทธเจ้าไม่เคยมาบอกเลยนะว่า
จิตรับรู้ได้ทีละอย่างเท่านั้น พระพุทธองค์เคยทำในสิ่งที่ฤาษีอื่นทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
พระองค์ทำได้คนเดียวในจักรวาล คือให้มีทั้งกสิณไฟ และกสิณน้ำเกิดขึ้น บันดาลทั้งไฟ
บันดาลทั้งน้ำออกมาพร้อมกัน
พูดไปเดี๋ยวก็เป็นความคิดเห็นนะ
เป็นความขัดแย้งกันทางทฤษฎีมานมนาน ไม่รู้จะไปเอาตรงนั้นทำไม เพราะบางคนก็บอกว่า
เพื่อที่จะฝึกให้ถูกต้อง อย่างเช่น มองดูด้วยตา ก็ให้รู้อย่างเดียวว่าตาเห็นรูป
จริงๆ
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น ท่านให้ดูว่าตามองรูปแล้ว เกิดสังโยชน์
เกิดความยึดติดถือมั่นอะไรขึ้นมาหรือเปล่า ถ้าเห็นปฏิกิริยาทางใจ เป็นสังโยชน์
ก็ให้รู้ว่าสังโยชน์นั้นไม่เที่ยง หรือไม่ก็หาทางดับสังโยชน์นั้นนะครับ นี่คือหลักของอายตนปัพพะ
แต่คนปัจจุบัน
นักวิชาการจะมามองว่า ถาหากว่าเราจะปฏิบัติให้ได้ผลจริง ต้องรู้ทีละอย่าง
รู้เป็นเรื่องๆ ถ้าตาเอาไปบวกกับรูป ต้องเห็นแต่รูปนั้นอย่างเดียว
ห้ามไปรู้อะไรอย่างอื่นทางเสียง ทางจมูก ทางปากทางกายอะไร ห้ามเห็น .. ไม่ใช่นะ
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น
ท่านสอนให้ดูสังโยชน์ในแต่ละอายตนะ คู่อายตนะ นะครับ
____________________________
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน นับหนึ่ง –
สมาธิวันแรก
- ช่วงตอบคำถาม
วันที่ 31 กรกฎาคม 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=OuxDADC7dm4&pp=sAQA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น