วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564

Q02เกิดปีติน้ำตาจะไหล อาการปกติไหม

ดังตฤณ : ถามมาบ่อยนะ ปีติเหมือนจะร้องไห้ กลัวว่าจะผิดปกติ .. ไม่ได้ผิดปกตินะ แต่เป็นความยังไม่คุ้นเคย

 

พอจิตเริ่มนิ่ง วิเวก แล้วก็อยู่กับตรงนั้นไม่ไปไหน ก็จะค้นพบว่าภาวะภายในอีกแบบหนึ่ง ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ที่แตกต่างไป มีความสุขอย่างล้นหลาม แล้วก็เป็นความดีใจ ปีติแบบดีใจ เทียบกับได้ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

 

ของขวัญแบบที่คนอื่นให้มา แล้วเราดีใจแสนดีใจ นึกว่านั่นดีใจที่สุดในโลกหน้าตาเป็นแบบนั้นแล้ว

 

พอมาเทียบกับดีใจที่จิตไม่กระสับกระส่าย จิตเลิกดิ้นรน .. โอ้โห คนละชั้นกันเลย เหมือนโลกกับสวรรค์

 

ดีใจแบบได้ของ คือดีใจแบบมนุษย์

แต่ดีใจแบบได้ปีติสุขในสมาธิ เป็นปีติสุข แบบเทวดา เป็นปีติสุขอันเป็นทิพย์ ซึ่งน้อยคนที่จะมาถึงตรงนี้

 

แล้วถ้ามาถึงตรงนี้ได้ อย่าปล่อยให้มันหายไป พยายามรักษาไว้ คือไม่ใช่รักษาด้วยความหวงปีติสุข แต่ว่ารักษาแนวทางในการทำให้เกิดปีติสุข แบบนี้ เพื่อที่จะได้มีเครื่องหล่อเลี้ยงให้สติ อยู่กับกาย อยู่กับใจได้ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่เบื่อหน่าย โดยไม่มีความรู้สึกอึดอัด

 

ตรงกันข้าม ยิ่งทำ ยิ่งเกิดความพอใจ และยิ่งทำยิ่งอัพเกรดให้จิตมีความประณีต ยิ่งๆ ขึ้นไป

 

พอจิตมีความประณีต เห็นสักแต่ว่าปีติ .. นี่ผมพูดในเชิงปฏิบัติแบบที่พระพุทธเจ้าตรัสในอานาปานสติสูตรนะ อย่าตีความเป็นอภิธรรมนะ

 

ตัวปีติ ที่เกิดขึ้น จัดเป็นเวทนาชนิดหนึ่ง เป็นเวทนาในอานาปานสติสูตร

 

เมื่อปีติเกิดขึ้นบ่อย แล้วก็มีความจัดเจน มีความคุ้นมากพอ คุณจะพบว่า อาการที่แรงๆ เหมือนดีใจอยากร้องไห้ จะลดระดับลง แต่ไม่ใช่ลดปีตินะ ไม่ใช่ลดกำลังปีติ แต่มีอุเบกขาประกอบกับปีติที่เกิดขึ้นแรงๆ นั้น

 

และปีติ กับสุขแบบนั้น จะมีอำนาจระงับความฟุ้งซ่านได้ ลองดู สังเกตนะ เวลาที่เรามีภาวะของปีติสุขเอ่อล้นอยู่ พอภาวะความฟุ้งซ่านจะจรเข้ามาในหัว เราแค่กลับมาตั้งอยู่กับความรู้สึกปีติ แล้วสุข

 

ความคิดจะหายไปเลย ความฟุ้งซ่านจะมอดดับไป ราวกับแมลงหวี่ แมลงวันที่บินเข้ากองไฟ แล้วมอดดับไป แตกสลายหายไป

 

ขอให้มีสติรู้ถึงความต่างไปเรื่อยๆ เมื่อจิตมีคุณภาพ เมื่อจิตยกระดับขึ้นไปมากขึ้นๆ ตัวปีติตรงนี้ จะมีสภาพเย็น สภาพชุ่มฉ่ำ เหมือนทั้งตัวจุ่มลงไปในน้ำเย็น แล้วก็จะเห็นว่าความฟุ้งซ่าน เวลาผ่านมา เราจะเห็นเป็นของที่ผ่านไปได้ง่ายๆ

 

ไม่ใช่ว่าความฟุ้งซ่านจะมีอำนาจมากระตุ้นให้จิต หลงสำคัญผิดว่าเป็นตัวของจิต เป็นตัวของเรา แต่ความฟุ้งซ่านผ่านมา แล้วมันจะผ่านไป เพื่อให้เรารู้สึกชัดขึ้นทุกทีว่า นั่นสักแต่เป็นภาวะปรุงแต่งจิต

 

ถ้าเรามีสติ แล้วปรุงแต่งจิตไม่ได้ ก็หายไป ไม่กลายเป็นเรา

 

อย่าไปตั้งคำถามว่า แบบนี้ปกติหรือเปล่า ผิดปกติหรือเปล่า ไม่ใช่นะ อะไรๆ ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัยที่เราทำไป จะเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั้งนั้น แม้กระทั่งอาการที่อยากจะร้องไห้ก็ตาม เป็นธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยที่สอดคล้องกัน

______________________

รู้ทำท่าแรกมีความสว่างที่ดวงตา ทำท่าที่ ๒ ไปประมาณครึ่งทางเกิดปิติสุขมากไม่หายไป และท่าที่ ๓ เกิดปิติมากกว่าเดิมจนน้ำตาไหลจะร้องไห้ขึ้นมา โดยที่สติฟังอาจารย์และจิตอยู่ที่สามเหลี่ยม อาการแบบนี้ปกติไหมคะ?

รายการปฏบัติธรรมที่บ้าน ตอน ให้ขันธ์ 5 รู้ตัวว่าเป็นขันธ์ 5

ช่วงถาม-ตอบ

วันที่ 11 กันยายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=LI1rKOIZ0Ko

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น