ดังตฤณ : พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ไม่ใช่เป็นไปตามคำอธิษฐานของคนอื่นๆ
พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า
ถ้าโยนก้อนหินลงในบ่อน้ำ
แล้วเอาคนทั้งหมู่บ้านมาล้อมรอบบ่อน้ำนั้น
แล้วช่วยกันสวด ขอให้ก้อนหินจงลอยขึ้นมาๆ
พระพุทธเจ้าถามว่า หินจะลอยขึ้นมาได้ไหม
อาศัยปุถุชนธรรมดาทั่วไป ไม่มีอภิญญา
คนก็รู้ว่า ไม่มีทางที่หินจะลอยขึ้นมาได้
เหมือนกัน เราจะไปช่วยให้สัตว์ขึ้นสวรรค์
หรือว่าไปดี ไปสบายอะไรต่างๆ
เพียงด้วยความอยากของเรา เป็นไปไม่ได้
แต่ขึ้นอยู่กับกรรมของมัน
ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงของเรา ตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่
ถ้าหากเราเลี้ยงมา อย่างเช่น
เอาหมาแมวไปดูเราใส่บาตร
แล้วก็พูดดีๆ กับมันว่า .. นี่คือกุศลนะ
ความสุข ความเบา ความสบาย เป็นส่วนของหนูนะ
พูดแบบซ้ำๆ แล้วกระแสใจของเรา มีความโปร่งเบาจริงๆ
ทำให้มันซึมซับรับรู้
ว่ากระแสจิตที่มีความเป็นกุศล
มีความสว่าง หน้าตาเป็นอย่างไร
ในที่สุด มันก็ซึมซับความสว่างนั้น
แล้วก่อนตาย ก็อาจได้ความสว่างตรงนั้น
เป็นเครื่องส่ง
แต่ถ้ามันตายไปแล้ว แล้วเราจะมาบอกว่า
ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลอะไรไป
เป็นความเข้าใจผิดๆ แบบคนไทยนะ
ว่าส่งไปทีหลังแล้วมันจะได้
ส่งไปทีหลังแล้ว เดี๋ยวมันจะไปสบายอะไรแบบนี้
ไม่มีนะ ไม่ใช่อะไรแบบนั้น
การส่งคนตายก็ดี ส่งสัตว์ตายก็ดี
ด้วยความคิดอยากจะให้ไปนั่นไปนี่
เพียงเพราะว่า ทำสังฆทานกี่ถัง ส่งให้
ทำบุญตักบาตร ใส่บาตร เพื่อที่จะให้ได้รับผลอะไรแบบนี้
เป็นความเข้าใจผิดสืบๆ กันมา .. ทำอะไรไม่ได้นะ
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
กรรมเป็นที่พึ่ง และจะตามไปดูแลสัตว์ที่ตายแล้ว
โดยที่เราตามไปดูแลด้วยไม่ได้
เราจะเป็นคนที่รักมันแค่ไหน
เราจะปรารถนาดีกับมันอย่างไร
ถ้ามันตายแล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์จะได้อะไรจากเราอีก
แต่ตอนที่มันยังมีชีวิตนั่นแหละ
ถ้าหากเราเข้าใจหลักการว่า
ทำอย่างไรให้จิตมีความสว่าง
ทำอย่างไรให้จิตเป็นกุศลมากขึ้นๆ
โดยอาศัยจิตของเรา กุศลจิตของเรา
เป็นตัวจุดชนวนกุศลขึ้นในจิตของมัน
อย่างนี้แหละ ถึงจะเป็นไปได้
สัตว์เลี้ยงตาย
จะช่วยให้จิตสุดท้ายหลุดพ้นยังไงคะ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน มโนภาพตัวตน
vs. นิมิตสังขารขันธ์
ช่วง คำถาม - คำตอบ
วันที่ 18 กันยายน 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=wYALTRf5B5I
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น