วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564

Q18จิตที่เกิดดับๆตลอด มีต้นกำเนิดจากไหน

ดังตฤณ : ตรงนี้นี่ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เงื่อนต้น เงื่อนปลาย นี่ ไม่มี

 

สังสารวัฏ พอเราขยายสเกลออกไป เหมือนกับดวงดาว ตอนแรกเราจะเห็นว่ามีดวงดาวอยู่ใกล้เราดวงหนึ่งแน่ๆ แต่พอขยายขอบเขตออกไปเป็นกาแลกซี่ มีแสนล้านดวง ในหนึ่งกาแลกซี่นะ

 

เสร็จแล้วในจักรวาล มีอยู่ตอนนี้ สองล้านกว่า เฉพาะที่ค้นพบ สองล้านกว่ากาแลกซี่

 

กลายเป็นแบบว่า ดวงดาว เป็นกลุ่มเมฆหมอก นับเป็นดวงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าเป็นอนันต์

 

ทีนี้ จำนวนการเกิดตายในสังสารวัฏ ก็เป็นอนันต์แบบนั้นแหละ เป็นอนันตชาติ หาไม่เจอนะ แม้แต่พระสัพพัญญุตญาณ

 

พระสัพพัญญุตญาณ คือรู้ทุกอย่างจริงๆ แล้วพอเอาสัพพัญญุตญาณของพระพุทธเจ้าเล็งไป ถ้าอะไรไม่มีให้เห็น แปลว่า นั่นไม่มี

 

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า สังสารวัฏ ไม่มีเงื่อนต้น ไม่มีชาติแรก เพราะอะไร เพราะว่าการที่จะเกิดขึ้นมาเป็นอะไรอย่างหนึ่งได้ ต้องมีการสั่งสมบุญบาป เพื่อให้กลายเป็นความเป็นอย่างนั้น

 

อย่างเป็นมนุษย์ ต้องมีบุญมากกว่าบาปนะ

 

ถ้ามีชาติแรกโดยที่ไม่ต้องอาศัยบุญบาป อย่างนี้ ปฏิจจสมุปบาท ไม่เป็นความจริงเลยนะ

 

เสร็จแล้วพระพุทธเจ้าก็เลยตรัสว่า เพื่อที่จะเอาเงื่อนต้นจริงๆ อย่าเอาชาติแรก ท่านให้เอาที่อวิชชา

 

อวิชชา นี่มาก่อน เป็นหัวหน้านำมา พอมีอวิชชา มีความไม่รู้ในแต่ละชาติก็เกิดการสะสมบุญบาปในแต่ละชาติ

 

พอจะสิ้นชาติภพในแต่ละครั้ง ตัวกองบุญกองบาป ก็จะมางัดข้อกัน

 

กองบุญชนะ ก็จะบันดาลจิตแรกในภพใหม่ หรือที่เรียกว่า ปฏิสนธิวิญญาณขึ้นมา

 

ถ้าไม่มีกองบุญกองบาป ปฏิสนธิวิญญาณในภพต่อไป ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

 

ปฏิสนธิวิญญาณเกิดขึ้นแล้ว หมายความว่าอย่างไร

 

เกิดเป็นภวังคจิต เข้าไปอยู่ในท้องคนบ้าง เข้าไปผุดเกิดเป็นสัตว์นรกเต็มตัวเลยบ้าง ไปผุดเกิดเป็นเทวดาเต็มตัวเลยบ้าง

 

เสร็จแล้วพอมีจิตประจำภพแล้ว ชัวร์ๆแล้ว ก็ถึงได้มีจิตหรือว่าวิญญาณขันธ์ ที่ไปรู้ภาพ รู้เสียง รู้กลิ่น รู้รส รู้ผัสสะทางกาย จะเป็นกายมนุษย์หยาบๆ หรือกายทิพย์ของเทวดาก็ตาม หรือกายแบบสัตว์นรกก็ตาม

 

หรือว่าไปรู้ความคิด รู้ธรรมารมณ์ สภาพอันมากระทบใจ อย่างนี้ ก็เกิดขึ้นเป็นเหตุปัจจัย ไหลเป็นสายน้ำต่อเนื่องนะ

 

เพราะฉะนั้น คือวิญญาณเกิดมาจากกองบุญกองบาป กองบุญกองบาป สะสมได้เพราะว่า จิตยังมีอวิชชาอยู่ สะสมกองบุญกองบาปได้ในแต่ละชาตินะ

 

นี่เป็นธรรมชาติ เป็นการอิงอาศัยให้เกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่ใช่ว่ามีหนึ่ง สอง สาม เรียงลำดับมา แต่เกิดขึ้นพร้อมกันทีเดียว นี่แหละ ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท หรือ อตัมมยตานะครับ

______________________

รายการปฏบัติธรรมที่บ้าน ตอน ให้ขันธ์ 5 รู้ตัวว่าเป็นขันธ์ 5

ช่วงถาม-ตอบ

วันที่ 11 กันยายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป :

https://www.youtube.com/watch?v=ji7ISi_dSm8

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น