วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564

Q03เกิดนิมิตระหว่างนอนหลับ รู้สึกเสมือนจริง เป็นฌาน หรือจิตปรุงแต่ง

ดังตฤณ : ถ้าเอาไปคุยกับฝรั่ง ตอนนี้เขากำลังฮอต (hot) กันมาก เป็น topic ที่ฮอตมากเลย เรียกว่า ลูซิดดรีมมิง (Lucid dreaming) เป็นการที่เรามีสติรู้ตัวอยู่ว่ากำลังฝัน

 

หรือกำลังอยู่ในนิมิตสมาธิก็ตาม จะมีตัวตน มีสัมผัส มีผัสสะครบเลย ได้กลิ่น ได้ยินเสียง

 

อย่างพวกพระธิเบต เล่นกันอย่างนี้จริงจังมากนะ ที่เป็น Lucid dreaming ที่เป็นฝันเสมือนจริงนี่ .. มีบางท่านที่เป็นผู้อาวุโสของพระทิเบต ท่านบอกเลยนะว่าทำสมาธิใน Lucid dreaming จะได้ผลใหญ่กว่าตอนทำสมาธิขณะตื่น 9 เท่า ท่านเอามาตราส่วนไหนมาวัดก็ไม่ทราบ แต่ว่า ท่านนี้เป็นพระที่มีชื่อเสียงมากทางทิเบต

 

ทีนี้ จะบอกว่า อย่างถ้าเราทำสมาธิ เดินจงกรมเป็นในขณะที่ตื่นอยู่ แล้วไปมีความรู้ตัวในขณะฝันอย่างนี้ ก็จะมีขอบเขตขยายใหญ่ขึ้น

 

คืออย่างของทางทิเบต เขาเอาแค่สมาธิ ไม่ค่อยจะเอาเรื่องไปนิพพานกัน ไม่ค่อยจะเจริญสติกัน โดยความเป็นของไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวตน เพราะว่า พวกนั้นเขาจะออกแนวทางยาว อยากไปเป็นพระโพธิสัตว์กัน

 

คือ 99 จาก 100 คนของพระธิเบตก็จะออกแนวนั้น เป็นมหายาน อยากจะขนสัตว์โลก สังสารสัตว์ออกไปให้หมด ก่อนที่ตัวเองจะเข้านิพพานเป็นคนสุดท้ายเลย นี่ก็เป็นในลักษณะความยึดแบบหนึ่ง เป็นความเชื่อแบบหนึ่ง ว่าเป็นไปได้

 

แต่จริงๆเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ต่อให้พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นอีกเป็นจำนวนอนันต์ ก็ไม่มีทางขนสัตว์ออกไปหมดได้ เพราะว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระโคดม ท่านก็บอกว่า สัตว์ที่เข้าถึงนิพพานได้ มีอยู่นิดเดียว หยิบมือเดียว

 

ขนาดบอกว่านิดเดียวหยิบมือเดียว ท่านยังตรัสด้วยนะ พระพุทธเจ้าอุบัติแล้วเป็นอนันต์ จำนวนเท่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทร เยอะขนาดไหนก็ลองคิดดูแล้วกันนะ ขนาดนั้นท่านยังบอกว่าคนถึงนิพพาน สัตว์ที่ถึงนิพพานยังน้อยนัก

 

ทีนี้ถ้าเราไม่หลงไปยึดสมาธิในแบบพระธิเบต แต่ว่าเจริญสติเจริญปัญญาในแบบของคนเอาทางสั้น .. Lucid dreaming ก็มีประโยชน์ คือคุณเข้าถึงฌานได้ง่ายๆ เลยนะ นี่บอกจากประสบการณ์ตรงเลย

 

คนมักสงสัย เอ๊ะ ฌานหน้าตาเป็นอย่างไร บางทีถ้าคุณสามารถมีสติ ปฏิบัติต่อ นั่งสมาธิแบบอานาปานสติที่ทำๆ กันอยู่นี่ จะเข้าถึงฌานได้ง่ายๆ เลยเพราะว่าจิตที่มีสติอยู่ในฝัน จะไม่มีเครื่องรบกวนภายนอก และมีลักษณะที่พร้อมจะเป็นหนึ่ง ไม่มีความฟุ้งซ่านแบบนี้รบกวน

 

สรุปว่าที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ตรงของคุณ เรียก Lucid dreaming แล้วประโยชน์สูงสุด ถ้าหากว่าจะเอาไปใช้ ก็คือตั้งใจไว้ล่วงหน้า

 

เราปฏิบัติสมาธิอย่างไร เราเดินจงกรมอย่างไรในขณะตื่นอยู่ ก็ให้ไปเดินจงกรมแบบนั้น นั่งสมาธิแบบนั้น ในขณะเกิด Lucid dreaming

 

แล้วจะมีภาคขยาย จะเห็นอะไรได้ชัด

 

แล้วเขาพิสูจน์แล้วนะเป็นวิทยาศาสตร์เลยนะว่า เราจะฝึกอะไรใน Lucid dreaming ก็แล้วแต่ จะมีผลมาขยายให้กับตอนตื่นด้วย

 

ยกตัวอย่างเช่นบางคนที่เก่ง Lucid dreaming แล้วเขาใช้ฝึกกีฬาหรือ ฝึกดนตรี ออกมาแล้วเก่งขึ้นมหาศาลเลย แบบว่าคนอ้าปากค้างเป็นไปได้อย่างไร

 

อันนี้พิสูจน์เป็นวิทยาศาสตร์แล้วนะ แล้วบอกด้วยว่าการทำงานของสมองในขณะ Lucid dreaming ก็คือว่าส่วนที่ทำหน้าที่หลับ พูดง่ายๆ ก็ยังทำหน้าที่หลับ อยู่แต่ส่วนที่มีสำนึกรับรู้ แบบตอนตื่น แบบตอนลืมตาตื่นนี่ ก็ทำงานด้วย

 

จะแตกต่าง คือตอนที่เราลืมตาตื่นอยู่ สมองจะทำงานแบบหนึ่ง ที่ให้รู้ตัวว่าไม่ได้หลับ รู้ตำแหน่งแหล่งที่ รู้ที่ตั้งว่านี่เป็นทิศเบื้องหน้า นี่ซ้าย นี่ขวา ตามสภาพของธรรมชาติทางกาย ที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

 

แต่ในส่วนที่จะปิดการรับรู้ ปิดกั้นการรับรู้คืออยู่ในอาการหลับนี่ จะไม่เกิดขึ้น สมองส่วนนั้นจะไม่ทำงาน

 

ในขณะที่ถ้าคนหลับธรรมดา จะมีสมองส่วนที่ทำหน้าที่หลับ หลับอย่างเดียวไม่รับรู้เรื่องทางหูตาไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองตื่นอยู่

 

ในขณะที่คนที่เกิด Lucid dreaming จะมีสองจุดนี่เกิดขึ้นพร้อมกัน

 

คือมีความรู้สึกเหมือนตื่นอยู่ด้วย แล้วก็มีอาการของสมองที่จะปิดกั้น การรับรู้ภายนอกทางหูตา มารับรู้ภายในอย่างเดียว

 

พูดง่ายๆ ถ้าอธิบายในทางธรรมก็คือว่า มโนทวารเปิดรับรู้อะไรอีกแบบ หนึ่ง ที่จิตปรุงแต่งขึ้นมาเป็นนิมิตฝัน

 

แล้วนิมิตฝันนั่นแหละ อย่างสมมติคุณแค่ซ้อมใน Lucid dreaming คุณยกมือ โดยกำหนดว่าให้มีลูกตุ้มเหล็ก มีดัมเบลอยู่ ตื่นขึ้นมา กล้ามเนื้อของคุณจะแข็งแรงขึ้นจริงๆ เพราะว่าสมองส่วนที่รับรู้แล้วควบคุม ที่เรียกว่ามอเตอร์ ควบคุมกล้ามเนื้อ หรือควบคุมการเคลื่อนไหว แยกไม่ออกว่าอันไหนฝันอันไหนจริง

 

เพราะฉะนั้น เลยเหมือนกับมีการสั่งงานกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ ให้ตอบสนองจริงๆ ด้วย นี่เขาค้นคว้ากันมาละเอียดแล้วนะ พูดกันได้แบบเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องลึกลับ ลองไปค้นดูได้นะเกี่ยวกับเรื่องของ Lucid dreaming

 

ทีนี้ บอกหลักไว้นิดหนึ่ง คือถ้าคุณได้แบบนี้จากการฝึกสมาธิ จากการทำอานาปานสติ อย่าให้เสียเปล่า

 

เพราะว่าคนที่ได้ Lucid dreaming ส่วนใหญ่จะเอาไปใช้ในทางที่ขยาย ขอบเขตความสุขแบบโลกๆ ให้บรรเจิดนะ คุณเข้าไปมีตัวตนอะไรได้อีกแบบหนึ่งเลย แม้กระทั่งว่าสามารถสื่อสารกับคนที่มี Lucid dreaming ด้วยกันยังได้นะ ทำอะไรได้สารพัดพิสดาร บอกไว้เลย

 

แต่บอกเพื่อจะให้เข้าใจ ให้มองเห็นภาพล่วงหน้าว่า บรรเจิดแบบโลกๆ นี่ ไม่คุ้มนะ ที่คุณได้ Lucid dreaming มานี่

 

เพราะในที่สุดแล้ว คุณจะพบว่า ตัวเองเข้าไปติดกับดักของสังสารวัฎในอีกแบบหนึ่ง คือได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น สวรรค์จริงๆ เลยนะ ก่อนที่ตัวเองจะแตกตายไป

 

และคนที่ติดอยู่ในสวรรค์นี่ ก็คือคนที่ไม่ค่อยจะมีสิทธิ์เข้าถึงนิพพาน โอกาสที่จะไปถึงนิพพาน จะยาก เพราะว่าความสุขความตื่นเต้นความสนุกสนาน แบบที่อยู่ในสวรรค์ทั้งเป็น เป็นอะไรที่น่าติดใจแบบที่ คนที่ถึงตรงนั้น ถึงจะเข้าใจนะว่าขนาดไหน

 

แต่ถ้าหากว่าเราเจริญอานาปานสติ แล้วก็มีธรรมะปฏิบัติอยู่ในใจแล้ว เราก็จะมองเห็นว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นกับดักของสังสารวัฎ ที่ไม่ให้เราพ้นไป

 

______________________

หลังจากที่ได้ปฎิบัติตามหลักอานาปานสติทุกคืนก่อนนอนแล้ว ตอนตื่นบางวันเกิดประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คือ มีความชัดว่าเบากาย เบาใจ และมีความความเย็นสบายเป็นสุขอย่างมาก บางวันเห็นนิมิต สถานที่สวยงามคล้ายวัดมีสีทองอร่าม ในนิมิตนั้นตอนเดินสำรวจ รู้สึกชัดอีกว่ามีสัมผัสที่ฝ่าเท้ากำลังเดินอยู่จริงๆ และรู้ตัวด้วยว่าขณะนี้ก็กำลังนอนอยู่ ไม่ทราบว่าสภาวะนี้คืออะไรกันแน่ครับ เป็นการอยู่ในฌาน หรือแค่จิตปรุงแต่งไปเองเฉยๆหรือเปล่า?

รายการปฏบัติธรรมที่บ้าน ตอน ให้ขันธ์ 5 รู้ตัวว่าเป็นขันธ์ 5

ช่วงถาม-ตอบ

วันที่ 11 กันยายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป :https://www.youtube.com/watch?v=TkpL2YRJaJY

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น