ดังตฤณ : อย่างตอนนี้ ถ้าคุณกำลังฟังผมพูดอยู่
แค่หลับตาไป
แล้วรู้ว่ากำลังมีการรับรู้ทางเสียงด้วยหู
แล้วใจเราเป็นอย่างไร .. ใจรู้สึกว่า
เกิดความเข้าอกเข้าใจ
ว่า ผมกำลังพูดภาษาไทย หรือว่ากำลังพูดถึงธรรมะส่วนไหน
พอผมหยุดพูดปุ๊บ ส่วนของการรับรู้ทางเสียงหายไป
นี่ก็คือวิญญาณขันธ์หายไปให้ดูแล้ว
วิญญาณขันธ์ในที่นี้เรียกว่า โสตวิญญาณ
ตอนคุณได้ยินเสียงผมพูดอยู่ โสตวิญญาณเกิดขึ้น
พอผมเงียบเสียงไป โสตวิญญาณก็หายไป
เวลาเรารู้ เราแค่รู้เฉยๆ
อันนี้ต้องอาศัยความเข้าใจประกอบ
โสตวิญญาณ คือการรับรู้ทางเสียง
การรับรู้ทางเสียง
จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีเสียงกระทบ
แล้วมีอาการทางใจ เงี่ยหูฟัง
ถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป โสตวิญญาณไม่มีทางเกิด
ถ้ามีแต่การนึกคิด ที่มีความคิด หรือธรรมารมณ์กระทบใจ
กระทบหู
แล้วมีการเงี่ยหูฟัง เกิดความเข้าใจเนื้อความ
เกิดความเข้าใจว่า เราสงสัยอะไรแล้วได้คำตอบ
อย่างนี้ ตัวที่พาไปสู่ความเข้าอกเข้าใจได้
มีการรับรู้ทางเสียง
หู เป็นผู้รับรู้เสียง การที่หูรับรู้เสียงอยู่
เรียกว่า โสตวิญญาณ
ถ้าคุณแค่ไม่เงี่ยหูฟัง แต่เปิดตาดู ไปดูอะไรอย่างอื่น
แล้วจ้องดูอย่างนั้น โดยไม่รับรู้
ไม่มีการเงี่ยหูฟังเลยว่าเนื้อความเป็นอย่างไร
นี่เรียกว่า โสตวิญญาณดับไป
แล้วกลายเป็นจักขุวิญญาณเช่นกัน
คือไม่ต้องไปตั้งใจละทิ้ง ไม่ต้องไปพยายามที่จะ ละ
วาง
มันละไม่ได้นะ ด้วยการตั้งใจ
แต่ละได้ ด้วยการที่เราเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า
วิญญาณขันธ์ไม่เที่ยง
มันเกิดประกอบพร้อมกับสิ่งกระทบอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ
แล้วพอสิ่งกระทบนั้นหายไป ตัววิญญาณขันธ์ก็ดับ
ดับแล้วดับเลยไม่กลับมานะ ส่วนนั้น
ดับแล้วดับเลย
ที่เรายังนึกว่า ตัวเราเป็นผู้ได้ยินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ครั้งนี้ เราเป็นผู้ได้ยิน ไปคุยกับคนอื่น
ครั้งหน้า เราก็เป็นผู้ได้ยินอีก ..
นี่คือความเข้าใจผิด
แต่ถ้าฝึกดูตั้งแต่ตรงนี้เลย พอผมพูดปุ๊บ
คุณได้ยินเสียง ตัวคุณเป็นผู้ได้ยินเสียง อันนี่มีความหลงผิดอยู่
แต่ถ้าเกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผมพูดไป แล้วหูเป็นผู้ได้ยินเสียง
เสียง ไปกระทบหู
แล้วเกิดการรับรู้ทางเสียงขึ้นมา เรียกว่า โสตวิญญาณ
ไม่มีตัวใครเป็นผู้ได้ยิน
มีแต่โสตวิญญาณเกิดขึ้น
แล้วมีตัวสังขารขันธ์มาปรุงแต่งต่อ
ว่านี่เราได้ยินอะไร ข้อความนี้เป็นอย่างไร
ข้อความนี้เป็นอย่างไรก็คือ ภาษาอะไร
แล้วเขากำลังพูดคำไหน สื่อถึงอะไร อันนี้คือ
สัญญาขันธ์
ส่วนที่ว่า พอรับรู้ไปแล้ว จะเกิดความเข้าใจ
หรือไม่เข้าใจ
อันนี้เรียกว่า สังขารขันธ์
ตัวนี้เราก็ได้แค่พิจารณาว่า มันไม่เที่ยง
เกิดจากเหตุปรุงประกอบให้เกิดวิญญาณขันธ์ขึ้นมาเป็นขณะๆ
เราทำได้แค่นี้
เราไม่สามารถไปตั้งใจปล่อยวางว่า
มันไม่ใช่ตัวเราได้
จิตต้องอิ่มตัวจากการมีสติ
รับรู้ความไม่เที่ยงไปเรื่อยๆ เอง
ถึงจะเห็นชัดว่า วิญญาณขันธ์ ไม่ใช่ตัวตน
เกิดดับไปเรื่อยๆ ตามเหตุปัจจัยนะครับ
การไม่ยึดติด หรือการละในขันธ์ ๕
ส่วนของวิญญาณขันธ์นั้นเป็นอย่างไรคะ?
รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ตอน มโนภาพตัวตน
vs. นิมิตสังขารขันธ์
ช่วง คำถาม - คำตอบ
วันที่ 18 กันยายน 2564
ถอดคำ : เอ้
รับชมคลิป : https://www.youtube.com/watch?v=u9p5QMuTI6c
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น