วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564

Q10แก้ความกังวลด้วยการดูละคร หรือฟังธรรมะ แต่รู้สึกไม่ถูกทาง ขอคำแนะนำ

ดังตฤณ : คุณไม่ต้องไปกังวลมาก เราเป็นฆราวาสนี่นะ อยากจะทำอย่างไรก็ทำไปเถอะ ที่จะเสพความบันเทิงบ้างอะไรบ้าง ไม่ต้องไปคาดคั้นตัวเองว่าจะต้องอยู่ในกรอบแบบนักปฏิบัติ full time ที่ท่านถือเพศบรรพชิตกันแล้ว

 

คือผมเข้าใจดี ที่เราทำๆ กันจริงๆ แล้วขัดแย้งกับเพศสภาพที่เป็นฆราวาสอยู่นะ อย่างไรก็ตาม คุณก็ได้เห็นนะว่าเราทำกันได้จริง

 

เหมือนกับในสมัยพุทธกาล ท่านก็ทำกันได้จริง ทั้งๆที่เป็นฆราวาสอยู่ คืออย่าไปถึงขั้นว่ากังวลว่าจะต้องให้ได้แบบนักปฏบัติ full time นะครับ

 

เราเป็นนักปฏิบัติ part time ที่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ทำแบบเรื่อยๆ ทำแบบเหมือนเล่นๆ แต่ว่าเอาจริง ต่อเนื่อง ในที่สุดจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นไปเอง โดยที่ไม่ต้องไปเกร็งมาก

 

พวกที่เกร็งมาก ผมเห็นมามากแล้ว ที่พอถึงจุดหนึ่ง หยุดเลย บอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว ทนอยู่ไม่ได้ ไม่รู้จะเลือกข้างไหน เอาสว่าง หรือเอามืด

 

ก็ให้เทาๆ ไปก่อนนะครับ ให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบที่เราเป็นตามอัตภาพ เอาแบบนั้น จะดูหนัง ดูละคร ก็ช่างเถอะ แต่ให้รู้ด้วยก็แล้วกันว่า ที่เราดูหนังดูละครนี่ ผลลัพธ์ เป็นจิตแบบไหน หลงแบบยืดเยื้อไปเป็นวันๆ หรือเป็นเดือนๆ แล้วขี้เกียจปฏิบัติไปเลยหรือเปล่า

 

แบบนั้นเรียกว่ามากเกินไป

 

แต่ถ้าดูหนังดูละคร ตามใจกิเลสหน่อย แล้วก็มาคิดถึงการภาวนา .. นี่ อย่างนี้เรียกว่าเป็นการผ่อนสั้นผ่อนยาว ผ่อนหนักผ่อนเบา แบบพอดีๆ ในแบบที่จะกลับมา refresh ตัวเองใหม่ได้นะครับ

 

______________________

ช่วงปฏิบัติใหม่ๆ จะเห็นโกรธแรงๆ เกิดขึ้นบ่อย และเห็นความเกิดดับได้ชัดเจน ปัจจุบันไม่ค่อยโกรธแรง แต่ยังมีความกังวลมาให้เห็น แต่ความกังวลมันมักจะยืดเยื้อค่ะ เพราะจะคิดไปต่อเนื่อง บางทีก็เลยหนีด้วยการเปิดธรรมะฟัง หรือหนีดูละครไปเลยค่ะ คิดว่าไม่ค่อยถูกทาง ขอคำแนะนำด้วยค่ะ?

รายการปฏบัติธรรมที่บ้าน ตอน ให้ขันธ์ 5 รู้ตัวว่าเป็นขันธ์ 5

ช่วงถาม-ตอบ

วันที่ 11 กันยายน 2564

ถอดคำ : เอ้

รับชมคลิป :https://www.youtube.com/watch?v=77MMcxGvVDI&t=11s

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น