วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องตื่นมาปฏิบัติธรรมในรูปแบบ เช่นนั่งสมาธิตอนเช้าตี 4 การปฏิบัติธรรมตอนก่อนนอนจะดีเท่ากันหรือไม่คะ?


ดังตฤณ :  มันขึ้นอยู่กับเราตั้งเป้าไว้แบบไหน ถ้าหากว่าเราตั้งใจแค่ปฏิบัติธรรมเพื่อมีความสุขในปัจจุบัน ไม่ต้องเครียดจนกระทั่งเหมือนจะเป็นบ้านะครับ กับการงานยุคนี้สมัยนี้ สมัยก่อนเราเรื่อยๆเฉื่อยๆใจสบายๆ งานการอะไรต่างๆเนี่ย มากันแบบว่าวันต่อวันน่ะนะครับ พอทำเสร็จบางทีเหมือนกันพักได้เป็นเดือน แทบจะไม่มีอะไรต้องมาวุ่นวายกันต่อ

แต่สมัยนี้เนี่ยมันมาอยู่ตลอด แล้วก็น่าจะเป็นเหตุปัจจัยทางเทคโนโลยีด้วย ที่ทำให้เราเหมือนกับรับงานกันได้เยอะขึ้น รับงานกันได้ไม่จำกัด แล้วก็ดูจัดการงานหรือว่าคุยกับผู้คนเกี่ยวกับเรื่องงานได้ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นเนี่ย ความฟุ้งซ่านมันก็จะมากกว่าคนในยุคอื่นๆนะครับ ถ้าหากว่าเรามาเจริญสติเพียงหวังว่าจะให้ความฟุ้งซ่านมันทุเลาเบาบางลง มีความสุขมากขึ้น ก็ไม่ต้องทำตามรูปแบบก็ได้ จะเอาแนวแบบว่า ดูจิตดูใจหรือว่าดูมีสติรู้เท่าทันภาวะที่มันเป็นปัจจุบันอยู่ ก็โอเคแล้วนะครับ ถือว่ามีความสุขในปัจจุบันแบบชาวพุทธเกรดเอแล้ว เกรดเอที่เป็นฆราวาสนะครับ

แต่ถ้าหากว่า ความตั้งใจของเรา เราอยากจะให้สมาธิมีพัฒนาการมีความก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นสมาธิแบบสัมมาทิฏฐิ เป็นสมาธิแบบที่จะทำให้เรามีความตื่นรู้ แล้วก็มีความสามารถที่จะสิ้นทุกข์สิ้นโศกได้ หรืออย่างน้อยที่สุดปิดอบายเป็นพระโสดาบันได้ ก็จำเป็นนะครับที่จะต้องเอาจริงเอาจังนิดนึง อย่างน้อยเอาจริงเอาจังเป็นช่วงๆน่ะนะครับ เจริญหรือว่าเดินตามมรรคมีองค์แปดเป็นพักๆ คือไม่จำเป็นต้องตลอดปีตลอดชาติแบบที่ผู้ที่ถือบวชด้วยความตั้งใจทำมรรคผลทำนิพานให้แจ้งโดยเฉพาะ

แต่อย่างน้อยถ้าเรารู้จักที่จะทำสมาธิบ้าง เดินจงกรมบ้าง หรือว่าอาจจะประพฤติปฏิบัติอะไรในทางที่จะทำให้กายใจมีความเบามีความบางลงจากกิเลส ก็มีส่วนนะครับที่ว่า ทำสมาธิได้เนี่ยเป็นเรื่องดีแน่นอนนะครับ ถามว่าจำเป็นไม๊ มันแล้วแต่เป้าหมายนะครับ

แล้วทีนี้บอกว่า ตอนก่อนนอนกับตอนเข้านอนอันไหนดีกว่ากัน จริงๆควรทำทั้งสองอย่าง ทั้งตื่นนอนมา แล้วก็ก่อนจะเข้านอน เพราะว่าตอนเพิ่งตื่นเนี่ยหัวกำลังโล่งๆ มันมีความพร้อมที่จะเห็นสภาวะธรรมตามจริงมากกว่า มีความพร้อมที่จะตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่ายกว่านะครับ

แต่ตอนนอนเนี่ย มันก็เหมือนกับเป็นการชะล้างสิ่งโสโครก ขยะทางอารมณ์ หรือว่าความขุ่นมัว ถ้าปฏิบัติไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นจิตเห็นใจ คุณจะเห็นเลยนะครับยิ่งเราใช้ชีวิตประจำวันไปมากชั่วโมงขึ้นเท่าไหร่ ตกเย็นเนี่ยมันยิ่งมีอะไรหมักหมม มันยิ่งมีอะไรที่เหมือนกับร่างกายที่มีแบคทีเรียมีปฏิกูล แต่จิตใจของเราเนี่ย อาจจะยิ่งกว่านั้น

เพราะว่าการที่จะต้องมาคุยการงานกันแบบเคร่งเครียด ต้องมาโต้เถียงกันในห้องประชุมว่าเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอะไรต่างๆเนี่ย มันมีความขะมุกขะมอม มันมีความเป็นตะปุ่มตะป่ำ จิตเนี่ยถ้าหากว่าเราไม่ได้ชะล้าง ไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอนบ้าง หรือว่าไม่ได้มาดูจิตดูใจบ้าง ไม่ได้มานั่งสมาธิเดินจงกรมบ้าง บางทีเราหลับไปพร้อมกับความสกปรก คืออุตส่าห์ชำระสะสางร่างกายแล้ว รู้สึกเหมือนจิตใจมันชื่นบานขึ้นนิดนึง

แต่สังเกตดูเถอะ ถ้าหากว่าเรื่องค้างคามันยังหมักหมมอยู่ในจิตเนี่ยนะครับ คือนอนลงไปเนี่ยมันไม่รู้สึกสะอาดจริง มันมีความสกปรกอยู่ มันมีหยากเยื้ออะไรที่มันแฝงอยู่นะครับกับการนอนของเรา ซึ่งทำให้เรานอนไม่สบาย นอนไม่รู้สึกดีนะครับ

---------------------------------------------------------------------

ผู้ถอดคำ                      แพร์รีส แพร์รีส
วันที่ไลฟ์                  ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (รายการปฏิบัติธรรมที่บ้าน)
คำถาม                         จำเป็นหรือไม่ที่ต้องตื่นมาปฏิบัติธรรมในรูปแบบ เช่นนั่งสมาธิ
                              ตอนเช้าตี 4 การปฏิบัติธรรมตอนก่อนนอนจะดีเท่ากันหรือไม่คะ?
ระยะเวลาคลิป           ๕.๑๓ นาที
รับชมทางยูทูป          https://www.youtube.com/watch?v=3iv61mWYLZw&list=PLmDLNhxScsWPHpIdf0LAQiQM1j9ZebEMx&index=30


** IG **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น