ถาม : คนบางคนมีแรงดึงดูดสูงและมีอำนาจชักจูงคนจำนวนมาก
ดังที่ฝรั่งเรียก ‘คาริสม่า’ (charisma) เหมือนอย่างเช่น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
ที่เหนี่ยวนำประชาชนที่กำลังสิ้นหวัง ให้กลับฮึกเหิมและลุกฮือขึ้นเป็นพวกคลั่งชาติ
กับทั้งเปลี่ยนเยอรมนีจากสภาพผู้แพ้สงครามโลกให้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจได้
หรืออย่างหญิงชายที่มีอำนาจตรึงใจคนราวกับโดนคุณไสย
เหมือนมีพลังบังคับให้คนที่ใกล้ชิดอยากบอกว่ารักและอยากอยู่ด้วยตลอดไป
แม้ว่านิสัยใจคอจะก้าวร้าวและไม่น่าติดใจเอาเลย แต่กลับเป็นที่จดจำ ลืมยาก
และอาลัยโหยหา อย่างนี้มาจากการสั่งสมกรรมแบบไหนคะ?
>
จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๐
> รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/pNl7w3oT6V8
ดังตฤณ:
พวกมีคาริสม่าสามารถให้คุณให้โทษ
ทั้งกับตัวเองและโลกได้มากเท่ามาก หากชาติไหนน้ำหนักกุศลดลใจให้คิดดี
ก็อาจเหวี่ยงตัวขึ้นไปเป็นศาสดาได้ แต่หากชาติไหนน้ำหนักอกุศลครอบงำจิต
ก็อาจกลายพันธุ์ไปเป็นจอมซาตานได้ไม่ยากเช่นกัน
ก่อนอื่นมานิยามคำว่า
‘คาริสม่า’ กันให้ชัดเฉพาะในที่นี้นะครับ ว่าเราพูดถึงคนมีแรงดึงดูดสูงผิดธรรมดา
และไม่จำกัดเฉพาะว่าเป็นพวกผู้นำการปกครองหรือศาสดาใดๆ
แต่เหมารวมไปถึงชายหญิงที่เสน่ห์แรงผิดปกติ ใครเห็นเป็นต้องหลงใหลคลั่งไคล้
อาจจะในทันที หรือเพียงพบปะพูดคุยหนสองหน
ตัวตนของพวกมีคาริสม่าเหมือนแม่เหล็กทรงพลัง
คุณจะมองไม่เห็น
กับทั้งไม่รู้สึกหรอกว่าแรงดึงดูดจากเขาและเธอมันส่งออกมาจากตรงไหน เพราะทั้งหมดที่เป็นเขาและเธอนั่นเองคือแรงดึงดูด
ทันทีที่คุณเห็นเขาหรือเธอ อย่างน้อยต้องจ้องมองด้วยความพิศวง
หรือรู้สึกพิเศษผิดธรรมดาสักอึดใจหนึ่ง
กรรมที่ทำให้น่าสนใจย่อมเป็นไปในฝ่ายบุญกุศล
และการมีคาริสม่าก็มักจะเป็นกระแสกรรมที่สืบเนื่องในทางเดียวกันตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
บรรดาบุญที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้เพียงข้อใดข้อหนึ่งอาจยังไม่เข้าขั้นก่อให้เกิดคาริสม่า
ต้องหลายๆข้อประกอบกันจึงให้ผลชัด
๑) บุญอันเกิดจากการเป็นผู้ยินดีริเริ่มทำดีก่อนใคร
บุญชนิดนี้จะตกแต่งให้รูปร่างหน้าตาแตกต่างจากคนทั่วไป คือมีบางอย่างที่โดดเด่นขึ้นมา
อาจไม่ได้สวยหล่อเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อยต้องดูดี
มีความสง่าแบบที่ชวนให้หมู่ชนเชื่อว่าเป็นผู้นำได้ ฝากความหวังได้
หรือเป็นที่พึ่งให้กับพวกตนได้
รูปร่างหน้าตาเป็นสิ่งที่จับต้องได้และมีความคงทน
ฉะนั้นรูปร่างหน้าตาจึงมักสะท้อนบุญหรือบาปที่ทำเป็นประจำ
ทำอย่างสม่ำเสมอในอดีตชาติ หากปัจจุบันชาติยังคงสืบสายกรรมแบบเดียวกันนั้น
ก็ย่อมเป็นไปด้วยกัน เข้ากันได้อย่างกลมกลืน
คือทั้งกายและจิตฉายรัศมีไปในทางเดียวกัน
สัมผัสด้วยตาเปล่าก็เชื่อแล้วว่าหุ่นอย่างนี้นำคนได้
นอกจากผลที่เกิดทางกายแล้ว
บุญชนิดนี้ยังให้ผลทางใจอีกด้วย กล่าวคือพวกเขาจะ ‘กล้าแตกต่าง’
ไม่กลัวที่จะแตกแถว โดยเฉพาะเมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นการแตกออกมาจากแถวที่เลว
พวกที่กล้าแตกต่างมักสามารถทำเรื่องธรรมดาให้ไม่ธรรมดาได้
ถ้าคุณเคยกินแกงจืดหรืออาหาร ‘ธรรมดา’ อื่นๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดา ก็คงเดาได้ว่านั่นสะท้อนถึงกรรมวิธีที่แตกต่าง
และสิ่งที่ทำให้กรรมวิธีแตกต่างกันก็คือวิธีคิดของแต่ละคน
ผู้ที่ทำของธรรมดาให้ไม่ธรรมดาได้ ย่อมชื่อว่าเป็นคนพิเศษ
และคุณก็รู้สึกถึงความพิเศษจากกระแสความเป็นเขาได้เพียงพบปะพูดคุยไม่นาน
๒) บุญอันเกิดจากความตั้งใจจริงหนักแน่น
คือเมื่อคิดอนุเคราะห์เหล่ามนุษย์และสัตว์จะมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ
แม้ต้องผ่านความยากลำบากและอาศัยระยะเวลายาวนานเพียงใด
ใจจะเล็งอยู่แต่เป้าหมายเท่านั้น ไม่ถึงไม่เลิก
และไม่นำพากับอุปสรรคที่ขวางทางอยู่
ความพากเพียรจนสำเร็จโดยไม่วอกแวก
มีความข่มใจ มีความอดกลั้นต่อการยั่วยุให้เขวออกนอกทาง
ก็เหมือนการทำสมาธิอย่างหนึ่ง ยิ่งหนักแน่นแน่วแน่
จิตก็ยิ่งตั้งมั่นรวมเป็นดวงใหญ่ และตามธรรมชาติของจิตแล้ว
ยิ่งมีความใหญ่ขึ้นเท่าใด
ก็ยิ่งข่มจิตที่เล็กกว่าให้ยอมพินอบพิเทาได้มากขึ้นเท่านั้น
ผู้นำระดับแม่ทัพต้องมีบุญชนิดนี้มากๆ
จิตจึงมีอานุภาพสูง ผลของบุญเมื่อเอามาใช้ในทางบาปอาจอยู่ในรูปของความเหี้ยมเกรียม
เด็ดขาด หรือดื้อจะเอาอย่างใจให้ได้
แต่ความเหี้ยมเกรียมและความดื้อก็อาจหมุนกลับมาเป็นปัจจัยหนุนความดี
เมื่อใดอยากทำดีก็ทำเต็มที่อีกเหมือนกัน
พวกที่เด็ดขาดทั้งทางดีทางร้ายมามากมักมีรัศมีแรงสูง
มีความน่ายำเกรง ถ้าบวกเข้ากับการเป็นคนช่างคิดช่างฝัน
มีความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง
ก็มักรู้สึกชัดเจนจากข้างในว่าโลกนี้ต้องเป็นไปตามจินตนาการของข้า
คือนึกอยากให้เกิดอะไรขึ้น ก็มักเกิดสิ่งนั้นขึ้นมาจริงๆ คุณอาจเคยตกอยู่ใต้อำนาจการเหนี่ยวนำทางจิตของคนอื่นมาก่อน
เช่น คุณอยากบอกว่า ‘ไม่’ แต่รู้สึกถึงพลังกดดันให้ต้องตอบว่า ‘ก็ได้’
หรือคุณยังไม่พร้อมโทร.หาใคร แต่รู้สึกเหลือฝืนต้าน ต้องโทร.หาเขาเดี๋ยวนั้น
ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของเขาพอดี
พวกมีคาริสม่ามักรักแรง
แค้นแรง และชอบสะกดจิตคนอื่นด้วยมโนนึกของตนเอง
ลักษณะภายนอกของคนพวกนี้มักมีดวงตาดำใหญ่ ฉายอารมณ์ชัด และชอบจดจ้อง
การที่จิตเขาแรงจะทำให้ตัวเขาแจ่มชัด และคงเส้นคงวาในมโนภาพของคนอื่น
ลองหลับตานึกถึงคนที่คุณเห็นมา จะพบว่ามีระดับความชัดเจนต่างกัน
และที่ชัดสุดก็ได้แก่พวกมีคาริสม่านี่เอง
อนึ่ง
พลังทางอารมณ์ที่เข้มข้นอาจทำให้พวกเขาดูเหมือนสติดี
แต่ความจริงเป็นความสามารถจดจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเลิกจดจ้องก็อาจเหม่อลอยขาดสติได้อย่างคนทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น
คนธรรมดาทั่วไปอาจรู้สึกว่าตัวเองโกรธ แต่ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับความโกรธ ส่วนพวกมีพลังทางอารมณ์เข้มข้นจะโกรธด้วยจิตที่แค้นแรง
และอาจมีอานุภาพคุกคามข่มขวัญให้คู่แค้นรู้สึกเหมือนเผชิญปีศาจที่น่าพรั่นพรึง
แต่เมื่อหลุดจากภาวะโกรธนั้น เขาจะดูเหมือนคนธรรมดาไร้พิษสง
ไม่คล้ายปีศาจแต่อย่างใด
ว่ากันว่าฮิตเลอร์นั้น
เมื่อเดินเข้าห้องประชุมทหารระดับปกครอง
เหล่าทหารใหญ่มักรู้สึกเหมือนมีไฟช็อตอ่อนๆ
แสดงให้เห็นถึงขุมพลังที่โชนออกมาอย่างแรงกล้าของฮิตเลอร์
ที่คุกคามขวัญได้แม้แต่ทหารใจเหี้ยมด้วยกัน
แต่ความจริงก็คือฮิตเลอร์เป็นคนอบอุ่นที่ดูไม่น่ากลัวอะไรเลยสำหรับครอบครัวและคนที่เขารัก
นั่นแสดงให้เห็นว่า อยู่กับทหารเขาตั้งจินตนาการเกี่ยวกับตนเองไว้อย่างหนึ่ง
ต่อเมื่ออยู่กับคนที่เขาจะเป็นตัวของตัวเองจริงๆ
จินตนาการก็จะแปรไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง
และเช่นกัน
คุณอาจตกอยู่ในบ่วงพิศวาสของชายหรือหญิงสักคน หลงนึกว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
มีจินตนาการเลิศลอยชวนพิศวงราวกับเทพบุตรเทพธิดา
แท้จริงอาจเป็นแค่จินตนาการของเขาหรือเธอที่สามารถเหนี่ยวนำให้คุณเห็นไปอย่างนั้น
และคุณก็หลงเชื่อ หลงรู้สึกไปอย่างนั้นแบบถอนตัวไม่ขึ้น
๓) บุญที่เคยทำธรรมะให้น่าสนใจ
ธรรมะในที่นี้หมายถึงความเชื่อดีๆ ความรู้ดีๆ สัจจะความจริงดีๆ ที่ทำให้คนทั้งหลายหันมาใฝ่บุญใฝ่กุศล
เพราะฉะนั้นจะเป็นธรรมะในศาสนาพุทธหรือลัทธิความเชื่ออื่นใดไม่สำคัญ
สำคัญที่พาคนไปทางดีได้ก็แล้วกัน
แนวการเผยแผ่ธรรมะของแต่ละคนผิดแผกแตกต่างได้ลิบลิ่ว
บางคนก็ใช้วิธียัดเยียด บางคนก็ใช้วิธีบังคับข่มขู่ บางคนก็ใช้วิธีอนุโลมเอาใจ
บางคนก็ใช้วิธีผ่อนคลายด้วยอารมณ์ขัน
บางคนก็ใช้วิธีเหนี่ยวนำให้สนใจด้วยอุบายแยบคาย
แน่นอนว่าบุญที่เกิดขึ้นจากการเผยแผ่ธรรมะด้วยวิธีต่างๆย่อมไม่เหมือนกันไปด้วย
ว่ากันเฉพาะวิธีเผยแผ่ธรรมะด้วยวิธีเหนี่ยวนำให้สนใจ
ถ้าใครทำสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอชาติหน้าจะเห็นได้ชัดว่าตัวตนของเขามีแรงดึงดูดเป็นแม่เหล็กกันได้แล้ว
ส่วนจะเป็นแม่เหล็กอ่อนๆหรือแม่เหล็กแรงๆ ก็ขึ้นอยู่กับบารมีหลายๆด้านประกอบกัน
พวกทำธรรมะให้น่าสนใจนั้น
ในชาติถัดมามักมีความคิดสร้างสรรค์สูง
บางครั้งก็มาในรูปของนิสัยชอบสร้างความอลังการน่าตื่นตาตื่นใจกับมวลชน
เหมือนเช่นที่ฮิตเลอร์สร้างสัญลักษณ์ประกาศความยิ่งใหญ่อย่างอินทรีเหนือสวัสดิกะ
แผ่ปีกบรรเจิดอยู่ในรัฐสภา ชวนให้นึกถึงความเป็นจักรพรรดิโลก
ความคิดสร้างสรรค์พันลึกชนิดนั้น ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในกระแสจิตของเขา
ไปที่ไหนภาพความเป็นอินทรีเหนือสวัสดิกะย่อมติดตามเขาไปด้วยทุกหนทุกแห่ง
นอกจากทำธรรมะให้น่าสนใจแล้ว
คงต้องเหมารวมการทำธรรมะให้แจ่มแจ้งด้วย หากเคยฝึกแจกแจง
ฝึกทำให้คนฟังเกิดความเข้าใจธรรมะอย่างชัดเจนเสมอๆ ชาติถัดมาจะ ‘พูดเป็น’
โดยไม่ต้องหัด หรือ ‘พูดเก่ง’ โดยสัญชาตญาณ คือมีน้ำเสียงชัดใส ผูกประโยคได้เข้าใจง่าย
ไม่วกวน เป็นเหตุเป็นผล ไม่เลื่อนลอย ไม่คลุมเครือ และมักสั่งอารมณ์ในขณะพูดได้
ว่าจะให้อารมณ์ของตนกลายเป็นอารมณ์ร่วมของคนฟังหมู่มากแบบไหน
ถ้อยคำและวิธีพูดเป็นส่วนประกอบสำคัญของคาริสม่าแบบผู้นำ
เพราะต่อให้กระแสจิตเป็นแม่เหล็กแรงเพียงใด ก็ไม่มีทางโน้มน้าวใจใครได้โดยปราศจากการใช้คำพูดอย่างเด็ดขาด
๔) บุญอันเกิดจากความเชื่อมั่นในความดีงาม
คือเมื่อศรัทธาในคำสอนหรือกรอบความประพฤติที่เห็นว่าเป็นคุณ เป็นประโยชน์
เป็นความสุขต่อตนเองและต่อโลกแล้ว ก็ไม่กลับเปลี่ยนง่ายๆ
โดยเฉพาะเมื่อตั้งใจถือศีลให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็สามารถทำได้จริงๆตลอดชีวิตแม้ต้องเผชิญเครื่องลองใจมากมาย
การเป็นผู้ไม่โอนอ่อนตามการหลอกล่อ
ไม่หูเบากับเสียงยั่วยุ แต่มีหลักการพิจารณาที่แยบคายของตนเอง
อาศัยปัญญาของตนเองเป็นเครื่องตัดสินขั้นสุดท้าย
ล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งความเป็นตัวของตัวเอง
ศรัทธาที่ตั้งมั่นไม่คลอนแคลนในบุญ
จะเป็นเกราะกั้นตนเองจากอิทธิพลภายนอก และแม้ยังไม่เกิดใหม่ก็จะเป็นตัวของตัวเอง
กระทั่งแรงชักจูงของพวกที่มีคาริสม่าด้วยกันก็ทำอะไรไม่ได้ เช่น
ถ้าจะเคารพนับถือใคร จะไม่ใช่ด้วยอคติ คือไม่ใช่ด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยความชัง
ไม่ใช่ด้วยความกลัว และไม่ใช่ด้วยความโง่เขลา
แต่เคารพนับถือเพราะเห็นคุณงามความดีบางอย่างของเขา
โดยมากพวกมีคาริสม่าจะดูเชื่อมั่นในตนเองแบบเกินๆพอดี
แต่พวกมีคาริสม่าขั้นสุดยอดจะเป็นแบบสูงสุดคืนสู่สามัญ
เพราะสามารถเห็นคุณงามความดีของทุกคน สามารถให้ความนับถือได้แทบทุกคน จึงกลายเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง
ความอ่อนน้อมถ่อมตนอันเกิดจากปัญญาจัดเป็นตบะบารมีชนิดหนึ่ง
ไม่ใช่ความอ่อนแอแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น