วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

กรรมที่ทำให้เกิดคาริสม่า (ดังตฤณ)

ถาม : คนบางคนมีแรงดึงดูดสูงและมีอำนาจชักจูงคนจำนวนมาก ดังที่ฝรั่งเรียก ‘คาริสม่า’ (charisma) เหมือนอย่างเช่น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่เหนี่ยวนำประชาชนที่กำลังสิ้นหวัง ให้กลับฮึกเหิมและลุกฮือขึ้นเป็นพวกคลั่งชาติ กับทั้งเปลี่ยนเยอรมนีจากสภาพผู้แพ้สงครามโลกให้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจได้ หรืออย่างหญิงชายที่มีอำนาจตรึงใจคนราวกับโดนคุณไสย เหมือนมีพลังบังคับให้คนที่ใกล้ชิดอยากบอกว่ารักและอยากอยู่ด้วยตลอดไป แม้ว่านิสัยใจคอจะก้าวร้าวและไม่น่าติดใจเอาเลย แต่กลับเป็นที่จดจำ ลืมยาก และอาลัยโหยหา อย่างนี้มาจากการสั่งสมกรรมแบบไหนคะ

> จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่มที่ ๑๐

> รับฟังทางยูทูบ : https://youtu.be/pNl7w3oT6V8


ดังตฤณ: 
พวกมีคาริสม่าสามารถให้คุณให้โทษ ทั้งกับตัวเองและโลกได้มากเท่ามาก หากชาติไหนน้ำหนักกุศลดลใจให้คิดดี ก็อาจเหวี่ยงตัวขึ้นไปเป็นศาสดาได้ แต่หากชาติไหนน้ำหนักอกุศลครอบงำจิต ก็อาจกลายพันธุ์ไปเป็นจอมซาตานได้ไม่ยากเช่นกัน

ก่อนอื่นมานิยามคำว่า ‘คาริสม่า’ กันให้ชัดเฉพาะในที่นี้นะครับ ว่าเราพูดถึงคนมีแรงดึงดูดสูงผิดธรรมดา และไม่จำกัดเฉพาะว่าเป็นพวกผู้นำการปกครองหรือศาสดาใดๆ แต่เหมารวมไปถึงชายหญิงที่เสน่ห์แรงผิดปกติ ใครเห็นเป็นต้องหลงใหลคลั่งไคล้ อาจจะในทันที หรือเพียงพบปะพูดคุยหนสองหน

ตัวตนของพวกมีคาริสม่าเหมือนแม่เหล็กทรงพลัง คุณจะมองไม่เห็น กับทั้งไม่รู้สึกหรอกว่าแรงดึงดูดจากเขาและเธอมันส่งออกมาจากตรงไหน เพราะทั้งหมดที่เป็นเขาและเธอนั่นเองคือแรงดึงดูด ทันทีที่คุณเห็นเขาหรือเธอ อย่างน้อยต้องจ้องมองด้วยความพิศวง หรือรู้สึกพิเศษผิดธรรมดาสักอึดใจหนึ่ง

กรรมที่ทำให้น่าสนใจย่อมเป็นไปในฝ่ายบุญกุศล และการมีคาริสม่าก็มักจะเป็นกระแสกรรมที่สืบเนื่องในทางเดียวกันตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน บรรดาบุญที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้เพียงข้อใดข้อหนึ่งอาจยังไม่เข้าขั้นก่อให้เกิดคาริสม่า ต้องหลายๆข้อประกอบกันจึงให้ผลชัด

๑) บุญอันเกิดจากการเป็นผู้ยินดีริเริ่มทำดีก่อนใคร บุญชนิดนี้จะตกแต่งให้รูปร่างหน้าตาแตกต่างจากคนทั่วไป คือมีบางอย่างที่โดดเด่นขึ้นมา อาจไม่ได้สวยหล่อเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อยต้องดูดี มีความสง่าแบบที่ชวนให้หมู่ชนเชื่อว่าเป็นผู้นำได้ ฝากความหวังได้ หรือเป็นที่พึ่งให้กับพวกตนได้

รูปร่างหน้าตาเป็นสิ่งที่จับต้องได้และมีความคงทน ฉะนั้นรูปร่างหน้าตาจึงมักสะท้อนบุญหรือบาปที่ทำเป็นประจำ ทำอย่างสม่ำเสมอในอดีตชาติ หากปัจจุบันชาติยังคงสืบสายกรรมแบบเดียวกันนั้น ก็ย่อมเป็นไปด้วยกัน เข้ากันได้อย่างกลมกลืน คือทั้งกายและจิตฉายรัศมีไปในทางเดียวกัน สัมผัสด้วยตาเปล่าก็เชื่อแล้วว่าหุ่นอย่างนี้นำคนได้

นอกจากผลที่เกิดทางกายแล้ว บุญชนิดนี้ยังให้ผลทางใจอีกด้วย กล่าวคือพวกเขาจะ ‘กล้าแตกต่าง’ ไม่กลัวที่จะแตกแถว โดยเฉพาะเมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นการแตกออกมาจากแถวที่เลว

พวกที่กล้าแตกต่างมักสามารถทำเรื่องธรรมดาให้ไม่ธรรมดาได้ ถ้าคุณเคยกินแกงจืดหรืออาหาร ‘ธรรมดา’ อื่นๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดา ก็คงเดาได้ว่านั่นสะท้อนถึงกรรมวิธีที่แตกต่าง และสิ่งที่ทำให้กรรมวิธีแตกต่างกันก็คือวิธีคิดของแต่ละคน ผู้ที่ทำของธรรมดาให้ไม่ธรรมดาได้ ย่อมชื่อว่าเป็นคนพิเศษ และคุณก็รู้สึกถึงความพิเศษจากกระแสความเป็นเขาได้เพียงพบปะพูดคุยไม่นาน

๒) บุญอันเกิดจากความตั้งใจจริงหนักแน่น คือเมื่อคิดอนุเคราะห์เหล่ามนุษย์และสัตว์จะมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ แม้ต้องผ่านความยากลำบากและอาศัยระยะเวลายาวนานเพียงใด ใจจะเล็งอยู่แต่เป้าหมายเท่านั้น ไม่ถึงไม่เลิก และไม่นำพากับอุปสรรคที่ขวางทางอยู่

ความพากเพียรจนสำเร็จโดยไม่วอกแวก มีความข่มใจ มีความอดกลั้นต่อการยั่วยุให้เขวออกนอกทาง ก็เหมือนการทำสมาธิอย่างหนึ่ง ยิ่งหนักแน่นแน่วแน่ จิตก็ยิ่งตั้งมั่นรวมเป็นดวงใหญ่ และตามธรรมชาติของจิตแล้ว ยิ่งมีความใหญ่ขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งข่มจิตที่เล็กกว่าให้ยอมพินอบพิเทาได้มากขึ้นเท่านั้น

ผู้นำระดับแม่ทัพต้องมีบุญชนิดนี้มากๆ จิตจึงมีอานุภาพสูง ผลของบุญเมื่อเอามาใช้ในทางบาปอาจอยู่ในรูปของความเหี้ยมเกรียม เด็ดขาด หรือดื้อจะเอาอย่างใจให้ได้ แต่ความเหี้ยมเกรียมและความดื้อก็อาจหมุนกลับมาเป็นปัจจัยหนุนความดี เมื่อใดอยากทำดีก็ทำเต็มที่อีกเหมือนกัน

พวกที่เด็ดขาดทั้งทางดีทางร้ายมามากมักมีรัศมีแรงสูง มีความน่ายำเกรง ถ้าบวกเข้ากับการเป็นคนช่างคิดช่างฝัน มีความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง ก็มักรู้สึกชัดเจนจากข้างในว่าโลกนี้ต้องเป็นไปตามจินตนาการของข้า คือนึกอยากให้เกิดอะไรขึ้น ก็มักเกิดสิ่งนั้นขึ้นมาจริงๆ คุณอาจเคยตกอยู่ใต้อำนาจการเหนี่ยวนำทางจิตของคนอื่นมาก่อน เช่น คุณอยากบอกว่า ‘ไม่’ แต่รู้สึกถึงพลังกดดันให้ต้องตอบว่า ‘ก็ได้’ หรือคุณยังไม่พร้อมโทร.หาใคร แต่รู้สึกเหลือฝืนต้าน ต้องโทร.หาเขาเดี๋ยวนั้น ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของเขาพอดี

พวกมีคาริสม่ามักรักแรง แค้นแรง และชอบสะกดจิตคนอื่นด้วยมโนนึกของตนเอง ลักษณะภายนอกของคนพวกนี้มักมีดวงตาดำใหญ่ ฉายอารมณ์ชัด และชอบจดจ้อง การที่จิตเขาแรงจะทำให้ตัวเขาแจ่มชัด และคงเส้นคงวาในมโนภาพของคนอื่น ลองหลับตานึกถึงคนที่คุณเห็นมา จะพบว่ามีระดับความชัดเจนต่างกัน และที่ชัดสุดก็ได้แก่พวกมีคาริสม่านี่เอง

อนึ่ง พลังทางอารมณ์ที่เข้มข้นอาจทำให้พวกเขาดูเหมือนสติดี แต่ความจริงเป็นความสามารถจดจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง เมื่อเลิกจดจ้องก็อาจเหม่อลอยขาดสติได้อย่างคนทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น คนธรรมดาทั่วไปอาจรู้สึกว่าตัวเองโกรธ แต่ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับความโกรธ ส่วนพวกมีพลังทางอารมณ์เข้มข้นจะโกรธด้วยจิตที่แค้นแรง และอาจมีอานุภาพคุกคามข่มขวัญให้คู่แค้นรู้สึกเหมือนเผชิญปีศาจที่น่าพรั่นพรึง แต่เมื่อหลุดจากภาวะโกรธนั้น เขาจะดูเหมือนคนธรรมดาไร้พิษสง ไม่คล้ายปีศาจแต่อย่างใด

ว่ากันว่าฮิตเลอร์นั้น เมื่อเดินเข้าห้องประชุมทหารระดับปกครอง เหล่าทหารใหญ่มักรู้สึกเหมือนมีไฟช็อตอ่อนๆ แสดงให้เห็นถึงขุมพลังที่โชนออกมาอย่างแรงกล้าของฮิตเลอร์ ที่คุกคามขวัญได้แม้แต่ทหารใจเหี้ยมด้วยกัน

แต่ความจริงก็คือฮิตเลอร์เป็นคนอบอุ่นที่ดูไม่น่ากลัวอะไรเลยสำหรับครอบครัวและคนที่เขารัก นั่นแสดงให้เห็นว่า อยู่กับทหารเขาตั้งจินตนาการเกี่ยวกับตนเองไว้อย่างหนึ่ง ต่อเมื่ออยู่กับคนที่เขาจะเป็นตัวของตัวเองจริงๆ จินตนาการก็จะแปรไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง

และเช่นกัน คุณอาจตกอยู่ในบ่วงพิศวาสของชายหรือหญิงสักคน หลงนึกว่าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีจินตนาการเลิศลอยชวนพิศวงราวกับเทพบุตรเทพธิดา แท้จริงอาจเป็นแค่จินตนาการของเขาหรือเธอที่สามารถเหนี่ยวนำให้คุณเห็นไปอย่างนั้น และคุณก็หลงเชื่อ หลงรู้สึกไปอย่างนั้นแบบถอนตัวไม่ขึ้น

๓) บุญที่เคยทำธรรมะให้น่าสนใจ ธรรมะในที่นี้หมายถึงความเชื่อดีๆ ความรู้ดีๆ สัจจะความจริงดีๆ ที่ทำให้คนทั้งหลายหันมาใฝ่บุญใฝ่กุศล เพราะฉะนั้นจะเป็นธรรมะในศาสนาพุทธหรือลัทธิความเชื่ออื่นใดไม่สำคัญ สำคัญที่พาคนไปทางดีได้ก็แล้วกัน

แนวการเผยแผ่ธรรมะของแต่ละคนผิดแผกแตกต่างได้ลิบลิ่ว บางคนก็ใช้วิธียัดเยียด บางคนก็ใช้วิธีบังคับข่มขู่ บางคนก็ใช้วิธีอนุโลมเอาใจ บางคนก็ใช้วิธีผ่อนคลายด้วยอารมณ์ขัน บางคนก็ใช้วิธีเหนี่ยวนำให้สนใจด้วยอุบายแยบคาย แน่นอนว่าบุญที่เกิดขึ้นจากการเผยแผ่ธรรมะด้วยวิธีต่างๆย่อมไม่เหมือนกันไปด้วย

ว่ากันเฉพาะวิธีเผยแผ่ธรรมะด้วยวิธีเหนี่ยวนำให้สนใจ ถ้าใครทำสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอชาติหน้าจะเห็นได้ชัดว่าตัวตนของเขามีแรงดึงดูดเป็นแม่เหล็กกันได้แล้ว ส่วนจะเป็นแม่เหล็กอ่อนๆหรือแม่เหล็กแรงๆ ก็ขึ้นอยู่กับบารมีหลายๆด้านประกอบกัน

พวกทำธรรมะให้น่าสนใจนั้น ในชาติถัดมามักมีความคิดสร้างสรรค์สูง บางครั้งก็มาในรูปของนิสัยชอบสร้างความอลังการน่าตื่นตาตื่นใจกับมวลชน เหมือนเช่นที่ฮิตเลอร์สร้างสัญลักษณ์ประกาศความยิ่งใหญ่อย่างอินทรีเหนือสวัสดิกะ แผ่ปีกบรรเจิดอยู่ในรัฐสภา ชวนให้นึกถึงความเป็นจักรพรรดิโลก ความคิดสร้างสรรค์พันลึกชนิดนั้น ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในกระแสจิตของเขา ไปที่ไหนภาพความเป็นอินทรีเหนือสวัสดิกะย่อมติดตามเขาไปด้วยทุกหนทุกแห่ง

นอกจากทำธรรมะให้น่าสนใจแล้ว คงต้องเหมารวมการทำธรรมะให้แจ่มแจ้งด้วย หากเคยฝึกแจกแจง ฝึกทำให้คนฟังเกิดความเข้าใจธรรมะอย่างชัดเจนเสมอๆ ชาติถัดมาจะ ‘พูดเป็น’ โดยไม่ต้องหัด หรือ ‘พูดเก่ง’ โดยสัญชาตญาณ คือมีน้ำเสียงชัดใส ผูกประโยคได้เข้าใจง่าย ไม่วกวน เป็นเหตุเป็นผล ไม่เลื่อนลอย ไม่คลุมเครือ และมักสั่งอารมณ์ในขณะพูดได้ ว่าจะให้อารมณ์ของตนกลายเป็นอารมณ์ร่วมของคนฟังหมู่มากแบบไหน

ถ้อยคำและวิธีพูดเป็นส่วนประกอบสำคัญของคาริสม่าแบบผู้นำ เพราะต่อให้กระแสจิตเป็นแม่เหล็กแรงเพียงใด ก็ไม่มีทางโน้มน้าวใจใครได้โดยปราศจากการใช้คำพูดอย่างเด็ดขาด

๔) บุญอันเกิดจากความเชื่อมั่นในความดีงาม คือเมื่อศรัทธาในคำสอนหรือกรอบความประพฤติที่เห็นว่าเป็นคุณ เป็นประโยชน์ เป็นความสุขต่อตนเองและต่อโลกแล้ว ก็ไม่กลับเปลี่ยนง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อตั้งใจถือศีลให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็สามารถทำได้จริงๆตลอดชีวิตแม้ต้องเผชิญเครื่องลองใจมากมาย

การเป็นผู้ไม่โอนอ่อนตามการหลอกล่อ ไม่หูเบากับเสียงยั่วยุ แต่มีหลักการพิจารณาที่แยบคายของตนเอง อาศัยปัญญาของตนเองเป็นเครื่องตัดสินขั้นสุดท้าย ล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งความเป็นตัวของตัวเอง

ศรัทธาที่ตั้งมั่นไม่คลอนแคลนในบุญ จะเป็นเกราะกั้นตนเองจากอิทธิพลภายนอก และแม้ยังไม่เกิดใหม่ก็จะเป็นตัวของตัวเอง กระทั่งแรงชักจูงของพวกที่มีคาริสม่าด้วยกันก็ทำอะไรไม่ได้ เช่น ถ้าจะเคารพนับถือใคร จะไม่ใช่ด้วยอคติ คือไม่ใช่ด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยความชัง ไม่ใช่ด้วยความกลัว และไม่ใช่ด้วยความโง่เขลา แต่เคารพนับถือเพราะเห็นคุณงามความดีบางอย่างของเขา



โดยมากพวกมีคาริสม่าจะดูเชื่อมั่นในตนเองแบบเกินๆพอดี แต่พวกมีคาริสม่าขั้นสุดยอดจะเป็นแบบสูงสุดคืนสู่สามัญ เพราะสามารถเห็นคุณงามความดีของทุกคน สามารถให้ความนับถือได้แทบทุกคน จึงกลายเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง ความอ่อนน้อมถ่อมตนอันเกิดจากปัญญาจัดเป็นตบะบารมีชนิดหนึ่ง ไม่ใช่ความอ่อนแอแต่อย่างใด 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น